ผู้เขียน หัวข้อ: มาพูดกันถึงเรื่องราวของตัวการของโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังหรือที่เรียกกันว่า สะเก็ดเงิน  (อ่าน 496 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ AnnaFraser22

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,132
  • พอยท์: 0
    • ดูรายละเอียด
สวัสดีนะครับสำหรับเพื่อนๆทุกท่าน วันนี้ผมจะมาให้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคสะเก็ดเงิน ที่เพื่อน ๆ คงเคยได้ฟังมาบ้าง แต่สำหรับบางท่านแล้ว คงจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโรคมันมีขึ้นจากไหนและลักษณะเป็นอย่างไร วันนี้ผมจะมาชี้แจงให้รู้กันครับผมเพราะในปัจจุบันโรคภัยต่าง ๆ มีเพิ่มมากขึ้นทุกปี และปริมาณผู้ป่วยก็มาขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของโรคผิวหนัง เพราะว่าเมืองไทยของเรานั้น เป็นเมืองที่ค่อนข้างมีสภาพอากาศร้อนชื้น นะครับผมจึงไม่แปลกที่มนุษย์เราจำนวนมากจะเคยเป็นโรคผิวหนังกัน โดยทั่ว ๆ ไป หากเล่ากันถึงเรื่องของโรคผิวหนัง หลายคนคงนึกถึงแต่โรคขี้กลากเกลื้อน เป็นหลัก ๆ นะครับผมโดยเฉพาะลูกๆ นี้แทบจะไม่รู้จักโรคอื่น ๆ เลย โดยบางคนได้ยินคำว่าสะเก็ดเงิน ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นชื่อของโรคผิวหนังอีกประเภทหนึ่งนะครับ มาลองดูกันครับ ว่ามันเป็นเช่นไร

ก่อนอื่นเลยมาทำความรู้จักมักคุ้นกันก่อนครับ ว่ามันคือสิ่งไรเกิดจากอะไร โดยอันนี้จากที่ผมลองศึกษาหาข้อมูลมา ได้ประมาณนี้ครับผมโรคสะเก็ดเงิน ก็คือโรคผิวหนังชนิดหนึ่งนี่แหละครับ แต่เป็นโรคผิวหนังที่เกิดการอักเสบแบบเรื้อรังโดยส่วนใหญ่แล้ว มักมีหลายปัจจัยเป็นส่วนประกอบครับ เพราะส่วนใหญ่แล้วไม่ได้เกิดจากสาเหตุเดียว และทำความเข้าใจกันเลยนะครับ ว่ามิได้เกิดจากเชื้อโรค หรือการแพ้สารเคมีแค่เพียงอย่างเดียว มักจะมีส่วนประกอบของร่างกายและจิตใจของเราเองเข้ามามีส่วนด้วยครับ ทั้งเรื่องกรรมพันธุ์หรือยีนผิดปกติ ก็นับว่ามีส่วนด้วยกันทั้งนั้นครับ โดยส่วนใหญ่แล้ว จะมีอาการเป็นผดแดงเป็นปื้น ๆ และมีการลอกเป็นขุย ๆ มักจะเป็น ๆ หายไปๆ โดยโรคนี้มีเรื่องของพันธุกรรมมาเกี่ยวข้องด้วยครับ จากการสืบค้นข้อมูล และสำรวจ ถ้าคุณพ่อและคุณแม่เป็นโรค ลูกที่เกิดมา จะมีโอกาสเป็นได้ถึงร้อยละ 65-83 เลยครับผมซึ่งถือว่าสูงพอสมควรนะครับ แต่ถ้าพ่อหรือแม่เป็นแค่คนเดียว ลูกก็มีโอกาสเป็นได้เช่นเดียวกัน แต่จะไม่เกินร้อยละ 50 ครับ

การเกิดโรคสะเก็ดเงินนั้น อย่างที่บอกไว้แล้วว่ามีปัจจัย สองปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้องคือปัจจัยภายในและภายนอก นะครับมาลองดูกันว่า อะไรเป็นปัจจัยภายใน และสิ่งไรเป็นปัจจัยภายนอกครับ

สิ่งแรกเลย คือ ปัจจัยภายในตัวเรา หลาย ๆ คนอาจจะคิดว่าผิวหนังไมได้เกี่ยวข้องกับอวัยวะภายในร่างกายสักเท่าใด ซึ่งจริง ๆ แล้ว คุณคิดผิดครับ เพราะว่าการเกิดอาการของโรค มีผลพวงมาจากอวัยวะในร่างกายของเรามีการเปลี่ยนแปลง เช่นโรคเกี่ยวกับตับ ไต เป็นต้นด้านสุขภาพของอารมณ์ของผู้ป่วยนั้นก็มีผลร่วมด้วย อย่างที่บอกคือมันเกี่ยวข้องกันทั้งหมด โดยในด้านของความรู้สึกที่จะมีผลต่อโรคสะเก็ดเงิน นั้น จะพบว่าเป็นคนที่มีพฤติกรรมดังนี้ คนที่ฉุนเฉียวง่าย นอนไม่หลับ ขี้หงุดหงิด เครียด จะทำให้มีผื่นแดงขึ้น และมีอาการคันมากขึ้นไปอีกด้วย และมีผลให้โรคกำเริบขึ้นไปได้อีก และมีส่วนทางด้านเคมี ก็จะมีผลไม่ต่างจากกัน ปัจจัยทางเคมีนั้น ก็คือสารเคมีที่เราใช้ในความเป็นอยู่ประจำวัน หรือพวกยาต่าง ๆ เช่น ผงซักฟอก สบู่ ครีมต่าง ๆ หรือคงเป็นพวกยาสตีรอยด์ทั้งแบบทานและฉีด รวมถึงยาสมุนไพรต่างๆ ก็อาจจะมีผลร่วมด้วยเช่นกัน

สิ่งที่สอง คือ ปัจจัยภายนอกตัวเรา ก็คือสภาพแวดล้อมต่าง ๆ อาจจากที่เราทำงานหรืองานที่เราทำนั้น มีส่วนไปเกี่ยวพันกับสารเคมี หรือ สัมผัสกับสิ่งแวดล้อมที่มิค่อยดีนัก จะส่งผลต่อผิวหนังของเราโดยตรง พร้อมทั้งส่วนปัจจัยภายนอกนี่เองจะมีผลให้โรคสะเก็ดเงินมีสภาพกำเริบด้วย เพราะการกระทบโดยตรงแด่ผิวหนัง จะกระตุ้นเร้าอาการต่าง ๆ ได้ โดยหากเป็นผู้ที่ต้องปฏิบัติการท่ามกลางภาวะแวดล้อมที่ไม่ดีนัก ทางแพทย์จะต้องมีการตรวจอยู่บ่อยครั้ง และดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดอาการกำเริบได้ และบางครั้งในสถานที่ทำการทำงานของเรา อาจจะมีเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย ที่มีผลต่อการกำเริบของโรคได้โดยเหตุนั้นหากท่านได้ที่ทำงานกลางสิ่งแวดล้อมที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก ก็ควรหาเวลาไปพบแพทย์และทำตามที่คุณหมอแนะนำอย่างเคร่งครัดพฤติกรรมที่ควรหลบหลีก สำหรับผู้ที่เป็นโรค

1. การดื่มเหล้าและสูบบุหรี่

2. การบริหารร่างกายที่หักโหมหรือหนักจนเกินไป หากผู้ใดที่รู้ตัวว่าเป็นโรคควรจะออกกำลังเบา ๆ ไม่ควรจัดหนักจัดเต็มมากมาย3. ความเคร่งเครียดต่าง ๆ เพียรพยายามอย่าคิดมาก อย่าเครียดมาก หรือควรหาแนวทางผ่อนคลายตัวเอง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องกดดันตัวเอง  พยายามอย่าวิตก กังวล หรืออารมณ์เสียมันจะส่งผลต่อสภาพจิตใจและมีอาการกำเริบของโรคสะเก็ดเงินได้สะเก็ดเงิน

เพราะฉะนั้นหากเพื่อน ๆ ท่านใด ที่กำลังมีอาการผื่นแดง ขึ้นเป็นปื้น และมีการลอกเป็นขุย ๆ ที่ผิวหนัง ควรรีบไปพบหมอเพื่อทำการรักษาให้ทันเวลา เพื่อที่มันจะได้ไม่แพร่กระจายไปทั่ว และเพื่อเป็นการยับยั้งเพราะในบางครั้ง การที่