ผู้เขียน หัวข้อ: Relevance Optimization คืออะไร ?  (อ่าน 1564 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ smf

  • [color=green][i]"ถ้าคุณไม่สามารถอธิบายอย่างง่ายๆ ให้คนอื่นเข้าใจได้แล้วล่ะก็ แสดงว่าคุณยังเข้าใจมันไม่ดีพอ"[/i][/color]
  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,368
  • พอยท์: 5
    • ดูรายละเอียด
    • pordoo.com
    • อีเมล์
Relevance Optimization คืออะไร ?
« เมื่อ: 2 พฤษภาคม 2016, 15:10:33 »
ตามกฎ !! Google จะพยายามค้นหาหน้าเพจที่ มีทั้งชื่อเสียงและมีความเกี่ยวข้องกับคำค้นหา ถ้าหากมีสองหน้าที่มีข้อมูลที่ใกล้เคียงกัน ตามปกติ Google จะพยายามเลือกแสดงหน้าที่มีความน่าเชื่อถือสูงกว่า (จำนวน BackLink เยอะ + PR สูง) แต่ถึงกระนั้น บ่อยครั้ง Google เลือกที่จะแสดงหน้าที่มี Backlink จำนวนน้อย หรือ PageRank ต่ำ หากมีปัจจัยอื่นๆที่บ่งบองว่าหน้านั้นมีความเกี่ยวข้องสอดคล้องกับคำค้นหามากกว่า ยกตัวอย่างเช่น เว็บที่ทุ่มเททั้งหมดให้กับ “civil war” น่าจะมีประโยชน์มากกว่า บทความหนึ่งที่อ้างถึง “civil war ในอดีต” แม้ว่า บทความนั้นจะมาจาก ไซต์ที่มีชื่อเสียงเช่น Time.com

นี่เป็นคำตอบ ของคำถามที่คนทำ SEO หลายๆคน สงสัยและถามกันอยู่บ่อยๆ ว่า
 “ทำไมบางเว็บ PR 0 อันดับถึงดีกว่า เว็บ PR สูงๆ” หรือ
 “ทำไมเว็บพึ่งเปิดใหม่ อันดับถึงดีกว่า เว็บดังๆ” หรือ
 “ทำไมเว็บเล็กๆ อันดับถึงดีกว่า เว็บใหญ่ๆ

Relevance Optimization คืออะไร ? Relevance แปลว่า ความสัมพันธ์กัน,การเข้าประเด็น,ความเข้าเรื่องกัน
ในปัจจุบัน Google Bot ถูกปรับปรุงพัฒนาให้ฉลาดขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้ตอบโจทย์ของ Google เอง ซึ่งนั่นก็คือ การแสดงผลลัพธ์ที่ดีที่สุด คำตอบที่ตรงประเด็นที่สุด ที่สอดคล้องและเกี่ยวข้องที่สุด กับ คำค้นหา (Query) ที่เราใช้ในการพิมพ์ถาม Google … ดังนั้น Relevance Optimization ก็คือการเพิ่มประสิทธิภาพของความสัมพันธ์ ความสอดคล้อง ระหว่างหน้าเพจของเรากับคำค้นหา

ทำอย่างไรให้เว็บ Relevance มากยิ่งขึ้น ? (แบบย่อ)
1. โฟกัสที่ Niche
 อย่าสร้าง Topic ที่มันไม่เกี่ยวข้องกับ Niche เพียงเพราะแค่คุณชอบ ว่ากันง่ายๆคือ อย่านอกประเด็นจนเกินไป
 (เช่น ถ้าเว็บคุณเกี่ยวกับรถ อย่าเอานกมาเกี่ยว … พยายามหาแต่เรื่องเกี่ยวกับ รถ มานำเสนอ)
2. ลิงค์ออกและลิงค์เข้า
 ลิงค์เข้า – คุณไม่สามารถควบคุมได้เต็มที่ แต่หากได้รับลิงค์จากเว็บที่เกี่ยวข้องกับ Niche / เนื้อหา ยิ่งดี
 ลิงค์ออก – คุณควบคุมได้เต็มที่ ก็ทำให้แน่ใจว่าคุณลิงค์ไปยังไซต์ที่เกี่ยวข้อง (ถ้าไซต์นั้นเป็น Authority Site ยิ่งดี)
3. ลิงค์ภายใน
 พยายามเชื่อมโยงลิงค์ภายในระหว่างแต่ละหน้าในเว็บของคุณให้มันมีความสอดคล้องกัน
 (ไว้คุยกันอีกทีแบบละเอียด ในเรื่อง Deep Linking)
 Authority Optimization คืออะไร ? Authority แปลว่า มีอำนาจ
หากเราพูดถึงคำว่า Authority โดยนัยยะจะสื่อถึง Authority Site ซึ่งหมายถึง ไซต์ที่มีอำนาจ ไซต์ที่ทรงอิทธิพล (พูดง่ายๆคือ เป็น ไซต์ที่ดัง ไซต์ที่คนเข้าเยอะ ไซต์ที่น่าเชื่อถือ ประมาณนั้น)
ยกตัวอย่าง เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น
ถ้าคุณต้องการค้นหาบางอย่าง คุณจะเข้าไปที่ ? …. Google
 ถ้าคุณต้องการจะหาซื้อของบางอย่างออนไลน์ (US-Base) คุณจะเข้าไปที่ ? … Amazon
 ถ้าคุณต้องการให้ทั้งโลกรู้ว่ามื้อเที่ยงนี้คุณกินอะไร คุณจะเข้าไปที่ ? … Twitter
 ถ้าคุณต้องการมองหาความคิดเห็นจากชาวเนต คุณจะเข้าไปที่ ? … Pantip
 ถ้าคุณต้องการจะหาความรู้ในเรื่อง SEO คุณจะเข้าไปที่ ? … ThaiSEOBoard (หรือ WebBastard.net ? อิอิ)
 ถ้าคุณต้องการรู้เรื่องเกี่ยวกับ การออมเงิน คุณจะเข้าไปที่ ? … AomMoney
เหล่านี้เป็นตัวอย่าง Authority Site หรือ ไซต์ที่น่าเชื่อถือ ไซต์ที่มีอำนาจ ไซต์ที่มีประโยชน์ ไซต์ที่คนจดจำและพูดถึง ใน Keyword หรือ Niche Market นั้นๆ แน่นอนว่าถ้า ยิ่งไซต์คุณมีความเป็น Authority ใน Keyword นั่นๆ มากเท่าไหร่ … มันหมายถึง โอกาสที่ Google จะจัดอันดับไซต์ของคุณก็สูงตามไปด้วย
authority-site height=545

เป้าหมายสูงสุดในการทำ SEO ก็เพื่อทำให้เว็บของเรากลายเป็น Authority Site นั่นเอง เพราะเมื่อใดก็ตามที่คนมองว่าเว็บของเราเป็น Authority แล้ว เราก็แทบจะไม่ต้องพึ่งการทำ SEO อีกต่อไป เพราะคนจะเข้ามาที่เว็บเอง โดยไม่จำเป็นต้องพิมพ์ Keyword ค้นหา แต่พวกเขาจะพิมพ์ชื่อเว็บของเราแทนเลย เพราะเขารู้จักและเชื่อใจ เชื่อมั่นในเว็บของเราแล้ว

ทำอย่างไรให้เว็บมีความเป็น Authority ? (แบบย่อ)
 

พื้นฐานของการสร้าง Authority คือ “Epic Content” หรือ เนื้อหาต้องโดน!! หมายถึง นอกจากจะสอดคล้องเกี่ยวข้องกับคำค้นหาแล้ว ยังต้องให้มันโดนใจผู้คน “มีประโยชน์” , “มันเข้าตัว” , “ตามหามานานแล้ว” , “อันนี้ใช่เลย”
 เนื้อหาโดน = คนจะคลิก
 เนื้อหาโดน = คนจะแชร์
 เนื้อหาโดน = คนจะพูดถึง
 เนื้อหาโดน = คนจะลิงค์
และเมื่อเรามี Epic Content แล้ว สิ่งที่ต้องทำ เพื่อสร้าง Authority ก็คือการ
  1. โปรโมท
  2. โปรโมท โปรโมท
  3. โปรโมท โปรโมท โปรโมท
ซึ่งการโปรโมท ก็คือ Off-Page SEO และเราทำ Off-Page ก็เพื่อหา Traffic เข้าเว็บ และเมื่อมี Traffic เข้าเว็บเยอะๆ นั่นจะเป็นการส่งสัญญาณให้กับ Google บ่งบอกว่า Site ของเรานั้นเป็น Authority Site นั่นเอง

ที่มา: http://www.webbastard.net/real-world-seo/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 2 พฤษภาคม 2016, 16:36:04 โดย smf »