ผู้เขียน หัวข้อ: มาทำความรู้จักกับ เครื่องปรับอากาศ เพื่อให้ให้เราสามารถเอาไปใช้งานได้แบบพอเหมาะ  (อ่าน 508 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ AnnaFraser22

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,132
  • พอยท์: 0
    • ดูรายละเอียด
ในทุกวันนี้ ลมฟ้าอากาศบ้านเรา ประเทศของเราค่อนข้างจะร้อนมากและยิ่งในเดือนเมษายนนี้ ยิ่งร้อนมากๆ กว่าทุกปี โดยที่อุณหภูมิพลุ่งสูงแตะที่ 40 องศาเซลเซียส เลยทีเดียว แค่สภาพอากาศในเวลาเช้าก็ถือว่าร้อนมากมายแล้ว และสิ่งที่จะมาช่วยคลายภูมิอากาศที่ร้อนจัดได้นั้นก็คือเครื่องปรับอากาศ ด้วยเหตุว่าหมายถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทำให้ภูมิอากาศของที่พักอาศัยเรามีภูมิอากาศที่หนาวเย็นขึ้น และก็คงไม่แปลกประหลาดที่หลาย ๆ บุคคลจะเลือกคัดที่จะตั้งแอร์ไว้ในที่พักอาศัยเพราะช่วยปรับอุณหภูมิให้เย็นสุขสบายขึ้น โดยเฉพาะตัวของผมพูดได้เลยว่า ขาดแคลนแอร์ไม่ได้ เนื่องมาจากอากาศมันร้อนมากวัน ๆ หนึ่ง ล้างตัวไป ออกมาสักพักเดียว ก็ตัวชุ่มเหงื่ออีกแล้ว เรียกได้ว่า กลายเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตประจำวันของหลาย ๆ คนเลยที เพราะฉะนั้น วันนี้ เราจะมาทำความรู้จักไอเจ้า เครื่องปรับอากาศให้เข้ากันเพิ่มขึ้นกันครับ เพื่อที่เพื่อนๆ จะได้เห็นถึงความสำคัญของเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดนี้ครับผมและจะได้สามารถนำไปใช้งานได้อย่างพอดีกับเพื่อน ๆ ครับ

เรื่องราวของกาทำความเย็นนั้น ยังไงก็หนีไม่พ้นแอร์ เพราะว่าเป็นสิ่งอำนวยความสบายที่มีกันมาอย่างยาวนาน ในสมัยก่อนนั้นอาจจะมีเฉพาะบ้านของคนที่มีฐานะ แต่ในปัจจุบันนี้นั้น ทุกที่พักอาศัยสามารถมีได้ เพราะสนนราคานั้นไม่ได้แพงมากนัก ซึ่งในปัจจุบัน สามารถชำระหรือผ่อนจ่ายได้อีกด้วย จึงทำให้ เป็นที่นิยมมากในยุคนี้ เรามาทำความรู้จักกันครับ เครื่องปรับอากาศ คืออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่จะทำให้ที่พักอาศัยหรือห้องของคุณมีอุณหภูมิลดลงหรือเย็นลงนั้นเอง ไม่ว่าจะเป็น ห้องนอน ห้องนั่งพักผ่อน ห้องรับแขก ครัว ก็สามารถติดได้ เพื่อช่วยทำให้สภาพอากาศเย็นสบาย ไม่ร้อน และยิ่งในเดี๋ยวนี้ ได้มีการพัฒนาเพิ่มขึ้นอีกมาก ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ให้เหมาะสมกับยุคนี้ ที่ผู้คนหันมาดูแลตัวเองกันมากขึ้น คือ จะมีการกลั่นอากาศ ให้อากาศปราศจากฝุ่นละออง หรือ เชื้อโรค เชื้อรา ต่าง ๆ หรือว่าจะมีการพัฒนา ให้มีการประหยัดไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น เพราะแอร์หรือเครื่องปรับอากาศ มักจะเปิดกันได้แทบจะทั้งวันตลอดคืน ซึ่งเป็นสิ่งของภายในบ้านอย่างหนึ่ง ที่กินไฟมากที่สุด โดยปัจจุบัน ก็มีการพัฒนาให้กินไฟน้อยลง และคุณสมบัติต่าง ๆ ก็พัฒนาขึ้นจากแต่แรกมากยิ่งขึ้น โดยที่ตัวประกอบของแอร์นั้น จะมีหลัก ๆ ที่เรามองเห็นๆ กันก็จะมี 2 ชิ้นส่วนด้วย คือ 1.ตัวเครื่องแอร์ที่ให้ความเย็นฉ่ำอยู่ข้างในห้อง และ 2.จะมีตัวคอมเพรสเซอร์แอร์อยู่นอกบ้านนะครับ โดยที่คอมเพรสเซอร์นั้นจะปฏิบัติหน้าที่ ที่สำคัญมาก และเราจะสังเกตได้ว่า ถ้าหากคอมไม่มีลมร้อนออกมา หรือคอมเพรสเซอร์ไม่ปฏิบัติการ จะทำให้ตัวเครื่องด้านใน ไม่เกิดความเย็นฉ่ำด้วย เช่นกัน โดยสิ่งที่เราสมควรรู้ก็คือ ขนาดของแอร์ที่เราจะซื้อหานะครับ เพราะแอร์นั้น มีหลายขนาดให้เลือกซึ่งขึ้นอยู่กับความกว้างของห้องที่จะติดตั้งด้วย หน่วยของมันคือ BTU มันคือหน่วยของเครื่องปรับอากาศ ที่ตั้งไว้ เช่น 8,000 BTU พอเหมาะสำหรับห้องขนาด 14 ตารางเมตร หรือ12,000 BTU เหมาะสำหรับห้องขนาด 20 ตารางเมตร เป็นต้นซึ่งมันคือหน่วยวัดการดึงความร้อนออกจากห้องต่อชม. (อันนี้เข้าใจง่ายดี ไม่ต้องลึกมาก) โดยที่เราต้องคำนึงด้วยว่า ห้องของเรานั้นมีความกว้างมากแค่ไหน หากห้องเราไม่ได้ใหญ่มากนัก ก็ไม่จำเป็นจะต้องเอา BTU เยอะ ๆ นะครับ เพราะว่าเปลืองเงินโดยใช้เหตุ เราควรคำนึงถึงความเหมาะสมต่าง ๆ ด้วยครับ โดยส่วนประกอบอุปกรณ์เครื่องแอร์คอนดิชันหรือเครื่องปรับอากาศ นั้นจะมีส่วนประกอบดังต่อไปนี้ครับ แผงท่อความเย็น,คอมเพรสเซอร์,หน้ากากเครื่องที่มีแผ่นเกร็ดกระจายความเย็น,แผงท่อระบายความร้อน,เครื่องมือสำหรับเปิด-ปิด เครื่อง,พัดลมส่งความเย็น,พัดลมถ่ายเทความร้อน,อุปกรณ์ป้อนสารทำความเย็น,แผ่นกรองอากาศ โดยทุกอย่างจะทำงานรวมกัน และสร้างอากาศที่เย็นขึ้นให้กับเพื่อนฝูงๆ ได้ หากสิ่งหนึ่งสิ่งใดเสียหรือพัง มันก็จะทำให้แอร์คอนดิชันของเราไม่เย็นครับ โดยต่อไปเราจะมาพูดถึงประเภทของแอร์ที่เราเคยเห็นกัน ว่ามีทั้งสิ้นกี่แบบกี่ประเภทนะครับ เครื่องปรับอากาศ

ชนิดที่ 1. แบบตั้งหรือแขวน โดยแอร์ประเภทนี้ จะเหมาะสำหรับเพื่อน ๆ ที่ประสงค์อยากได้แอร์ตั้งพื้นหรือแขวนห้อยลงมาจากเพดาน จะเหมาะสำหรับพื้นที่ ที่ค่อนข้างจะกว้างอยู่พอควร แต่ห้องเล็กก็สามารถติดตั้งได้ ตัวอย่างเช่นห้องนอน ร้านอาหาร สำนักงานต่าง ๆ เป็นต้นแต่ถ้าสำหรับตัวผมแล้ว ผมมองว่า  เหมาะกับร้านอาหารใหญ่ ๆ หรือที่ทำการมากกว่าครับ

ชนิดที่ 2. แบบติดฝาผนัง แอร์ประเภทนี้ จะเหมาะสำหรับเพื่อนฝูงๆ ที่มีห้องขนาดเล็ก พื้นที่น้อยเช่นพวกห้องนอน ห้องรับแขก หรือว่าห้องนั่งเล่น ซะมากกว่าครับ เพราะด้วยขนาดที่กะทัดรัด จึงไม่ทำให