ผู้เขียน หัวข้อ: Google SEO Ranking Factors 2014 – 2015  (อ่าน 1731 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ smf

  • [color=green][i]"ถ้าคุณไม่สามารถอธิบายอย่างง่ายๆ ให้คนอื่นเข้าใจได้แล้วล่ะก็ แสดงว่าคุณยังเข้าใจมันไม่ดีพอ"[/i][/color]
  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,368
  • พอยท์: 5
    • ดูรายละเอียด
    • pordoo.com
    • อีเมล์
Google SEO Ranking Factors 2014 – 2015
« เมื่อ: 6 พฤษภาคม 2016, 23:51:58 »
  google-seo-ranking-factors-2014---2015 height=570             ในการทำ SEO เรามีจุดมุ่งหมายก็เพื่อที่จะทำให้เว็บติดอันดับในตำแหน่งดีๆบน Google และการที่จะทำเช่นนั้นได้ สิ่งสำคัญที่สุด คือ ความเข้าใจใน Google พวกเราในฐานะคนทำ SEO ต่างอยากรู้ว่า อะไรที่เป็นสาเหตุปัจจัยที่แท้จริง อันจะส่งผลทำให้เว็บถูกจัดอยู่ในอันดับสูงๆได้ ซึ่งหากเรารู้และเข้าใจในส่วนของปัจจัยนี้ (Google Ranking Factors) มันคงจะไม่ใช่เรื่องยากเย็นนักใน การทำ SEO
Google Ranking Factors หมายถึง ปัจจัยหรือสัญญาณที่มีแนวโน้ม บ่งบอกว่า Google นำมาใช้ในการจัดอันดับเว็บ
 ที่เป็นผลแบบ Organic Search (ผลการค้นหาแบบธรรมชาติ)
แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ ไม่มีใครจะสามารถเข้าใจ Google ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ 100% สิ่งที่พวกเราจะทำได้ดีที่สุดคือ การดูจากเว็บที่ติดอันดับ TOP แล้วนำมาวิเคราะห์หาสาเหตุ หรือเรียกว่า SERPs Analysis และหนึ่งในบริษัทชั้นนำที่ทำ SERPs Analysis ขั้นสูง  คือ Searchmetrics
(บทความก่อนได้อธิบายถึง SERPs เอาไว้ ใครยังไม่รู้อ่านก่อน)
Google SERP เพื่อนแท้ของคนทำ SEO
 <blockquote> ไม่มีใครที่จะสามารถเข้าใจ Google ได้อย่างถ่องแท้ 100%</blockquote> Searchmetrics.com เป็นอีกหนึ่งบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการ SEO มีบุคลากรผู้เชี่ยวชาญทางด้าน SEO มากมาย ที่เปิดให้บริการในธุรกิจเกี่ยวกับ SEO แบบครบวงจร ทั้ง Software, Service, Academy ที่สำคัญคือ Knowledge Base โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับ Google Ranking Factors ที่ทาง Searchmetrics จะทำสรุปออกมาช่วงปลายปีของทุกปี (โดยเริ่มมาตั้งแต่ปี 2012) … สำหรับในปีล่าสุด คือ 2014 ทาง Searchmetrics ก็ได้ทำรายงานของ Google Rank Factors ออกมาแล้วในเดือนกันยายน 2014 (ซึ่งแน่นอนว่ามันจะมีผลต่อการทำ SEO ในปี 2015 ด้วย)
 Google Ranking-Factors 2014 ข้อมูลจาก Searchmetrics ที่ได้นั้น จัดทำออกมาในรูปแบบ Infographic ที่เกิดจากการเก็บรวมรวมสถิติ โดยพิจารณาจาก SERPs ล่าสุด ทั้งหมด 1,0000 Keywords โดยดูจาก Top 30 ของแต่ละ Keyword (รวม 300,000 URLs) จากนั้นจึงนำมาวิเคราะห์แบบขั้นสูง แล้วสรุปข้อมูลที่ได้นั้นเป็นค่าผลลัพธ์ที่เป็นค่าเฉลี่ยของ TOP 10 ออกมาเผยแพร่ให้กับคนที่สนใจในการทำ SEO ได้ดูกัน (โดยข้อมูลนี้เป็นผลจาก SERPs บน Google US – google.com) โดย ตัวเลขต่างๆของการศึกษานี้ ไม่ใช่ว่าจะเป็นการการันตี 100% ว่าจะทำให้ประสบความสำเร็จในการทำ SEO หากแต่เป็นการคิดเชิงวิเคราะห์ในมุมมองของการ “แปลความหมาย” โดยใช้สถิติจาก SERPs เท่านั้น
seo-ranking-factors-2014 height=1530
 จากรูปทางทีมงาน Searchmetrics ได้แบ่งกลุ่มของค่าปัจจัยต่างๆออกเป็น 5 กลุ่ม คือ
1. User Signals – สัญญาณจากผู้ใช้
 2. Social – โซเชียล
 3. Backlinks – ลิงค์
 4. Onpage (Technical) – เทคนิคการปรับ Onpage
 5. Onpage (Content) – เนื้อหา
ผมขอนำมาจัดกลุ่ม Google SEO Ranking Factors ให้มองได้ง่ายขึ้นดังนี้
 ปัจจัยการทำ SEO ที่ Google ให้ความสำคัญต่อการจัดอันดับ User Signal SEO Ranking Factors – Click Throught Rate (CTR) [0.67]
  – Time on Site [0.09]
  – Bounce Rate [0.04]
 Social Media SEO Ranking Factors – Google+ [0.33]
  – Facebook Shares [0.28]
  – Facebook Comments [0.27]
  – Pinterest [0.27]
  – Facebook Likes [0.25]
  – Twitter [0.24]
 Backlinks SEO Ranking Factors – จำนวนของ Backlinks [0.31]
  – % ของ Backlinks rel=nofollow [0.23]
  – Backlinks ใหม่ๆ [0.20]
  – Backlinks จาก โดเมนใหม่ [0.20]
  – Backlinks ที่เป็น Keyword [0.17]
  – Backlinks ที่เป็นคำ [0.16]
  – Backlinks จาก Ltd [0.16]
  – Backlinks ที่เป็น Anchor Text [0.11]
  – Backlinks จากประเทศเดียวกัน [0.07]
 On-Page SEO Ranking Factors – Sitespeed [0.11]
  – ตำแหน่งของ Keyword ใน Title [0.10]
  – ความยาวของ URL [0.10]
  – H2 [0.07]
  – H1 [0.06]
  – Description [0.06]
  – การฝั่ง Video [0.06]
  – Keyword ใน Title [0.02]
  – Keyword ใน Description [0.01]
 Content SEO Ranking Factors – Relevant Terms [0.34]
  – Proof Terms [0.21]
  – จำนวนของ Internal Links [0.16]
  – Keywords ในบทความ [0.15]
  – ขนาดของ HTML [0.14]
  – ขนาดของบทความ (Text Length) [0.13]
  – จำนวนคำ (Word Count) [0.13]
  – Keyword ใน External Links [0.11]
  – Keyword ใน Internal Links [0.10]
  – จำนวนของ External Links [0.08]
  – รูปภาพ [0.06]
  – Keyword ใน H2 [0.02]
 ปัจจัยที่ Google ให้ความสำคัญลดลง – จำนวนตัวอักษรใน Title [-0.01]
  – Keyword ใน URL [-0.01]
  – Keyword ใน Domain Name [-0.02]
  – Keyword ใน H1 [-0.03]
  – AdSense [-0.03]
  – AdLinks [-0.03]
(คนทำ Adsense รู้สึก ร้อนๆหนาวๆ 555+)
 ตัวเลขจากสถิติที่น่าสนใจ ผลจากค่าเฉลี่ยของ URL ที่ติดหน้าแรก (Top 10) หมายถึง URL ที่อยู่อันดับ 1 ถึง 10 จาก Keyword 10,000 คีย์ที่ใช้ค้นหา ได้ค่าเฉลี่ยของปัจจัยต่างๆดังนี้
• URL ที่อยู่ในหน้าแรก จะมีค่า CTR เฉลี่ยอยู่ที่ 9% (อันดับ 1 ค่า CTR อยู่ที่ 32% , อันดับ 10 ค่า CTR อยู่ที่ 3%)
 • 51% ของ URL ที่อยู่ในหน้าแรก จะมีเนื้อหาที่สอดคล้องกับคำค้นหา (Relevant Terms)
 • 79% ของ URL ที่อยู่ในหน้าแรก จะมีเนื้อหาตรงกับคำค้นหา (Proof Terms)
 • มีจำนวน Backlinks เฉลี่ย 1,352
 • มีจำนวน SEO Visibility of backlinking URL 2,080
 • จำนวน Nofollow Backlinks มี 6%
 • Backlinks เป็น Keywords มี 13%
 • Backlinks เป็น Anchor Domain Ltd มี 7%
  • 59% เป็น Backlinks จากประเทศเดียวกัน
 • มีจำนวนของ Internal Links เฉลี่ย 130 ลิงค์
  • มีจำนวนของ Keywords ในเนื้อหาเฉลี่ย 9 คำ
  • ความยาวของตัวอักษรเฉลี่ย 8313 ตัว (Text Character Length)
  • จำนวนคำเฉลี่ย 975 คำ (Word Count)
 • ความเร็วในการโหลด Sitespeed 0.99 วิ
 • มี Keyword ใน External Links 27%
 • มี Keyword ใน Internal Links 62%
  • ตำแหน่งของ Keyword บน Title อยู่คำที่ 1.7
  • เวลาเฉลี่ยของคนที่อยู่บนเว็บ 101 วิ (1:41 นาที)
  • 73% มีการใช้ H2
  • 76% มีการใช้ H1
  • 98% มีการใช้ Meta Description
  • มีรูปภาพเฉลี่ยจำนวน 6.7 รูป
  • ค่า Bounce Rate อยู่ที่ 37%
  • 31% มี Keyword อยู่ใน URL
  • 9% มี Keyword อยู่ใน Domain
  • 12% มีการติด AdLinks
SEO-Survivor-TIPs height=308
 5 Tips เอาตัวรอดในการทำ SEO (สำหรับปี 2015) จากสถิติที่กล่าวมาทำให้ Searchmetrics สรุปแนวทางในการทำ SEO เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดอันดับของ Google ในปัจจุบันเป็น Infographic โดยผมสรุปจากใจความสำคัญดังนี้
1. เนื้อหาคุณภาพคือหัวใจของการทำ SEO
– การมีเนื้อหาที่สอดคล้องกับคำค้นหา คือปัจจัยสำคัญในการทำ SEO
 – (จากสถิติ) ความยาวของบทความ (Text) เฉลี่ยอยู่ที่ 8,313 ตัวอักษร หรือ 975 คำ และมี Internal Links 130 ลิงค์
 – ใช้รูปแบบคำศัพท์ที่เป็นแบบ Semantic ในการเขียน คือใช้คำที่มีความหมายใกล้เคียง เพื่อให้เกิดความหลากหลาย
 – ใช้ประโยคที่มีความเกี่ยวข้องและสอดคล้องกับหัวเรื่องและคำที่ใช้ค้นหา
 – เพิ่มรูปภาพหรือวีดีโอลงในบทความ
 – มีการเพิ่ม Keywords ลงในบทความ โดยใช้คำใกล้เคียงหรือสอดคล้องกับตัวเนื้อหา ไม่เน้นใช้แค่ Keyword เดียว
 – Adsense/AdLinks ส่งผลในทางลบต่อการจัดอันดับ
 – Keywords ในเนื้อหายังเป็นสิ่งสำคัญ แต่อย่าใส่ให้มากเกินไป เพราะจะถูกมองว่าเป็น Spam Keywords ซึ่งไม่เป็นผลดี (1-2% กำลังดี)
2. ปรับโครงสร้างของเว็บให้ดี
– (จากสถิติ) Sitespeed 0.99 วิ
 – เขียน Title และ Meta Description อย่างฉลาด (เขียนให้สอดคล้องกับเนื้อหาและคำค้นหา)
 – มีจำนวนและคุณภาพของลิงค์ภายในที่เหมาะสม
 – หมั่นอัพเดท
 – รู้จักสร้างแบรนด์ให้กับ Niches (หรือ Long Tails Keyword ก็ตาม)
3. ต้องหา Backlinks คุณภาพ
– รู้จักทำให้อัตราส่วนระหว่าง จำนวนและคุณภาพของ Backlinks ให้มีความเหมาะสม
 – อย่าสร้างแต่ Backlinks ที่ไร้คุณภาพ เพราะจะถูก Google มองว่าเป็นการ Spam
4. การใช้ Social ถือเป็นโบนัสในการทำ SEO
– การใช้ Social เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการหา Traffic
 – การมีการเชื่อมต่อกับ Social เป็นการส่งสัญญาณที่ดีให้กับ Google
5. ประสบการณ์จากผู้ใช้งานคือสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
– (จากสถิติ) อันดับ 1 จะมีค่า CTR 32% และ อันดับ 10 มีค่า CTR 3%
 – (จากสถิติ) ค่า Bounce Rate 37%
 – (จากสถิติ) ค่า Average Time on Site 1 นาที 41 วิ
 – ค่าเหล่านี้เป็นสัญญาณอย่างหนึ่งที่ Google ใช้ในการวัดคุณภาพของเว็บไซต์
Download : Infographic: SEO Rank Correlations And Ranking Factors 2014


ที่มา: http://www.webbastard.net/google-seo-ranking-factors/