ผู้เขียน หัวข้อ: สิ่งที่เรียนรู้จากการกลับไปเป็นมนุษย์เงินเดือน  (อ่าน 870 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Master

  • [color=Turquoise][i]"อาจจะเหนื่อยล้าและมีผิดหวัง แต่ยังมีพรุ่งนี้ให้เราได้เริ่มกันใหม่ ทุกชีวิตที่อยู่ในเมืองนี้ สักวันก็คงได้สมดังใจ ... "[/i][/color]
  • Global Moderator
  • Sr. Member
  • *****
  • กระทู้: 487
  • พอยท์: 0
    • ดูรายละเอียด
หลังจาก entry ก่อนหน้าที่เคยเขียนได้รับความสนใจจากหลายๆ คน (ขอบคุณมากครับ) ตอนนี้ผมได้รับโอกาสกลับมาทำงานเป็น มนุษย์เงินเดือน อีกรอบแล้ว

ความรู้สึกที่ได้รับเงินเดือนเดือนแรกกลับ มาตื่นเต้นอีกครั้งหนึ่ง (ไม่ใช่อะไร เพราะจะได้กินอย่างอื่นนอกจากแกลบและก้อนเกลือบ้าง) แต่ที่แน่ๆ พอกลับเข้าสู่สมรภูมิอีกครั้ง ผมไม่ได้กลับเข้าไปในฐานะทหารเฟรชชี่น้องใหม่ แต่กลับไปในฐานะทหารที่พอจะมีประสบการณ์รู้ทางหนีทีไล่ในการเอาตัวรอดจาก “ชีวิต 8 ชั่วโมง/วัน” อย่างมีความสุขตามอัตภาพ

หลังจากกลับมาเป็นมนุษย์ออฟฟิศได้ประมาณ 1 เดือนถ้วน นี่คือสิ่งใหม่ๆ ที่ผมได้เรียนรู้มาครับ

1. เวลาเดินทางนั้นดั่งเวลาทอง
ทุกวันนี้ผมมีคนขับรถรับ-ส่งเวลาไปทำงานครับ แฮ่ม (เรียกอีกอย่างว่า นั่ง MRT ไปทำงาน)
จากการลองสังเกตดู ส่วนใหญ่คนบนรถก็มักจะนั่งเล่นมือถือเรื่อยเปื่อย พวกเขากำลังทำสิ่งที่สำคัญมากตกหาย! ผมใช้เวลาตอนไป-กลับใน MRT วันละประมาณ 1 ชั่วโมง ในการอ่านหนังสือครับ เพราะใน MRT เป็นสถานที่ทีบีบให้เราต้องอยู่กับตัวเอง (ไม่ก็สมาร์ทโฟนของตัวเอง) ดังนั้น เหล่าหนังสือที่สอยมาจากงานหนังสือจึงได้รับเกียรติให้มาทำหน้าที่ในช่วงนี้ นี่เอง (บางทีก็นั่งคิดงาน – นอนหลับ – เหล่สาวไปตามเรื่องเหมือนกันนะ)
ดังนั้น อย่าปล่อยให้เวลาทองที่หล่นหายไป ลองคิดดูว่าคุณสามารถเอาอะไรมาทำตอนเดินทางได้บ้าง เวลา 1 ชั่วโมงสำหรับพนักงานเงินเดือนก็รู้ๆ กันอยู่ว่ามีค่ามากขนาดไหน!
(อย่าอายครับ ขนาดหน้านี้ยังเขียนใน MRT เลย)

2. อย่าทิ้งสิ่งที่รัก
บางคนลาออกจากงานเพื่อไปตามหาความฝัน บางคนคิดว่าพอทำงานประจำแล้วจะไม่มีเวลาทำสิ่งที่เรารัก
ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าเราสามารถอยู่กับฝันได้แบบประณีประณอมกันมากขึ้น
ลองจัดสรรเวลาในแต่ละวันหรือแต่ละอาทิตย์ กันช่วงเวลาเหล่านั้นไว้เพื่อทำงานอดิเรกที่ได้รายรับเป็นความสุขกันบ้าง ตัวอย่างเช่น ผมชอบถ่ายรูป ผมก็เลยคิดเสียว่า เอาวะ หยิบกล้องไปถ่ายรูปช่วงเวลาการเดินทางไป-กลับจากที่ทำงานละกัน หรือ ไม่ก็ ยอมตื่นเช้าหน่อย แบกกล้องไปเดินเล่น ก่อนขึ้นรถไปทำงานละกัน หรือ เสาร์-อาทิตย์ ก็เลือกสักวันที่ออกไปเดินถ่ายรูปในสิ่งที่ตัวเองสนใจ เป็นต้น
 "ฉันทำงานโดยปราศจากคนที่รักฉัน แต่ฉันก็อิ่มใจว่า ฉันมีงานอดิเรกที่ฉันรัก – ม.ร.ว. กีรติไม่ได้กล่าว"

3.  โฟกัส โฟกัส โฟกัส
ไม่ได้เกี่ยวกับบอมธนิน ฟิลม์กันรอย หรือ ดังกิ้นโฟกัส แต่อย่างใด (ไม่ขำหรอครับ ขอโทษครับ)
พอทำงานที่มีตารางชีวิตฟิกซ์แน่นขนาดนี้ การแบ่งเวลาทำนู่นทำนี่เป็นเรื่องสำคัญมากๆ ดังนั้น ถ้ามีเวลาว่างๆ ควรีบจัดการธุระส่วนตัวอื่นๆ ที่นอกเหนือจากงานให้เสร็จโดยไว อย่ามัวแต่วิ่งคุกกี้รันหรือเข้าพันทิปเรื่อยเปื่อยจนรู้อีกทีก็ถึงเวลาเข้า นอนแล้ว ควรโฟกัสงานให้จบไปทีละเรื่องๆ อย่าผลัดไปเรื่อยๆ เพราะเราไม่รู้งานมันจะเข้ามาอีกตอนไหน ไม่เช่นนั้นนรกมาเยือนแน่ๆ ครับ
(ข้อนี้ คนเขียนก็ยังทำไม่ได้ครับ ฮา)
 
4. ฝิ่น เสพให้ดี ไม่มีโทษ
บอกเลยว่า ผมก็ทำฝิ่น (หรือภาษาที่คนทั่วไปรู้จักคือ งานนอกที่ไม่ใช่งานประจำ) ครับ
ยุคสมัยนี้งานเดียวอาจจะไม่พอ ต้องมีหาเศษหาเลยมาประทังชีวิตน้อยๆ ให้รอดต่อไป อาจจะไม่ได้มาก แต่ก็ช่วยค่าขนมค่ากาแฟกรุบกริบได้บ้างเช่นกัน
แม้ว่าเจ้านายจะบอกว่าทำได้นะ ไม่ห้าม แต่ด้วยจรรยาบรรณ​ เราก็ต้องโฟกัสกับงานประจำเป็นหลักก่อนนั่นแหล่ะครับ ดังนั้น จึงไม่ควรเอาฝิ่นมาแบบทำในเวลางานทั่วไป (เว้นแต่ว่าว่างจริงๆ) หรือ ประเจิดประเจ้อจนเกินงาม (แนะนำลองทำใน Google Drive ครับ ทำที่บ้านแล้วมาทำต่อที่ออฟฟิศได้แบบไร้รอยต่อ) แน่นอนว่า บางครั้งเงินฝิ่นก็แสนจะเย้ายวนใจมากขนาดไหน แต่ก็ไม่ควรลืมหน้าที่จริงๆ ของเรากันนะเออ

5. Because I’m happy, Clap along if you feel like a room without a roof~
เรารู้ครับ ว่าหลายๆ คนเบื่อเพลงนี้แล้ว (ฮา)
 แต่เชื่อเถอะครับ แม้ว่าเราจะต้องตบตีกับลูกค้า แก้งาน หม่ำอาหารขยะ ทะเลาะกับแฟน บลาๆ
 การบิ๊วตัวเองให้มีความสุขไปทำงานในแต่ละวันโคตรจะสำคัญ และ ไม่ได้ยากขนาดต้องดมแก๊สหัวเราะก่อนไปทำงานทุกเช้า
หนึ่งเทคนิคที่ผมใช้อยู่บ่อยครั้งในการสะกดจิตตัวเองให้ลุกขึ้นสู้พร้อมไฟลุกพรึ่บคือ“จงฟังเพลงปลุกใจเป็นเพลงแรกของวัน”

หวังว่า 5 ข้อนี้คงจะช่วยให้เหล่า First Jobber เฟรชชี่ที่กำลังจะเข้าสู่สมรภูมินี้ ใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น ไม่มากก็น้อยนะครับ และถ้าใครมีไอเดียเจ๋งๆ ในการใช้ชีวิตกับงานประจำให้เจ๋งเป้งไม่เจ๊งบ๊ง ก็ลองมาแชร์กันได้ในคอมเมนต์นะครับ

credit: http://fjsk.in.th/when-i-go-back-to-be-full-time-employee/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 กุมภาพันธ์ 2016, 12:24:30 โดย Master »