เรื่องราวต่อไปนี้ เป็นการรวบรวมเอาสิ่งที่บัณฑิตเพิ่งจบใหม่ควรจะรู้ แล้วจะบอกว่า…เออมันเป็นเรื่องจริงอ่ะ
บทความนี้เป็นของAlexandra Levit จาก The Fast Trackที่ผมไปเจอมาAlexandraเป็นผู้เขียนหนังสือ“They Don’t Teach Corporate in College” หรือชื่อไทยว่า “พวกเค้าไม่สอนเรื่องการทำงานในมหาวิทยาลัย” และเค้าก็ได้เรียนรู้อย่างมากในโลกการทำงาน
1. No one cares as much about your career as you : ไม่มีใครสนใจการพัฒนาตัวคุณมากกว่าตัวคุณเอง ในขณะที่บริษัทหรือหัวหน้าของคุณอาจจะชอบและสนใจความสามารถของคุณอย่างมาก, แต่น้อยคนนักจะทุ่มเทพลังและเวลาในการพัฒนาตัวคุณเพราะไม่มีใครได้รับ ประโยชน์จากตรงนี้, เพราะฉะนั้นอย่าอยู่นิ่งเฉย, ทุ่มเท
เรียนรู้ให้มากที่สุดจากโอกาสและประสบการณ์ที่ได้รับ, และกระตุ้นตัวเองตลอดเวลาในการทำให้ความสามารถของคุณสดใหม่เสมอ (แต่ข้อนี้ผมว่าก็ขึ้นกับโอกาสด้วยแหละครับ, เพราะหัวหน้าของผมก็สอนผมตลอดเวลา)
2. Careers are peaks and valleys : เส้นทางการทำงานนั้นมีทั้งขึ้นและลง ถึงแม้ว่าคุณจะยึดอยู่กับ Career Path เดียว (หมายถึง ถ้าทำงานสายไหน ก็อยู่สายนั้นยาวๆไปเลย), มันไม่มีสิ่งที่เรียกว่า “การไต่ไปยังจุดสูงสุดแล้วนั่งนิ่งอยู่บนนั้น”, ชีวิตการทำงานนั้นมีขึ้นมีลงตลอดเวลา และเส้นทางการทำงานนั้นมันยาวมาก, ดังนั้นเราจึงต้องหาทางให้ได้ว่าทำยังไงถึงจะได้ทำงานในสายที่วางแผนไว้ เพื่อที่จะเพิ่มพูนความรู้ ประสบการณ์ คอนเนคชั่น และคุณค่าให้กับตัวเอง, การล้มเหลว หรือพลาดนานๆครั้งเป็นเรื่องปรกติ แต่เราต้องฟื้นตัวเองให้ได้ และยิ่งเร็วยิ่งดี
3. Plan now for what you want later : วางแผนให้กับสิ่งที่คุณต้องการในการเลือกเส้นทางการทำงานนั้น มัน สำคัญที่เราต้องคิดว่าเราต้องการอะไรกับชีวิตให้อีกหลายปีข้างหน้า, เช่น หากคุณเป็นนักเรียนกฎหมาย อายุ 25 แต่คุณอยากเป็นคุณพ่อคุณแม่ที่ดี มันคงไม่ใช่ไอเดียที่ดีนักที่จะไปเป็น ผู้ช่วยผู้บริหารในบริษัทใหญ่ๆ เพราะคุณจะไม่มีเวลาแน่ๆ, อาชีพที่ยืดหยุ่นไม่ได้ถูกสร้างได้ภายในข้ามคืน, เราจะต้องวางแผนการทำงานให้ดี
4. Don’t be your own slave-driver : อย่าใช้งานตัวเองหนัก การทำงาน 80 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ตั้งแต่เริ่มทำงานแรกๆอาจจะดูมีประสิทธิภาพและได้อะไรเยอะ ดี, แต่ไม่นานนักคุณจะเริ่มหมดไฟ และนั่นไม่ใช่ช่่วงเวลาที่ดีนัก, แทนที่จะเต็มที่กับทุกๆอย่างกับทุกๆคน ให้เราโฟกัสไปที่สิ่งที่สำคัญจริงๆพอ ทุ่มกับมันอย่างเต็มที่แต่อย่าหักโหม ให้คนอื่นช่วยเราบ้างก็ได้ (ซึ่งเป็นเรื่องจริงนะครับ, ผมและเพื่อนรอบตัวตอนจบใหม่ๆนี่ไฟแรงกันมาก อยากทำทุกอย่างมันบนโลกใบนี้, แต่ในความเป็นจริงมันมีอะไรให้ทำเยอะและใหญ่มาก จนเราทำมันได้ไม่หมดหรอก, เลือกหน่อยก็ดี และให้เวลาตัวเองพักบ้าง)
5. You won’t be everyone best friend : คุณเป็นเพื่อนสนิทกับทุกคนไม่ได้หรอก ไม่ว่าเราจะทำตัวดีและน่าคบแค่ไหน, สุดท้ายมันก็ต้องมีบ้างที่บางคนไม่ชอบเรา, บางคนอาจจะถึงขึ้นป่าวประกาศ ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่เจ็บมาก, แต่เรื่องการไม่ถูกกับบางคนเป็นเรื่องปรกติในชีวิตการทำงาน, อย่าให้มันมีผลต่อตัวเราและความมั่นในตัวเอง, แก้ไขปัญหาความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น และใช้ชีวิตกับคนที่เห็นคุณสำคัญและรักคุณ
6. Nothing shows what you’re made of better than a crisis :ไม่มีโอกาสไหนโชว์ความสามารถของคุณได้มากกว่าตอนเกิดปัญหา เราส่วนใหญ่ใช้ชีวิตหลีกเลี่ยงปัญหา, แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีโอกาสไหนที่จะโชว์ฝีมือ เติบโต และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ มากกว่าตอบเจอปัญหาอีกแล้ว, คราวหน้าหากเกิดปัญหาขึ้น ให้ลองดูทัศนคติของตัวเองดีๆ, ในขณะที่คนอื่นกำลังโหวกเหวกโวยวาย ให้เราอยู่นิ่งๆและหาทางแก้ปัญหาดีกว่า, แล้วทุกคนจะจำความนิ่งสงบของคุณได้
7. You can learn from any job : เราสามารถเรียนรู้จากงานไหนก็ได้ทั้งนั้น มันมีงานน้อยมากที่ไม่ได้ให้คุณค่าหรือความรู้แก่เรา, แม้แต่งานแคชเชียร์ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตยังสอนให้เรารู้จัก การมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า การบริหารเวลา การทำงานหลายๆอย่างพร้อมๆกัน และการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า, แทนที่จะบ่นว่างานอะไรก็ไม่รู้ ไม่เหมาะสมกับเราเลย, ให้เรามองว่าเราจะได้อะไรจากงานของเราบ้างดีกว่า
8. Know when to collaborate and when to go solo : รู้ว่าตอนไหนควรทำงานเป็นทีม ตอนไหนควรลุยเดี่ยว เราทุกคนล้วนให้ความสำคัญกับคำว่า Teamwork ในวัฒนธรรมการทำงานของพวกเรา, และมันดูเหมือนจะแทรกอยู่ในทุกๆส่วนของโลกธุรกิจ, แต่ยังไงก็ตาม เราควรจะรู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะต้องรวมพลังกับทุกคนในทีมเพื่อให้ได้ ประสิทธิภาพสูงที่สุด และเมื่อไหร่เราควรจะลุยเดี่ยวเพื่อความรวดเร็วและความเหมาะสมของงาน, ไม่ใช่ทุกงานจำเป็นต้องมีทุกคนในนั้น, บางงานทำคนเดียวอาจจะดีกว่าและเสร็จเร็วกว่าด้วยซ้ำ (เป็นเรื่องจริงเหมือนกันนะครับ, ตั้งแต่ตอนเรียนยันตอนทำงานเรามักจะโดนสอนว่า คุณต้องทำงานเป็นทีมได้ จนเราอาจจะเข้าใจไปว่า การทำงานเป็นทีมสำคัญที่สุด, แต่จริงๆแล้วการลุยเดี่ยวเป็นก็สำคัญไม่แพ้กัน)
แต่สุดท้ายนี้ อย่าลืมนะว่านี่ก็เป็นแนวทางหนึ่งเท่านั้น, บางทีชีวิตการทำงานของเราก็มีปัจจัยอื่นๆมากมาย, ทั้ง 8 ข้อของ Alexandra นี้อาจจะไม่เหมาะกับสถานการณ์ของเราก็ได้, สำคัญคือเราจับหลักของมันอะไรได้บ้าง แล้วจะเอามาปรับใช้กับตัวเรายังไง
ลองสรุปออกมาเป็นแนวทางของตัวเอง แล้วเอามาพิชิตการทำงานของเรากันนะจ๊ะ
Cr : พันธิตร
ที่มา:
http://www.myhappyoffice.com/index.php/2014/03/8-thing-work/