ผู้เขียน หัวข้อ: การหารายได้ที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณให้มั่งคั่งกว่าปัจจุบันแค่เปิดใจลองดูและลองทำใหม่ แล้วคุณจะรู้ ว  (อ่าน 711 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ AnnaFraser22

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,132
  • พอยท์: 0
    • ดูรายละเอียด
ล่าสุดเราไม่ว่าจะไปที่ไหนฉันจะเห็น พระวางจำหน่ายมากมายแม้แต่ตลาดนัด ยังมีในหลายคนที่โปรดปรานพระก็จะเข้ามามุงสังเกตแต่สำหรับคนที่ไม่ชอบ ก็ย่างก้าวผ่านไป อันนี้ก็เป็นสิ่งที่เรียกว่าเป็นคตินิยมส่วนบุคคล ตามจริงคนแต่งเองก็ไม่มีความเชื่อประเด็นพวกนี้อยู่เท่าไร่ มีวันนึง คราวนั้นเราเองก็อยู่แค่ ปวส วันนึงได้มีฤกษ์ไปใต้ ที่ขนอม ขนอมเป็นอ.นึง ของนครศรีธรรมราชแต่จะติดกับจังหวัดสุราษฎร์ธานี พูดถึงขนอมแล้วก็นึกถึงท้องทะเล ถ้าคนเคยไปเที่ยวมาขนอมคงจะชอบทุกท่านเพราะว่าหาดสวย มีตลาดขายของทะเล มากมายมากเลยคะ ครั้งนึงผู้เขียนเคยทำงานเป็นทะเบียนที่ ขนอมชื่อตาลคู่บีชรีสอร์ท ตอนนั้นก็เคว้งเลยหางานทำเพราะไปอยู่กับน้าที่ใต้เราก็ต้องหารรายได้จะได้ไม่กวนใจน้ามาก ตามจริงอยากเรียนรู้ตอนหลังแต่เนื่องด้วยตระกูลก็ไม่ค่อยมีเงินเท่าไรกะจะมาอยู่กับน้าเพื่อหารายได้ด้วย เอ๊ะๆๆนี่เราเรากำลังพูดถึงเรื่องพระอยู่นี่น่า เอาน่านอกเรื่องบ้างพูดถึง เรื่องทะเลลองเข้าไปดูนะคะในเว็บมีมากมาย ชายฝั่งสวยน้ำทะเลก็สวย ลองไปดูคะ แป๊บๆๆก็ วันนี้ก็เดือน เมษายน 59 ละผ่านมาหลายปีละ เอาทีนี้มาพูดถึงเรื่องพระกันต่อ ตามตรงพระถ้าเล่ากันถึงเรื่องราวพระเครื่องและกล่องใส่พระคงจะยาวน่าดู เพราะพระเครื่องลางไทยที่ใส่อยู่ในกล่องใส่พระ โบราณบ้าง ที่เก็บเป็น พิพิธพันธ์บ้าง ตั้งแต่สมัยปู่ย่าตาทวด ก็นับว่าพระเครื่องเป็นมรดกของไทยแต่ดั้งเดิมก็ว่าได้ แต่ก่อนนั้นเคยถามย่าว่าแต่ก่อนมีการออกศึก เขาต้องมีพระเหมือนในภาพยนตร์เหมือนสมัยนี้ไหม คุณย่าตอบว่า ก็คล้ายกันแต่คนเมื่อก่อนเค้าจะยึดมั่นไว้เป็นเครื่องเตือนความดี เป็นเครื่องเตือนใจ ว่าเรามาจากให้ ก็คือเหมือนกับเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวใจให้มีกำลังแข็งกล้า ฟันฝ่ากับข้าศึก ไม่ใช่แต่พระหรือกล่องใส่พระของขลังแม้กระทั่งชายผ้าถุง แม่มีความหมายมาก ส่วนมากกองพลสมัยนั้นจะชอบ ให้ห่อผ้าขาวผูกติดแขนเสื้อบ้างไม่ก็ใช้พูกเพื่อคล้องคอเหมือนเป็นความกตัญญูกตเวทีต่อบิดามารดาความกตัญญูเป็นสมบัติของคนดีคนดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไหม้ไหม ย่าเล่าอีกว่าสมัยที่ปู่ไปเป็นกำลังพล ปู่กลับมาจากทหารจะมาบอกให้ย่าฟัง บางทีก็มีเรื่องเร้นลับบ้างแต่ก็น่าระทึกขวัญแต่ทุกครั้งที่ปู่จะกลับบ้านปู่จะขอพรจากพอและแม่ รวมถึงย่าด้วย พรคนสมัยก่อนนั้นมีความ น่าเลื่อมใส เพราะคนสมัยนั้นพูดคำไหนคำนั้น มั่นหมายถือมั่นในคำพูดและหลักคำสอนจะพูดสิ่งใจมักจะได้คิดก่อนเสมอ ซึ่งกลับกันคนสมัยนี้พูดจริงหรือพูดเล่นก็ไม่รู้บางครั้งพูดเล่นเหมือนจริงพูดจริงเหมือนเล่น ฟังไปฟังมาก็เพลินดี ....มาเข้าเรื่องกันดีกว่าเราพูดถึงเครื่องรางของคลังหรือพระเครื่องอยู่ คือยังกะตอนที่เกริ่นผู้เขียนไม่ชอบเรื่องพวกนี้อยู่แล้วโดยส่วนตัวแต่ก็ไม่ได้ลบหลู่ด้วยความที่ผู้เขียนเป็นเด็กบ้านๆๆไม่สูงเท่าไรแล้วก็ไม่สวยมาก พูดงานง่ายก็คือไม่เคยมีเพื่อนชาย เลยมีแต่เพื่อ วันนี้เดินผ่านตลาดเห็นคนขายพระอื้อซ่าเลยเลยนึกถึงพระองหนึ่งที่ แฟนของน้าเคยให้ไว้แต่ทำหายไปแล้ว เขาเรียกว่าพระขุนแผน จำได้ว่าเป็นพระขนาดเท่าองค์ทั่วๆไปตอนที่แฟนน้าเอามาให้เราก็ไม่อะไร คิดว่า เนื่องจากเรานึกว่าพระขุนแฟนต้องดูเหมือนทางต่างๆๆ แต่ที่ให้มาเป็นพระเหมือนพระพุธรูป เราจะเรียกแฟนน้าว่าลุง เพราะแกมีอายุมากกว่าน้าเกือบรอบ เป็นคนธรรมมะธรรมโม ไม่ชอบอยู่บ้านส่วนมากอาทิตย์นึงอาจจะกลับมาบ้านสักครั้งเพราะอยู่แต่วัด บางทีนึกไปก็ขำเราเก็บทุเรียนกะน้าไว้หลายสิบลูกตื่นขึ้นมาหายไปหมด เพราะลุงเอาไปให้ที่วัดหมด แต่ก็ไม่ได้อะไรถือว่าเราก็ได้บุญไปด้วย55 นึงถึงตอนนี้ก็คิดถึง ในเวลานั้นที่ลุงให้เพราะขุนแผนไม่เชื่อก็ต้องเชื่อถ้าเราเป็นคนที่มีเสน่ห์ก็จะไม่อะไรเลยแต่เรานี่ดิเกิดมายังไม่เคยมีแฟน 555 จนจะ 20 ปีอยู่ละ พอลุงให้มาเราก็ห้อยขอ ตอนนั้นก็อธิฐาน แบบเล่นๆแม้พระขุนแผนที่อยู่ในกล่องใส่พระมีฤทธิก็ขอให้ มีแฟนกะเขาบ้างเถอะเพี้ยง 555 ขำจริง แต่เชื่อไหมว่า ไม่ถึงอาทิต มีคนที่ทำงานแอบชอบทีเดียว 2 คน มีหนุ่มทุเรียนมาขอเป็นแฟน 1 คน เข้ามาให้ตรึม เอิ่มมมมคือว่า นี่มันเกิดไรขึ้น แต่กระนั้นเราเองก็ไม่เคยเจอ แต่ก็ไม่ตัดสินใจครบใคร ไม่ใช่ว่าเลือกนะคะ แต่คิดว่า มันไม่ได้มาด้วยความรักอาจจะเสียใจภายหน้าเลยจบอยู่แค่นั้นต่อมากลับมาศึกษาต่อที่บ้าน ตอนนี้ไม่รู้ทำหายไปไหนพระขุนแผนที่ลุงให้ ไม่แน่ใจว่าเอาไปไว้ที่ไหน ขบคิดไปก็เสียดายอยู่ เพราะน่าจะเก็บดีดีอย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่ค่ามากเหมือนกัน เพราะลุงไม่ค่อยให้ใครง่ายๆๆ นอกจากลุงจะเห็นแล้วว่านะจะควรกับเราเลยให้ แต่ก็ไม่เป็นไรไม่ติดใจอะไร แต่เดี๋ยวนี้คิดอีกเมื่อเดินผ่านตลกล่องใส่พระ