ในการทำ SEO เรามีจุดมุ่งหมายก็เพื่อที่จะทำให้เว็บติดอันดับในตำแหน่งดีๆบน Google และการที่จะทำเช่นนั้นได้ สิ่งสำคัญที่สุด คือ
ความเข้าใจใน Google พวกเราในฐานะคนทำ SEO ต่างอยากรู้ว่า อะไรที่เป็นสาเหตุปัจจัยที่แท้จริง อันจะส่งผลทำให้เว็บถูกจัดอยู่ในอันดับสูงๆได้ ซึ่งหากเรารู้และเข้าใจในส่วนของปัจจัยนี้ (
Google Ranking Factors) มันคงจะไม่ใช่เรื่องยากเย็นนักใน
การทำ SEOGoogle Ranking Factors หมายถึง ปัจจัยหรือสัญญาณที่มีแนวโน้ม บ่งบอกว่า Google นำมาใช้ในการจัดอันดับเว็บ ที่เป็นผลแบบ Organic Search (ผลการค้นหาแบบธรรมชาติ)แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ ไม่มีใครจะสามารถเข้าใจ Google ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ 100% สิ่งที่พวกเราจะทำได้ดีที่สุดคือ การดูจากเว็บที่ติดอันดับ TOP แล้วนำมาวิเคราะห์หาสาเหตุ หรือเรียกว่า
SERPs Analysis และหนึ่งในบริษัทชั้นนำที่ทำ SERPs Analysis ขั้นสูง คือ
Searchmetrics(บทความก่อนได้อธิบายถึง SERPs เอาไว้ ใครยังไม่รู้อ่านก่อน)
►
Google SERP เพื่อนแท้ของคนทำ SEO <blockquote>
ไม่มีใครที่จะสามารถเข้าใจ Google ได้อย่างถ่องแท้ 100%</blockquote> Searchmetrics.com เป็นอีกหนึ่งบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการ SEO มีบุคลากรผู้เชี่ยวชาญทางด้าน SEO มากมาย ที่เปิดให้บริการในธุรกิจเกี่ยวกับ SEO แบบครบวงจร ทั้ง Software, Service, Academy ที่สำคัญคือ Knowledge Base โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับ Google Ranking Factors ที่ทาง Searchmetrics จะทำสรุปออกมาช่วงปลายปีของทุกปี (โดยเริ่มมาตั้งแต่ปี 2012) … สำหรับในปีล่าสุด คือ 2014 ทาง Searchmetrics ก็ได้ทำรายงานของ Google Rank Factors ออกมาแล้วในเดือนกันยายน 2014 (
ซึ่งแน่นอนว่ามันจะมีผลต่อการทำ SEO ในปี 2015 ด้วย)
Google Ranking-Factors 2014
ข้อมูลจาก Searchmetrics ที่ได้นั้น จัดทำออกมาในรูปแบบ Infographic ที่เกิดจากการเก็บรวมรวมสถิติ โดยพิจารณาจาก SERPs ล่าสุด ทั้งหมด 1,0000 Keywords โดยดูจาก Top 30 ของแต่ละ Keyword (รวม 300,000 URLs) จากนั้นจึงนำมาวิเคราะห์แบบขั้นสูง แล้วสรุปข้อมูลที่ได้นั้นเป็นค่าผลลัพธ์ที่เป็นค่าเฉลี่ยของ TOP 10 ออกมาเผยแพร่ให้กับคนที่สนใจในการทำ SEO ได้ดูกัน (โดยข้อมูลนี้เป็นผลจาก SERPs บน Google US – google.com) โดย ตัวเลขต่างๆของการศึกษานี้ ไม่ใช่ว่าจะเป็นการการันตี 100% ว่าจะทำให้ประสบความสำเร็จในการทำ SEO หากแต่เป็นการคิดเชิงวิเคราะห์ในมุมมองของการ “แปลความหมาย” โดยใช้สถิติจาก SERPs เท่านั้น จากรูปทางทีมงาน Searchmetrics ได้แบ่งกลุ่มของค่าปัจจัยต่างๆออกเป็น 5 กลุ่ม คือ
1. User Signals – สัญญาณจากผู้ใช้
2. Social – โซเชียล
3. Backlinks – ลิงค์
4. Onpage (Technical) – เทคนิคการปรับ Onpage
5. Onpage (Content) – เนื้อหา
ผมขอนำมาจัดกลุ่ม Google SEO Ranking Factors ให้มองได้ง่ายขึ้นดังนี้
ปัจจัยการทำ SEO ที่ Google ให้ความสำคัญต่อการจัดอันดับ
User Signal SEO Ranking Factors – Click Throught Rate (CTR) [0.67] – Time on Site [0.09] – Bounce Rate [0.04] Social Media SEO Ranking Factors – Google+ [0.33] – Facebook Shares [0.28] – Facebook Comments [0.27] – Pinterest [0.27] – Facebook Likes [0.25] – Twitter [0.24] Backlinks SEO Ranking Factors – จำนวนของ Backlinks [0.31] – % ของ Backlinks rel=nofollow [0.23] – Backlinks ใหม่ๆ [0.20] – Backlinks จาก โดเมนใหม่ [0.20] – Backlinks ที่เป็น Keyword [0.17] – Backlinks ที่เป็นคำ [0.16] – Backlinks จาก Ltd [0.16] – Backlinks ที่เป็น Anchor Text [0.11] – Backlinks จากประเทศเดียวกัน [0.07] On-Page SEO Ranking Factors – Sitespeed [0.11] – ตำแหน่งของ Keyword ใน Title [0.10] – ความยาวของ URL [0.10] – H2 [0.07] – H1 [0.06] – Description [0.06] – การฝั่ง Video [0.06] – Keyword ใน Title [0.02] – Keyword ใน Description [0.01] Content SEO Ranking Factors – Relevant Terms [0.34] – Proof Terms [0.21] – จำนวนของ Internal Links [0.16] – Keywords ในบทความ [0.15] – ขนาดของ HTML [0.14] – ขนาดของบทความ (Text Length) [0.13] – จำนวนคำ (Word Count) [0.13] – Keyword ใน External Links [0.11] – Keyword ใน Internal Links [0.10] – จำนวนของ External Links [0.08] – รูปภาพ [0.06] – Keyword ใน H2 [0.02] ปัจจัยที่ Google ให้ความสำคัญลดลง – จำนวนตัวอักษรใน Title [-0.01] – Keyword ใน URL [-0.01] – Keyword ใน Domain Name [-0.02] – Keyword ใน H1 [-0.03] – AdSense [-0.03] – AdLinks [-0.03](คนทำ Adsense รู้สึก ร้อนๆหนาวๆ 555+)
ตัวเลขจากสถิติที่น่าสนใจ ผลจากค่าเฉลี่ยของ URL ที่ติดหน้าแรก (Top 10) หมายถึง URL ที่อยู่อันดับ 1 ถึง 10 จาก Keyword 10,000 คีย์ที่ใช้ค้นหา ได้ค่าเฉลี่ยของปัจจัยต่างๆดังนี้
• URL ที่อยู่ในหน้าแรก จะมีค่า CTR เฉลี่ยอยู่ที่ 9% (อันดับ 1 ค่า CTR อยู่ที่ 32% , อันดับ 10 ค่า CTR อยู่ที่ 3%) • 51% ของ URL ที่อยู่ในหน้าแรก จะมีเนื้อหาที่สอดคล้องกับคำค้นหา (Relevant Terms) • 79% ของ URL ที่อยู่ในหน้าแรก จะมีเนื้อหาตรงกับคำค้นหา (Proof Terms) • มีจำนวน Backlinks เฉลี่ย 1,352 • มีจำนวน SEO Visibility of backlinking URL 2,080 • จำนวน Nofollow Backlinks มี 6% • Backlinks เป็น Keywords มี 13% • Backlinks เป็น Anchor Domain Ltd มี 7% • 59% เป็น Backlinks จากประเทศเดียวกัน • มีจำนวนของ Internal Links เฉลี่ย 130 ลิงค์ • มีจำนวนของ Keywords ในเนื้อหาเฉลี่ย 9 คำ • ความยาวของตัวอักษรเฉลี่ย 8313 ตัว (Text Character Length) • จำนวนคำเฉลี่ย 975 คำ (Word Count) • ความเร็วในการโหลด Sitespeed 0.99 วิ • มี Keyword ใน External Links 27% • มี Keyword ใน Internal Links 62% • ตำแหน่งของ Keyword บน Title อยู่คำที่ 1.7 • เวลาเฉลี่ยของคนที่อยู่บนเว็บ 101 วิ (1:41 นาที) • 73% มีการใช้ H2 • 76% มีการใช้ H1 • 98% มีการใช้ Meta Description • มีรูปภาพเฉลี่ยจำนวน 6.7 รูป • ค่า Bounce Rate อยู่ที่ 37% • 31% มี Keyword อยู่ใน URL • 9% มี Keyword อยู่ใน Domain • 12% มีการติด AdLinks 5 Tips เอาตัวรอดในการทำ SEO (สำหรับปี 2015) จากสถิติที่กล่าวมาทำให้ Searchmetrics สรุปแนวทางในการทำ SEO เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดอันดับของ Google ในปัจจุบันเป็น Infographic โดยผมสรุปจากใจความสำคัญดังนี้
1. เนื้อหาคุณภาพคือหัวใจของการทำ SEO– การมีเนื้อหาที่สอดคล้องกับคำค้นหา คือปัจจัยสำคัญในการทำ SEO
– (จากสถิติ) ความยาวของบทความ (Text) เฉลี่ยอยู่ที่ 8,313 ตัวอักษร หรือ 975 คำ และมี Internal Links 130 ลิงค์
– ใช้รูปแบบคำศัพท์ที่เป็นแบบ Semantic ในการเขียน คือใช้คำที่มีความหมายใกล้เคียง เพื่อให้เกิดความหลากหลาย
– ใช้ประโยคที่มีความเกี่ยวข้องและสอดคล้องกับหัวเรื่องและคำที่ใช้ค้นหา
– เพิ่มรูปภาพหรือวีดีโอลงในบทความ
– มีการเพิ่ม Keywords ลงในบทความ โดยใช้คำใกล้เคียงหรือสอดคล้องกับตัวเนื้อหา ไม่เน้นใช้แค่ Keyword เดียว
– Adsense/AdLinks ส่งผลในทางลบต่อการจัดอันดับ
– Keywords ในเนื้อหายังเป็นสิ่งสำคัญ แต่อย่าใส่ให้มากเกินไป เพราะจะถูกมองว่าเป็น Spam Keywords ซึ่งไม่เป็นผลดี (1-2% กำลังดี)
2. ปรับโครงสร้างของเว็บให้ดี– (จากสถิติ) Sitespeed 0.99 วิ
– เขียน Title และ Meta Description อย่างฉลาด (เขียนให้สอดคล้องกับเนื้อหาและคำค้นหา)
– มีจำนวนและคุณภาพของลิงค์ภายในที่เหมาะสม
– หมั่นอัพเดท
– รู้จักสร้างแบรนด์ให้กับ Niches (หรือ Long Tails Keyword ก็ตาม)
3. ต้องหา Backlinks คุณภาพ– รู้จักทำให้อัตราส่วนระหว่าง จำนวนและคุณภาพของ Backlinks ให้มีความเหมาะสม
– อย่าสร้างแต่ Backlinks ที่ไร้คุณภาพ เพราะจะถูก Google มองว่าเป็นการ Spam
4. การใช้ Social ถือเป็นโบนัสในการทำ SEO– การใช้ Social เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการหา Traffic
– การมีการเชื่อมต่อกับ Social เป็นการส่งสัญญาณที่ดีให้กับ Google
5. ประสบการณ์จากผู้ใช้งานคือสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม– (จากสถิติ) อันดับ 1 จะมีค่า CTR 32% และ อันดับ 10 มีค่า CTR 3%
– (จากสถิติ) ค่า Bounce Rate 37%
– (จากสถิติ) ค่า Average Time on Site 1 นาที 41 วิ
– ค่าเหล่านี้เป็นสัญญาณอย่างหนึ่งที่ Google ใช้ในการวัดคุณภาพของเว็บไซต์
Download :
Infographic: SEO Rank Correlations And Ranking Factors 2014ที่มา:
http://www.webbastard.net/google-seo-ranking-factors/