ผู้เขียน หัวข้อ: มาทำความรู้จักมักคุ้นที่มาที่ไปของเจ้า ลูกโป่ง ของเด็กเล่นหลากสีที่มีดีมากมายกว่าการเป็นแค่ของเ  (อ่าน 711 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ AnnaFraser22

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,132
  • พอยท์: 0
    • ดูรายละเอียด
ขณะนี้มหาวิทยาลัยต่างๆพากันมีงานรับปริญญามากมายมากๆ เรียกได้ว่าเป็นเทศกาลรับปริญญาเลยก็ว่าได้ นอกเหนือจากบัณฑิตที่ตื่นเต้นกับงานรับปริญญาของตนเองแล้วคนที่ตื่นเต้นไม่แพ้กันนั่นก็คือพวกบรรดาผองเพื่อนของบัณฑิตนั่นเอง ไม่ว่าจะหาชุดสวยงามเตรียมไปงานหรือกระทั่งของให้ที่จะให้ผู้สำเร็จการศึกษาก็ตาม ก็ของให้มีมากมายหลายประเภททั้งแบบตระเตรียมมาเองหรือที่จัดจำหน่ายหน้างานเรียกว่าคัดเลือกกันไม่ถูกเลยทีเดียวทั้งราคาถูกและสนนราคาแพงปะปนไปสวยๆทั้งสิ้น แต่ในนาทีนี้ของให้กิ๊บเก๋ที่ฮิตสุดๆ เรียกได้ว่าขายกันแทบจะทุกร้านค้าเลยก็ว่าได้คงหนีไม่พ้น 'ลูกโป่งอัดแก๊ส' รูปแบบสวยๆงามๆ มีทั้งอันเล็กอันใหญ่ แบบอลังการงานสร้างก็มี ถือว่าเอามาประดับบารมีของผู้สำเร็จการศึกษาเลยก็ว่าได้ แต่ราคานี่แพงใช่เล่น ลูกน้อยๆมูลค่าก็ไม่ได้น้อยตามลูกเลย ไหนๆเห็นว่าเวลานี้ป๊อปปูล่ากันจัง เราจึงขอเกาะกระแสไปด้วย รู้หรือไม่ว่าจะลูกบอลลูนสีๆเนี่ย มีสตอรี่ไม่น้อยเลยนะ ใครๆหลายคนต้องเคยสัมผัสกับมันแน่ๆ ยิ่งช่วงระยะเวลาเด็กๆเชื่อว่าเด็กส่วนใหญ่เพลิดเพลินไปกับของเล่นชิ้นนี้ไม่ใช่น้อย วันนี้เราจะพามาย้อนรอยไปรู้จักลูกโป่งในอดีตกัน


ลูกโป่ง
 คือสิ่งของที่ทำมาจากยาง น้ำยาง ผ้าในล่อน ไม่ก็พอลีคลอโรพรีน นำมาทำเป็นรูปแบบต่างๆที่สามารถยืดหยุ่นและพองตัวโดย โดยบรรจุแก๊สต่างๆเข้าไป (ถ้าเราเป่าเองด้วยปากก็จะเป็นการบรรจุก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปจากลมหายใจออกของเรานั่นเอง) ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยโบราณโดยการทดลองทางวิทยาศาสตร์ คนที่สร้างได้สำเร็จเป็นคนแรกคือ ไมเคิล ฟาราเดย์ นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังจากประเทศอังกฤษ แต่ว่าเมื่อก่อนนี้ กาลิเลโอ ก็เคยทดลองประดิษฐ์เช่นกัน โดยนำกระเพาะหมู หรือกระเพาะปัสสาวะของสิ่งมีชีวิตที่แห้งแล้วมาทำการทดลอง มีวัตถุประสงค์ไว้เพื่อประดับตกแต่งสถานที่และใช้ในงานเทศกาลต่างๆ สำหรับเด็กๆ ก็จะให้คุณประโยชน์ในด้านความเพลิดเพลิน และการช่วยสร้างทักษะในการคิดจินตนาการ ขึ้นอยู่กับการนำมาบูรณาการและข้อแนะนำของแต่ละครอบครัว จริงๆเมื่อก่อนนี้ลูกโป่งนั้นถือว่าเป็นของเล่นไฮโซเลยก็ว่าได้ในช่วงเวลาที่ประเทศไทยนำเข้ามาแรกๆ ช่วงยุคสมัยรัชกาลที่5 เป็นช่วงที่เมืองไทยเริ่มมีความสัมพันธ์อันดีงามกับยุโรปจึงเริ่มรับขนมธรรมเนียมรวมถึงมีการค้าขายกันทำให้ลูกโป่งเข้ามาแพร่สะพัดในสมัยนั้น โดยส่วนมากจะใช้ในงานฉลองเทศกาลต่างๆ ใช้เพื่อประดับประดาตกแต่งสถานที่ รวมถึงใช้ในพิธีเปิดงาน แขวงป้ายต่างๆ แต่เนื่องจากเป็นสินค้านำเข้าทำให้มีราคาค่อนข้างแพง เรียกได้ว่าต้องมีฐานะที่ดีจึงจะสามารถซื้อมาเล่นได้ แต่ทุกวันนี้สามารถหาซื้อได้อย่างง่ายได้ เพราะเมืองไทยมีการผลิตและจำหน่ายกันอย่างแพร่หลายไม่ต้องนำเข้าอีกแล้ว เมื่อต้นทุนลด ราคาก็ลด จึงกลายเป็นของเล่นที่วัยเด็กแทบจะทุกคนเคยผ่านกันมาแล้วทั้งนั้น เนื่องจากหาซื้อง่ายและราคาก็ถูกอีกด้วย

ทุกวันนี้เจ้าของเล่นบอลลูนหลากสีนี้มีหลายประเภทมากๆ มูลค่าก็แตกต่างกันไป รวมถึงความไม่เป็นอันตรายในการเล่นด้วยก็เช่นกัน ผู้ปกครองที่จะใช้ของเล่นชนิดนี้มาเป็นเพื่อนเล่นกับบุตรหลานจึงควรที่จะทำความรู้จักมักคุ้นกับประเภทของมันด้วยว่าแต่ละชนิดเหมาะสมกับการเล่นแบบไหน เหมาะกับบุตรหลานของท่านหรือไม่ และมีความปลอดภัยหรือเปล่า

1.ลูกโป่งยาง ทำมาจากยาง น้ำยาง เป็นแบบออริจินัลดั้งเดิมเลยทีเดียว ใช้การเป่าลมหรืออัดแก๊สเข้าไปเพื่อให้ลอยได้ ถ้าแบบเป่าลมด้วยปากมักจะไม่รุนแรง ซื้อหาได้จากการขายเป็นถุงๆให้เด็กๆซื้อไปเป่าลมด้วยปากกันเอาเอง แต่ถ้าว่าเป็นแบบสำเร็จรูปส่วนมากมักจะลอยในอากาศได้ โดยใช้การอัดแก๊สเข้าไป สามารถอัดแก๊สได้ 2 ประเภทคือ ไฮโดรเจนและฮีเลียม ถ้าไฮโดรเจนจะค่อนข้างอันตราย เนื่องจากเป็นก๊าซไวไฟ สามารถติดไฟและแผ่ขยายเป็นเชื้อเพลิงได้ง่าย ก่อให้เกิดพิษภัยได้ และยังสามารถซึมออกจากผิวยางได้ด้วย แต่จะมีราคาไม่แพงมาก

ส่วนฮีเลียมนั้นจะปลอดภัยกว่าเนื่องจากเป็นก๊าซเฉื่อย ไม่ไวไฟ แต่มีราคาออกจะแพง พวกพ่อค้าแม่ค้าจึงนิยมไฮโดรเจนมากกว่าเพื่อประหยัดต้นทุน ปัจจุบันนี้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคกำหนดให้เจ้าบอลลูนอัดแก๊สไฮโดรเจนกลายเป็นของซื้อของขายที่ควบคุมฉลาก ผู้ขายต้องติดคำเตือนเกี่ยวกับการพึงระวังเรื่องประกายไฟและความร้อน เพื่อป้องกันการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเด็กๆที่มาซื้อไปเล่นเพราะเด็กๆรวมถึงผู้ใหญ่บางคนไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำว่าการที่มันลอยได้นั้นเกิดจากการใช้ก๊าซชนิดได้ แล้วก๊าซชนิดนี้ส่งผลอย่างใด ดังนั้นจึงการติดป้ายกล่าวเตือนเอาไว้จะช่วยลดอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นได้ไม่มากก็น้อย แต่ถึงอย่างใดก็ขึ้นอยู่กับจรรยาบรรณของพ่อค้าคนขายของด้วย

2.ลูกโป่งวิทยาศาสตร์ นับว่าเป็นอีลูกโป่ง