วิธีการตั้งค่า WP Super Cacheเพื่อติดตั้งให้สมบูรณ์ คุณต้องทำการลบไฟล์ .htaccess ทิ้งไปก่อนโดยทำการลบไฟล์ผ่าน FTP
หลังจากนั้นให้เข้าไปที่ ตั้งค่า(Settings) -> ลิ้งถาวร, ตัวจัดการ url ของ wordpress(Permalinks) และตั้งค่าใหม่อีกครั้ง
โดยทำการเลือกเป็น ค่าหลัก(Defaults) และกด บันทึกการเปลี่ยนแปลง(Update) ไปก่อนหนึ่งครั้ง และจากนั้นกดตั้งค่าตามที่เว็ปไซต์คุณต้องการได้เลยครับ ในกรณีของผมใช้เป็น /%postname%/
--- ตั้งค่าให้เป็น Default ก่อนครับ ---
--- จากนั้นให้ตั้งค่าตามที่ต้องการ และกด บันทึกการเปลี่ยนแปลง(Save Changes / Update) ---
หลังจาก Update เรียบร้อยแล้ว ให้เข้าไปที่ ตั้งค่า(Settings) -> WP Super Cache
กดไปที่ Advanced ตั้งค่าดังภาพ และกด Update Status
--- ค่าที่ต้องติ๊กถูกในช่อง ---
- Cache hits to this website for quick access. (Recommended)
- Use mod_rewrite to serve cache files. (Recommended)
- 304 Not Modified browser caching.
- Don't cache pages for known users. (Recommended)
- Cache rebuild. Serve a supercache file to anonymous users while a new file is being generated. (Recommended)
- Extra homepage checks. (Very occasionally stops homepage caching) (Recommended)
เมื่อกด บักทึกการเปลี่ยนแปลง(Save Changes / Update) เสร็จแล้ว จะมีเมนูขึ้นมา ให้เรากด Update Mod_Rewrite Rules ดังภาพ
หลังจากนั้น เลื่อนขึ้นมาด้านบน ให้เรากดที่ Tab Advanced หนึ่งที จะเจอฟอร์มแจ้งเตือนอยู่ด้านบน ให้เรากดไปที่ this form ดังภาพ
เมื่อเรากดปุ่มแล้ว เราจะเจอฟอร์ม Expiry Time & Garbage Collection ให้เราทำการตั้งค่า
ค่าที่เราต้องตั้งหลักๆ ก็คือ
Cache Timeout : ให้ใส่ 3600 ลงไปในช่อง
Scheduler : ให้ใส่ 3600 ลงไปในช่อง
ดังภาพด้านล่าง
เมื่อตั้งค่าเสร็จแล้ว ให้เลื่อนลงมาด้านล่าง ให้กดยืนยันที่ปุ่ม Change Expiration ก็เสร็จสิ้นการตั้งค่าครับ
เพียงเท่านี้ เว็ปไซต์ของคุณก็จะใช้ทรัพยากรน้อยลงอย่างมากมายเลยทีเดียว
มี plugin อื่นใหม่ที่ทำงานแบบเดียวกันกับ WP Super Cache นอกจาก plugin ตัวนี้ยังมี plugin ตัวอื่นๆที่น่าสนใจอีกหลายตัวที่ทำงานในลัษระที่ช่วยส่งเสริมการทำงาน เว็บไซต์ให้แสดงผลได้เร็วขึ้น และได้มีการทดสอบอย่างจริงจังเพื่อให้เห็นถึงความสามารถของ plugin เหล่านั้น ขอนำเสนอเฉพาะที่ผลการทดสอบที่น่าสนใจดังนี้
WP-Rocket เป็น plugin ที่มีการทดสอบแล้วได้คะแนนความเร็วดีที่สุด โดยมี feature เด่นที่เขานำเสนอเมื่อ้ทียบกับเจ้าอื่น อย่างเช่น การรองรับการบีบอัดอย่าง GZip Compression, Browser Caching, LazyLoad คือการดึงข้อมูลมาแสดงผลบางส่วน ถ้าผู้เข้าชมเว็บไซต์เลื่อนลงไปดูด้านล่าง ก็จะพยายามโหลดส่วนที่เหลืออีกที ตัวอย่างง่ายๆที่เห็นได้ชัดจะเป็นพวกรูปภาพ แต่้ป๋น plugin ที่ไม่ได้ให้ใช้งานฟรี ต้องเสียเงิน
W3 Total Cache เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ ด้วยการประกาศเห็นรับทราบว่าได้ทดสอบแล้วอย่างจริงจัง “At least 10x improvement in overall site performance (Grade A in YSlow or significant Google Page Speed improvements) when fully configured” ส่วน feature อื่นๆก็จะบรรยายในเรื่องเดียวกัน เช่น การรองรับ CDN, การรองรับการทำงานกับแคช ถ้าเข้าใช้งานจากมือถือ
ถ้ายังคิดว่า WP Super Cache ยังไม่ดีพอ หรือใช้งาน plugin นี้แล้วเว็บไซต์มีปัญหา ไม่จำเป็นต้องล้มเลิกความต้องการในการปรับแต่งเว็บไซต์ให้เร็วขึ้นทันที ลองเปลี่ยนไปใช้ plugin ตัวอื่นที่ทำงานแบบเดียวกันดูก็ไม่เสียหายอะไร
ที่มา:
https://my.thaidatahosting.com/knowledgebase/74/-WP-Super-Cache.html http://narkdeveloper.com/speed-up-website-by-wp-super-cache-plugin/