การไขว่คว้าหาความสุขอย่างบ้าคลั่งทิ้งให้ใครหลายคนวุ่นวายใจ กังวลว่าพวกเขาจะไม่มีวันมีความสุขกับงานถ้าพวกเขาไม่ได้เลือก “อาชีพที่สมบูรณ์แบบ” ของตนเอง บางคนเชื่อว่าตนเองจะรู้สึกติดแหงกอยู่กับงานที่ไม่ได้ทำในสิ่งที่ตนรัก เดวิด สจ๊วต (David Sturt) ผู้เขียนหนังสือขายดีของนิวยอร์กไทม์เรื่อง งานที่ยิ่งใหญ่ (Great Work) ยืนยันว่า เรื่องของการบรรลุเป้าหมายในอาชีพที่คนส่วนใหญ่เคยเจอมาไม่ได้มาจากการค้นพบตำแหน่งงานที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตนเองหนึ่งในล้านงานที่มีอยู่ในโลกนี้ แต่เป็นการสร้างความแตกต่างในงานที่เรามีอยู่แล้ว
คุณเดวิดได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “การสร้างความแตกต่าง” อีกว่า เป็นกุญแจสำคัญที่สุดในโลกนี้สำหรับเรื่องการสร้างความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กร ไม่สำคัญว่าคุณจะอยู่ที่ไหนหรือจะเป็นใครก็ตาม คนเราต่างต้องการมีความรู้สึกว่าตนเองกำลังเพิ่มมูลค่าให้กับอะไรบางอย่างที่ยิ่งใหญ่กว่าตนเอง ถ้าเราไม่รู้สึกแล้วล่ะก็ การขาดการรับรู้คุณค่าในตัวเองก็จะนำไปสู่อาการหดหู่ซึมเศร้าและไม่รู้สึกผูกพันกับงานที่ทำได้อย่างรวดเร็ว
ในรายการ Ted Talk คุณแดน แอเรียลลี (Dan Ariely) ได้มาพูดเรื่อง “อะไรทำให้เรารู้สึกดีในงานที่เราทำอยู่?”เขาอธิบายถึงการทดลองหลายอย่างที่คนจะถูกจ้างให้มาทำงานง่ายๆ โดยได้รับผลตอบแทนในจำนวนที่น้อยลง คนเหล่านี้ถูกแบ่งออกเป็นสามกลุ่มได้แก่ กลุ่มคนที่งานเป็นที่ยอมรับ, กลุ่มคนที่งานถูกเพิกเฉย และกลุ่มคนที่งานถูกทำลาย หลังจากทำเสร็จแล้ว ในการทดลองทั้งหมดนั้น งานที่ถูกเพิกเฉยและงานที่ถูกทำลายโดยพื้นฐานแล้วถือว่าอยู่ในระดับเดียวกัน
นอกจากนั้น คนที่รู้สึกว่างานของตนนั้นไร้ความหมายหรือไม่มีคุณค่าใดๆ มีแนวโน้มที่จะสร้างงานคุณภาพต่ำกว่าหรือโกงการทำงาน ทั้งๆ ที่พวกเขาก็กำลังหาเงินอยู่ ในทางตรงกันข้าม กลุ่มคนที่งานได้รับการยอมรับจะทำงานมากขึ้นด้วยคุณภาพที่สูงขึ้นและใส่ใจกับงานในระดับที่ดีกว่าเดิมมากด้วย ถึงแม้จะได้ผลตอบแทนน้อยลงก็ตาม ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า ความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ที่อยากรู้สึกว่างานของตนนั้นสำคัญมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อความผูกพันที่พวกเขามีต่องานและผลงานที่พวกเขาถ่ายทอดออกมา
ถ้าคุณคุยเรื่องนี้กับวิทยากรด้านการสร้างแรงจูงใจ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการช่วยเหลือตนเองคนใดก็ตาม พวกเขาจะบอกคุณว่าการรู้คุณค่าในตนเองคือ การตระหนักรู้ว่าตนเองสำคัญ และต้องเกิดขึ้นก่อนที่คุณจะสามารถใส่ใจสิ่งอื่นๆ ในชีวิตได้อย่างแท้จริง ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจเท่าไหร่นัก หากเรื่องนี้จะถูกนำไปประยุกต์ใช้กับการทำงานได้เหมือนกัน
เพื่อแก้ปัญหาความผูกพันของพนักงานที่มีต่องาน พนักงานทุกคนควรถามตนเองด้วยคำถามที่ว่า “เรากำลังเพิ่มมูลค่าให้กับงานของตนเองอยู่ใช่ไหม?” ถ้าคำตอบคือ “ไม่ใช่” ลองทำอะไรบางอย่างเพื่อแก้ไขเรื่องนี้ดู
คุยกับหัวหน้าของคุณคนแรกที่คุณควรไปหาเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้สึกว่าตนเองเข้าไม่ถึงภารกิจและวัตถุประสงค์ขององค์กรของคุณก็คือ หัวหน้าของคุณ แต่ถ้าหัวหน้าของคุณไม่สามารถอธิบายหรือช่วยทำให้คุณเข้าใจได้ว่างานของคุณเพิ่มมูลค่าให้กับเป้าหมายขององค์กรในภาพรวมได้อย่างไร คุณก็อาจจำเป็นที่จะต้องค้นหาคำตอบของคุณเองจากที่ไหนสักแห่งในบริษัท แต่หากไม่มีใครสามารถให้คำตอบที่เป็นรูปเป็นร่างกับคุณได้ ถ้าเช่นนั้นก็คงถึงเวลาแล้วที่จะเปลี่ยนงานหรือบริษัทใหม่
ยังมีงานวิจัยออกมาอย่างต่อเนื่องที่แสดงให้เห็นว่า งานที่ขาดความเชื่อมโยงต่อภารกิจและวัตถุประสงค์ของบริษัทส่งผลกระทบสำคัญต่อความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กร ถ้านายจ้างคนปัจจุบันของคุณไม่สามารถช่วยคุณสร้างความเชื่อมโยงนั้นขึ้นมาได้ ก็ถึงเวลาสำหรับการเปลี่ยนแปลงแล้วล่ะ แต่ขอให้จำไว้ว่า การก้าวออกไปไม่เหมือนกับการก้าวไปข้างหน้า
ค้นหาการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกนักแสดงละครในเมืองนิวยอร์กจะถูกสอนไม่ให้เคลื่อนย้ายตัวเองเพื่อออกไปจากจุดๆ หนึ่งบนเวที แต่จะถูกสอนให้เคลื่อนที่เข้าไปหาอีกจุดหนึ่งแทน ที่เป็นเช่นนี้ก็เพื่อสร้างทางเลือกในเชิงบวกขึ้นมา หลักการเดียวกันนี้สามารถปรับประยุกต์เข้ากับงานและอาชีพของคุณได้ ถ้าคุณรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้กำลังเพิ่มมูลค่าใดๆ ให้กับงานหรือบริษัทที่ทำงานอยู่ในปัจจุบันของคุณ คุณก็จะไม่มีวันอยากกระโดดออกมาจากเตียงในตอนเช้าเพื่อไปทำงานและถ่ายทอดศักยภาพที่คุณมีอยู่ในชีวิต
คุณควรลองมองหาความเชื่อมโยงระหว่างคุณค่าในงานของคุณกับเป้าหมายหลักของบริษัทจากที่ไหนสักแห่ง เช่นจากงานที่ต่างออกไปในบริษัทที่คุณทำงานอยู่ในปัจจุบัน หรือจากงานประเภทเดียวกันในอีกบริษัทหนึ่ง เมื่อคุณระบุเป้าหมายของตนเองได้แล้ว ก็ก้าวต่อไปเพื่อไปให้ถึงมัน
คุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนงานเพื่อค้นหาความสุขถ้าคุณรู้สึกว่าตนเองกำลังทำงานที่เพิ่มมูลค่าให้กับองค์กรและสิ่งต่างๆ รอบตัวคุณอยู่แล้ว ถ้าสภาพหรือเงื่อนไขในการทำงานอื่นๆ ดูค่อนข้างไม่ถูกต้องนัก มันก็คุ้มค่าที่คุณจะลองคุยเรื่องนี้กับเจ้านายหรือแผนกบุคคลดู เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้ได้ก่อนที่คุณจะตัดสินใจลาออก อย่างไรก็ตาม ไม่สำคัญว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะดีเยี่ยมแค่ไหน ถ้าคุณไม่สามารถมองเห็นคุณค่าที่คุณสร้างให้กับบริษัทของตนเองได้ คุณก็จะไม่มีวันมีความสุข หรือมีความผูกพันกับงานได้อย่างแท้จริง และคุณก็จำเป็นต้องก้าวไปยังที่ที่ดีกว่าเพื่อประโยชน์ของทุกคน โดยเฉพาะที่สำคัญอย่างยิ่งก็เพื่อตัวคุณเอง!
Reference: http://www.forbes.comที่มา:
http://www.centralsmartjobs.com/th/Home/KnowledgeDetail/98_%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%87%20%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A1