คงปฏิเสธไม่ได้แล้วว่า ปี 2016 เป็นปีที่ทุกภาคส่วนก้าวเข้าสู่ยุคอินเตอร์เน็ตและดิจิตอลอย่างแท้จริง ในแวดวงของการหางานและสมัคร บทบาทของโลกดิจิตอลและการสื่อสารอย่างไร้ขอบเขตทางอินเตอร์เน็ตที่สามารถทำได้ 24/7 ทำให้โลกของการหางานและการจัดจ้างสรรหาบุคลากรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง โซเชียลมีเดียเข้ามามีบทบาทในการหางานรับสมัครพนักงานมากยิ่งขึ้น Platform ที่เป็นที่ยอมรับในปัจจุบันก็มีหลายผู้ให้บริการ ซึ่งถ้าจะวัดกันที่จำนวนผู้ใช้แล้ว บอกได้เลยว่าLinkedIn คือเว็บไซต์ที่มีจำนวนผู้ใช้มากที่สุด คือ 433 ล้านคนทั่วโลก คิดเป็นผู้ใช้ในทวีปเอเชีย 109 ล้านคน (อ้างอิงจากhttps://press.linkedin.com/about-linkedin) ทุกวันนี้นายจ้างจากหลายองค์กร นายหน้าจัดหางาน (รีครูทเตอร์) ก็นิยมใช้ LinkedIn เป็นแหล่งข้อมูลเสาะหาผู้สมัครที่ตรงตามความต้องการ
มาถึงตรงนี้แล้ว ถามตัวเองดูว่าคุณมีข้อมูลเกี่ยวกับหน้าที่การงานของคุณใน LinkedIn หรือยัง ถ้ายังไม่มีขอให้สมัครโดยด่วน ไม่ต้องกลัวว่าจะยากเกินความสามารถ เพราะ LinkedIn มีเวอร์ชั่นภาษาไทยไว้รองรับคนไทยอย่างเราเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไป เมื่อคุณเป็นหนึ่งในสมาชิก LinkedIn แล้วมาดูกันว่า เทคนิคการสร้าง LinkedIn Profile ให้โดดเด่น โดยใส่ข้อมูลให้ครบตามรายการทั้ง 9 ข้อมีอะไรบ้าง
1. รูปโปรไฟล์ เพิ่มโอกาสในการได้งานด้วยการเลือกรูปโปรไฟล์ที่เหมาะสมกับตำแหน่งงาน เป็นตัวของตัวเอง ใกล้เคียงกับความเป็นจริง และสามารถบอกเล่าความเป็นตัวคุณออกมาอย่างมืออาชีพที่สุด รูปที่ถ่ายกับฉากหลังเป็นโลโก้ขององค์กรก็เป็นอีกตัวเลือกที่แนะนำให้ใช้เพิ่มความเป็นมืออาชีพได้
2. ชื่อและช่องทางการติดต่อ ควรใช้ชื่อจริง พร้อมนามสกุล เพื่อเพิ่มโอกาสในการค้นหาของนายจ้าง ช่องทางการติดต่อเป็นอีกปัจจัยที่สำคัญมาก ถ้ารูปโปรไฟล์ดี ประสบการณ์ทำงานตรง แต่ไม่มีเบอร์โทรศัพท์ให้ติดต่อ ไม่มีอีเมลให้ติดต่อ ก็เหมือนส่งเรซูเม่แบบไม่บอกช่องทางการติดต่อฉันใดก็ฉันนั้น
3. พาดหัวอธิบายความเชี่ยวชาญของคุณ (Profile Headline) เลือกข้อความที่บอกความเป็นตัวคุณได้ดีที่สุด เลือกใช้คำพูดที่มีคำเป็น Key Word ที่คนจะหาคุณเจอได้ง่ายที่สุด
4. อุตสาหกรรม (Industry) เลือกใส่อุตสาหกรรมที่ตรงกับองค์กรที่คุณทำงานอยู่
5. ตำแหน่งที่คุณอยู่ (Location) เลือกให้ตรงตามสถานที่ที่คุณอยู่จริง เพื่อที่ข้อมูลของคุณจะได้แสดงขึ้นมาเมื่อนายจ้างพยายามเสาะหา
6. ข้อมูลสรุป (Summary) เลือกสรุปข้อมูลของคุณแบบกระชับ บอกเล่าเรื่องราวประสบการณ์โดยรวมไว้ประมาณหนึ่งย่อหน้า
7. ประสบการณ์ (Experience) ควรใส่ประสบการณ์การทำงาน รวมถึงผลงานดีเด่น รางวัลที่ได้ ที่สำคัญที่สุดคืองานที่ทำที่ล่าสุด และสองงานก่อนหน้างานล่าสุดด้วย
8. ทักษะ (Skills) เลือกทักษะที่ถนัด (ทาง LinkedIn มีให้เลือกคลิกมาใส่มากมาย) สามารถใส่ได้ตั้งแต่ 3 ไปจนถึง 50 ทักษะ
9. การกำหนดค่าโปรไฟล์สาธารณะ (Manage public profile settings) ต้องไม่ลืมตั้งค่าโปรไฟล์สาธารณะให้สามารถมองเห็นข้อมูลที่สำคัญได้ เพื่อที่นายจ้างหรือรีครูทเตอร์จะได้ติดต่อได้นั่นเอง
LinkedIn เปรียบเสมือนช่องทางนึงที่เราเปิดให้คนภายนอก หรือบริษัทต่างๆสามารถเข้ามาดูประวัติการทำงานของคุณ นับเป็นการเปิดโอกาสสำคัญที่คุณอาจจะได้งานที่เหมาะสมกับคุณอย่างคาดไม่ถึง เพราะฉะนั้นอยากให้คุณทำตามเทคนิคทั้ง 9 ข้อนี้ และอัปเดทอย่างสม่ำเสมอ LinkedIn ของคุณก็จะโดดเด่นและมีงานวิ่งเข้าหาคุณแน่นอน
ที่มา:
http://www.manpowerthailand.com/tris/content/detail/744-%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87LinkedInProfile%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%88%E0%B8%99