หลังจาก entry ก่อนหน้าที่เคยเขียนได้รับความสนใจจากหลายๆ คน (ขอบคุณมากครับ) ตอนนี้ผมได้รับโอกาสกลับมาทำงานเป็น มนุษย์เงินเดือน อีกรอบแล้ว
ความรู้สึกที่ได้รับเงินเดือนเดือนแรกกลับ มาตื่นเต้นอีกครั้งหนึ่ง (ไม่ใช่อะไร เพราะจะได้กินอย่างอื่นนอกจากแกลบและก้อนเกลือบ้าง) แต่ที่แน่ๆ พอกลับเข้าสู่สมรภูมิอีกครั้ง ผมไม่ได้กลับเข้าไปในฐานะทหารเฟรชชี่น้องใหม่ แต่กลับไปในฐานะทหารที่พอจะมีประสบการณ์รู้ทางหนีทีไล่ในการเอาตัวรอดจาก “ชีวิต 8 ชั่วโมง/วัน” อย่างมีความสุขตามอัตภาพ
หลังจากกลับมาเป็นมนุษย์ออฟฟิศได้ประมาณ 1 เดือนถ้วน นี่คือสิ่งใหม่ๆ ที่ผมได้เรียนรู้มาครับ
1. เวลาเดินทางนั้นดั่งเวลาทอง ทุกวันนี้ผมมีคนขับรถรับ-ส่งเวลาไปทำงานครับ แฮ่ม (เรียกอีกอย่างว่า นั่ง MRT ไปทำงาน)
จากการลองสังเกตดู ส่วนใหญ่คนบนรถก็มักจะนั่งเล่นมือถือเรื่อยเปื่อย พวกเขากำลังทำสิ่งที่สำคัญมากตกหาย! ผมใช้เวลาตอนไป-กลับใน MRT วันละประมาณ 1 ชั่วโมง ในการอ่านหนังสือครับ เพราะใน MRT เป็นสถานที่ทีบีบให้เราต้องอยู่กับตัวเอง (ไม่ก็สมาร์ทโฟนของตัวเอง) ดังนั้น เหล่าหนังสือที่สอยมาจากงานหนังสือจึงได้รับเกียรติให้มาทำหน้าที่ในช่วงนี้ นี่เอง (บางทีก็นั่งคิดงาน – นอนหลับ – เหล่สาวไปตามเรื่องเหมือนกันนะ)
ดังนั้น อย่าปล่อยให้เวลาทองที่หล่นหายไป ลองคิดดูว่าคุณสามารถเอาอะไรมาทำตอนเดินทางได้บ้าง เวลา 1 ชั่วโมงสำหรับพนักงานเงินเดือนก็รู้ๆ กันอยู่ว่ามีค่ามากขนาดไหน!
(อย่าอายครับ ขนาดหน้านี้ยังเขียนใน MRT เลย)
2. อย่าทิ้งสิ่งที่รัก บางคนลาออกจากงานเพื่อไปตามหาความฝัน บางคนคิดว่าพอทำงานประจำแล้วจะไม่มีเวลาทำสิ่งที่เรารัก
ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าเราสามารถอยู่กับฝันได้แบบประณีประณอมกันมากขึ้น
ลองจัดสรรเวลาในแต่ละวันหรือแต่ละอาทิตย์ กันช่วงเวลาเหล่านั้นไว้เพื่อทำงานอดิเรกที่ได้รายรับเป็นความสุขกันบ้าง ตัวอย่างเช่น ผมชอบถ่ายรูป ผมก็เลยคิดเสียว่า เอาวะ หยิบกล้องไปถ่ายรูปช่วงเวลาการเดินทางไป-กลับจากที่ทำงานละกัน หรือ ไม่ก็ ยอมตื่นเช้าหน่อย แบกกล้องไปเดินเล่น ก่อนขึ้นรถไปทำงานละกัน หรือ เสาร์-อาทิตย์ ก็เลือกสักวันที่ออกไปเดินถ่ายรูปในสิ่งที่ตัวเองสนใจ เป็นต้น
"ฉันทำงานโดยปราศจากคนที่รักฉัน แต่ฉันก็อิ่มใจว่า ฉันมีงานอดิเรกที่ฉันรัก – ม.ร.ว. กีรติไม่ได้กล่าว"
3. โฟกัส โฟกัส โฟกัส ไม่ได้เกี่ยวกับบอมธนิน ฟิลม์กันรอย หรือ ดังกิ้นโฟกัส แต่อย่างใด (ไม่ขำหรอครับ ขอโทษครับ)
พอทำงานที่มีตารางชีวิตฟิกซ์แน่นขนาดนี้ การแบ่งเวลาทำนู่นทำนี่เป็นเรื่องสำคัญมากๆ ดังนั้น ถ้ามีเวลาว่างๆ ควรีบจัดการธุระส่วนตัวอื่นๆ ที่นอกเหนือจากงานให้เสร็จโดยไว อย่ามัวแต่วิ่งคุกกี้รันหรือเข้าพันทิปเรื่อยเปื่อยจนรู้อีกทีก็ถึงเวลาเข้า นอนแล้ว ควรโฟกัสงานให้จบไปทีละเรื่องๆ อย่าผลัดไปเรื่อยๆ เพราะเราไม่รู้งานมันจะเข้ามาอีกตอนไหน ไม่เช่นนั้นนรกมาเยือนแน่ๆ ครับ
(ข้อนี้ คนเขียนก็ยังทำไม่ได้ครับ ฮา)
4. ฝิ่น เสพให้ดี ไม่มีโทษบอกเลยว่า ผมก็ทำฝิ่น (หรือภาษาที่คนทั่วไปรู้จักคือ งานนอกที่ไม่ใช่งานประจำ) ครับ
ยุคสมัยนี้งานเดียวอาจจะไม่พอ ต้องมีหาเศษหาเลยมาประทังชีวิตน้อยๆ ให้รอดต่อไป อาจจะไม่ได้มาก แต่ก็ช่วยค่าขนมค่ากาแฟกรุบกริบได้บ้างเช่นกัน
แม้ว่าเจ้านายจะบอกว่าทำได้นะ ไม่ห้าม แต่ด้วยจรรยาบรรณ เราก็ต้องโฟกัสกับงานประจำเป็นหลักก่อนนั่นแหล่ะครับ ดังนั้น จึงไม่ควรเอาฝิ่นมาแบบทำในเวลางานทั่วไป (เว้นแต่ว่าว่างจริงๆ) หรือ ประเจิดประเจ้อจนเกินงาม (แนะนำลองทำใน Google Drive ครับ ทำที่บ้านแล้วมาทำต่อที่ออฟฟิศได้แบบไร้รอยต่อ) แน่นอนว่า บางครั้งเงินฝิ่นก็แสนจะเย้ายวนใจมากขนาดไหน แต่ก็ไม่ควรลืมหน้าที่จริงๆ ของเรากันนะเออ
5. Because I’m happy, Clap along if you feel like a room without a roof~เรารู้ครับ ว่าหลายๆ คนเบื่อเพลงนี้แล้ว (ฮา)
แต่เชื่อเถอะครับ แม้ว่าเราจะต้องตบตีกับลูกค้า แก้งาน หม่ำอาหารขยะ ทะเลาะกับแฟน บลาๆ
การบิ๊วตัวเองให้มีความสุขไปทำงานในแต่ละวันโคตรจะสำคัญ และ ไม่ได้ยากขนาดต้องดมแก๊สหัวเราะก่อนไปทำงานทุกเช้า
หนึ่งเทคนิคที่ผมใช้อยู่บ่อยครั้งในการสะกดจิตตัวเองให้ลุกขึ้นสู้พร้อมไฟลุกพรึ่บคือ
“จงฟังเพลงปลุกใจเป็นเพลงแรกของวัน”หวังว่า 5 ข้อนี้คงจะช่วยให้เหล่า First Jobber เฟรชชี่ที่กำลังจะเข้าสู่สมรภูมินี้ ใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น ไม่มากก็น้อยนะครับ และถ้าใครมีไอเดียเจ๋งๆ ในการใช้ชีวิตกับงานประจำให้เจ๋งเป้งไม่เจ๊งบ๊ง ก็ลองมาแชร์กันได้ในคอมเมนต์นะครับ
credit:
http://fjsk.in.th/when-i-go-back-to-be-full-time-employee/