ตามกฎ !! Google จะพยายามค้นหาหน้าเพจที่ มีทั้งชื่อเสียงและมีความเกี่ยวข้องกับคำค้นหา ถ้าหากมีสองหน้าที่มีข้อมูลที่ใกล้เคียงกัน ตามปกติ Google จะพยายามเลือกแสดงหน้าที่มีความน่าเชื่อถือสูงกว่า (จำนวน BackLink เยอะ + PR สูง) แต่ถึงกระนั้น บ่อยครั้ง Google เลือกที่จะแสดงหน้าที่มี Backlink จำนวนน้อย หรือ PageRank ต่ำ หากมีปัจจัยอื่นๆที่บ่งบองว่าหน้านั้นมีความเกี่ยวข้องสอดคล้องกับคำค้นหามากกว่า ยกตัวอย่างเช่น เว็บที่ทุ่มเททั้งหมดให้กับ “civil war” น่าจะมีประโยชน์มากกว่า บทความหนึ่งที่อ้างถึง “civil war ในอดีต” แม้ว่า บทความนั้นจะมาจาก ไซต์ที่มีชื่อเสียงเช่น Time.com
นี่เป็นคำตอบ ของคำถามที่คนทำ SEO หลายๆคน สงสัยและถามกันอยู่บ่อยๆ ว่า “
ทำไมบางเว็บ PR 0 อันดับถึงดีกว่า เว็บ PR สูงๆ” หรือ
“
ทำไมเว็บพึ่งเปิดใหม่ อันดับถึงดีกว่า เว็บดังๆ” หรือ
“
ทำไมเว็บเล็กๆ อันดับถึงดีกว่า เว็บใหญ่ๆ”
Relevance Optimization คืออะไร ? Relevance แปลว่า ความสัมพันธ์กัน,การเข้าประเด็น,ความเข้าเรื่องกัน
ในปัจจุบัน Google Bot ถูกปรับปรุงพัฒนาให้ฉลาดขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้ตอบโจทย์ของ Google เอง ซึ่งนั่นก็คือ การแสดงผลลัพธ์ที่ดีที่สุด คำตอบที่ตรงประเด็นที่สุด ที่สอดคล้องและเกี่ยวข้องที่สุด กับ คำค้นหา (Query) ที่เราใช้ในการพิมพ์ถาม Google … ดังนั้น
Relevance Optimization ก็คือการเพิ่มประสิทธิภาพของความสัมพันธ์ ความสอดคล้อง ระหว่างหน้าเพจของเรากับคำค้นหา
ทำอย่างไรให้เว็บ Relevance มากยิ่งขึ้น ? (แบบย่อ)1.
โฟกัสที่ Niche อย่าสร้าง Topic ที่มันไม่เกี่ยวข้องกับ Niche เพียงเพราะแค่คุณชอบ ว่ากันง่ายๆคือ อย่านอกประเด็นจนเกินไป
(เช่น ถ้าเว็บคุณเกี่ยวกับรถ อย่าเอานกมาเกี่ยว … พยายามหาแต่เรื่องเกี่ยวกับ รถ มานำเสนอ)
2.
ลิงค์ออกและลิงค์เข้า ลิงค์เข้า – คุณไม่สามารถควบคุมได้เต็มที่ แต่หากได้รับลิงค์จากเว็บที่เกี่ยวข้องกับ Niche / เนื้อหา ยิ่งดี
ลิงค์ออก – คุณควบคุมได้เต็มที่ ก็ทำให้แน่ใจว่าคุณลิงค์ไปยังไซต์ที่เกี่ยวข้อง (ถ้าไซต์นั้นเป็น Authority Site ยิ่งดี)
3.
ลิงค์ภายใน พยายามเชื่อมโยงลิงค์ภายในระหว่างแต่ละหน้าในเว็บของคุณให้มันมีความสอดคล้องกัน
(ไว้คุยกันอีกทีแบบละเอียด ในเรื่อง Deep Linking)
Authority Optimization คืออะไร ? Authority แปลว่า มีอำนาจ
หากเราพูดถึงคำว่า Authority โดยนัยยะจะสื่อถึง
Authority Site ซึ่งหมายถึง ไซต์ที่มีอำนาจ ไซต์ที่ทรงอิทธิพล (
พูดง่ายๆคือ เป็น ไซต์ที่ดัง ไซต์ที่คนเข้าเยอะ ไซต์ที่น่าเชื่อถือ ประมาณนั้น)
ยกตัวอย่าง เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น
ถ้าคุณต้องการค้นหาบางอย่าง คุณจะเข้าไปที่ ? …. Google
ถ้าคุณต้องการจะหาซื้อของบางอย่างออนไลน์ (US-Base) คุณจะเข้าไปที่ ? … Amazon
ถ้าคุณต้องการให้ทั้งโลกรู้ว่ามื้อเที่ยงนี้คุณกินอะไร คุณจะเข้าไปที่ ? … Twitter
ถ้าคุณต้องการมองหาความคิดเห็นจากชาวเนต คุณจะเข้าไปที่ ? … Pantip
ถ้าคุณต้องการจะหาความรู้ในเรื่อง SEO คุณจะเข้าไปที่ ? … ThaiSEOBoard (หรือ
WebBastard.net ? อิอิ)
ถ้าคุณต้องการรู้เรื่องเกี่ยวกับ การออมเงิน คุณจะเข้าไปที่ ? … AomMoney
เหล่านี้เป็นตัวอย่าง
Authority Site หรือ ไซต์ที่น่าเชื่อถือ ไซต์ที่มีอำนาจ ไซต์ที่มีประโยชน์ ไซต์ที่คนจดจำและพูดถึง ใน Keyword หรือ Niche Market นั้นๆ
แน่นอนว่าถ้า ยิ่งไซต์คุณมีความเป็น Authority ใน Keyword นั่นๆ มากเท่าไหร่ … มันหมายถึง โอกาสที่ Google จะจัดอันดับไซต์ของคุณก็สูงตามไปด้วยเป้าหมายสูงสุดในการทำ SEO ก็เพื่อทำให้เว็บของเรากลายเป็น Authority Site นั่นเอง เพราะเมื่อใดก็ตามที่คนมองว่าเว็บของเราเป็น Authority แล้ว เราก็แทบจะไม่ต้องพึ่งการทำ SEO อีกต่อไป เพราะคนจะเข้ามาที่เว็บเอง โดยไม่จำเป็นต้องพิมพ์ Keyword ค้นหา แต่พวกเขาจะพิมพ์ชื่อเว็บของเราแทนเลย เพราะเขารู้จักและเชื่อใจ เชื่อมั่นในเว็บของเราแล้ว
ทำอย่างไรให้เว็บมีความเป็น Authority ? (แบบย่อ)
พื้นฐานของการสร้าง Authority คือ “
Epic Content” หรือ เนื้อหาต้องโดน!! หมายถึง นอกจากจะสอดคล้องเกี่ยวข้องกับคำค้นหาแล้ว ยังต้องให้มันโดนใจผู้คน “มีประโยชน์” , “มันเข้าตัว” , “ตามหามานานแล้ว” , “อันนี้ใช่เลย”
เนื้อหาโดน = คนจะคลิก
เนื้อหาโดน = คนจะแชร์
เนื้อหาโดน = คนจะพูดถึง
เนื้อหาโดน = คนจะลิงค์
และเมื่อเรามี Epic Content แล้ว สิ่งที่ต้องทำ เพื่อสร้าง Authority ก็คือการ 1. โปรโมท 2. โปรโมท โปรโมท 3. โปรโมท โปรโมท โปรโมทซึ่งการโปรโมท ก็คือ Off-Page SEO และเราทำ Off-Page ก็เพื่อหา Traffic เข้าเว็บ และเมื่อมี Traffic เข้าเว็บเยอะๆ นั่นจะเป็นการส่งสัญญาณให้กับ Google บ่งบอกว่า Site ของเรานั้นเป็น Authority Site นั่นเอง
ที่มา:
http://www.webbastard.net/real-world-seo/