วันนี้มีความรู้เรื่องฟีโรโมนและน้ำหอมฟีโรโมนมาเล่าให้ฟังค่ะ
ฟีโรโมน (Pheromones) คือสารประกอบทางเคมีกลุ่มหนึ่ง ที่ผลิตหรือได้มาจากสัตว์ซึ่งจะมีต่อพฤติกรรมและสรีรวิทยาต่อสัตว์อื่นๆที่อยู่ในสปีชีส์เดียวกัน ในขณะที่ฮอร์โมนจะทำงานล้วนๆภายในร่างกายของผู้ผลิตฮอร์โมนนั้นๆ แต่ฟีโรโมนนั้นกลับมีผลภายนอกกับพฤติกรรมผู้อื่นแทน ในสัตว์หรือแมลงนั้นฟีโรโมนถูกปล่อยออกมาเพื่อกระตุ้นการสืบสายพันธุ์ หรือใช้เนรมิตขอบเขตอาณาจักรเป็นต้น
ในขณะที่มีการศึกษาและเอกสารมากมายเกี่ยวกับฟีโรโมนในสัตว์และแมลง แต่การศึกษาหรือการทดสอบฟีโรโมนในมนุษย์กลับยังไม่สามารถสรุปได้และยังมีข้อจำกัดอีกหลายๆประการ การขาดข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์มาสนับสนุนไม่ได้หักล้างทฤษฎีฟีโรโมนมนุษย์ หรือว่าไม่รับว่าไม่มีฟีโรโมนมนุษย์ไปเลยซะมีเดียว นักวิทยาศาสตร์ชาว German ช่วงปีค.ศ. 1800 แสดงหลักฐานการมีตัวตนของฟีโรโมนตัวแรกของมนุษย์ซึ่งพวกเค้าเรียกมันว่า anthropines โดยพบว่ามีสารคัดหลั่งที่ออกมาจากผิวหนังและรูขุมขน ซึ่งมีผลต่อพฤติกรรมระหว่างเพศของมนุษย์และแบ่งแยกประเภทของฟีโรโมนออกเป็น 4 ประเภท
1. Releaser Pheromones เกี่ยวข้องกับแรงดึงดูดทางเพศของเพศตรงข้ามซึ่งฟีโรโมนชนิดนี้จะกระตุ้นการตอบสนองโดยทันที
2. Signaler Pheromones เกี่ยวข้องกับการจดจำกลิ่นพันธุกรรม เช่น กระตุ้นให้เพศแม่จดจดจำกลิ่นของทารกในสัตว์
3. Primer Pheromones เป็นฟีโรโมนที่มีการตอบสนองแบบช้า ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับรอบเดือนของเพศสาว และการตั้งครรภ์
4. Modulator Pheromones ในมนุษย์ฟีโรโมนตัวนี้จะปรับเปลี่ยนการทำงานของร่างกาย เช่น การที่รอบเดือนเลื่อนหรือไม่ปกติ หรือช่วยปรับให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายจากอาการตึงเครียดของร่างกาย
ฟีโรโมนเริ่มได้รับความสนใจและเริ่มมีการศึกษาอย่างจริงจังมากขึ้นในศก. 1971 โดย Martha McClintock ได้เผยแพร่ข้อมูลที่ศึกษาว่า ผู้หญิงที่อาศัยอยู่ในละแวกหรือบริเวณใกล้ๆกันนั้น จะมีรอบเดือนที่ใกล้เคียงกันโดยเธอเชื่อว่านี่เป็นผลมาจากฟีโรโมนมนุษย์ ผลการศึกษาอื่นๆยังชี้ให้เห็นว่าฟีโรโมนในเพศชายส่งผลต่อการตกไข่ของเพศหญิงแม้ว่าจะมีสิ่งของอื่นๆที่ร่วมส่งผลด้วย ขณะที่การศึกษาเหล่านี้เปิดประตูการวิจัยให้นักวิจัยท่านอื่นๆ แต่ยังคงมีความเชื่อที่ว่าการศึกษาควรมุ่งในเรื่องของการเหนี่ยวนำหรืออิทธิพลทางด้านจิตในและพฤติกรรมของมนุษย์มากกว่า
ทฤษฎีหนึ่งบ่งชี้ว่าอิทธิพลของฟีโรโมนมนุษย์เป็นสิ่งเดียวกับทฤษฎีจิตวิทยาทางสังคม เช่นฟีโรโมนบางอย่างที่ผลิตในหมู่ประชากรทำให้รู้สึกเหมือนได้รับการนับถือจากกลุ่ม เมื่อบุคคลถูกยอมรับจากกลุ่มแล้วก็จะผลิตฮอร์โมนที่เชื่อมการยอมรับออกมาต่อๆไป
ในปี 2002 ได้มีการศึกษาฟีโรโมมนุษย์อีกครั้งโดยการ โดยการนำเสื้อติดเหงื่อของผู้หญิงมาให้เพศตรงข้ามสูดดม ซึ่งผลพบว่ามีการปลุกใจและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเพศชายเกิดขึ้น ผลการศึกษานี้ได้ถูกตีพิมพ์ในสื่อออนไลน์ของ Neuroendocrinology
ฟีโรโมนถูกนำมาใส่ในส่วนผสมของ
น้ำหอมโดยมีข้อพิสูจน์ตั้งแต่ยุคสมัยอียิปต์และกรีกโบราณ ที่สามารถช่วยกระตุ้นความรู้สึกเพศตรงข้ามได้ และล่าสุดก็มีการทำน้ำหอมฟีโรโมนออกมามากมายหลากหลายแบรนด์ทั่วโลก แม้กระทั้งน้ำหอมแบรนด์ชั้นหนึ่งเองก็เริ่มมีการให้ความสนใจกับวัตถุดิบชนิดนี้ โดยบางสูตรโดยเฉพาะน้ำหอมที่มีคอนเซ็ปท์ของความเซ็กซี่ แบรนด์ที่พบว่าใช้วัตถุดิบเหล่านี้เช่น Gucci, Givenchy, Victori Secret เป็นอาทิ แม้ในประเทศไทยเองก็มีการนำเข้าหัวน้ำหอมและฟีโรโมนมาจากต่างประเทศเพื่อใช้ทำน้ำหอมแบรนด์เป็นของตัวเอง และในประเทศไทยก็มีกระแสความนิยมและยอมรับกับน้ำหอมฟีโรโมนเป็นอย่างมากในช่วงปี 2555 เป็นต้นมาน้ำหอม
บทความแปลโดย : Muzii The Gong’