การคัดเลือกใช้งานสายไฟเพื่อให้ถูกการใช้งานและเหมาะสม
สำหรับการเดิน สายไฟบางกอก ในยุคปัจจุบัน ทั้งบ้านโรงงาน หรือที่ทำการต่างๆเองก็ตาม ก็ต้องมีกฏเกณฑ์สำหรับ
การเลือกสายไฟแบบประเภทต่างๆเช่นกัน โดยปัจจุบัน เชิงอรรถตามเกณฑ์การเดินสายไฟใหม่คือ มอก.2553 แล้ว
โดยที่แปรเปลี่ยนหลักๆจะเป็นการเดินของสายไฟ และ รหัส ที่ใช้เรียกสายไฟ
รวมถึง การปรับพิกัดกระแสของสายไฟเช่นกัน เพื่อให้สมควรกับการใช้งานและให้เกิดความเสถียรต่อผู้บริโภคมากที่สุด
โดยถ้าเราไม่ได้เป็นผู้รับเหมาติดตั้งงานระบบไฟฟ้าเองแล้ว อย่างน้อยก็ควรรู้ว่า ในบ้านเรามีระบบอะไรบ้าง
ป้องกันอะไรได้บ้าง รวมทั้งสายไฟบางกอก ที่ใช้ในบ้านเกิดความร้อนสะสมหรือไม่หรือที่เรียกว่า กระแสเกิน
เพื่อให้เราสังเกตว่า ระบบไฟฟ้าในบ้านมีความผิดธรรมดา เช่น ถ้าปลั๊กไฟในบ้าน หรือสายไฟในบ้าน
เกิดความร้อนเมื่อเราสัมผัสหรืออยู่ใกล้ๆ ก็ควรรีบให้ช่างไฟฟ้าเข้ามาพิจารณา เพื่อหาจุดที่กระแสไฟฟ้าเกินหรือเกิดการ
<span style=
line-height: 1.42857;
>ลัดวงจร เพื่อไม่ให้เกิดไฟไหม้ ซึ่งสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สมบัติ ภายหลังได้</span>
ในส่วนของการลากสายไฟ มีทั้งการลากสายไฟแบบลอย และเดินใต้ดิน รวมถึงวางไม่มีฉนวน
หุ้ม<span style=
line-height: 1.42857;
>สายไฟบางกอก ชนิดTHW หรือ IEC01 ซึ่ง เป็นสายไฟที่นิยมที่สุดที่ใช้ในการเดินสายไฟภายในบ้าน</span><span style=
line-height: 1.42857;
>ไม่ว่าจะระบบแสงสว่าง </span><span style=
line-height: 1.42857;
>เต้าเสียบ</span><span style=
line-height: 1.42857;
> หรือสายไฟที่ใช้กับเครื่องใช้อุปกรณ์เพลิงชนิดอื่นๆ ซึ่งส่วนมากจะใช้ สายไฟ THW หรือ สาย IEC01</span>ความใหญ่ ของสายไฟตั้งแต่ 2.5 ,4,6,10,16,35 ซึ่งถ้าเราใช้สายไฟเบอร์ใหญ่ จะทำให้
<span style=
line-height: 1.42857;
>เวลาเราใช้โหลดมากๆ สายไฟจะมีความร้อนสะสมน้อยกว่าที่เราจะใช้สายไฟเครื่องใช้ไฟฟ้าเล็ก</span><span style=
line-height: 1.42857;
>ซึ่งก็ต้องดูว่าผู้รับเหมาไฟฟ้า ใช้สายไฟบางกอก เครื่องใช้อุปกรณ์อะไร เพื่อเป็นผลดี ต่อการใช้งานในอนาคตที่อาจมีเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย</span><span style=
line-height: 1.42857;
>ส่วนเคเบิลบางกอก NYY เป็นสายไฟหุ้มฉนวน 2 ชั้น </span>ซึ่งหลักๆที่จะใช้งานกันคือเป็นสายไฟเมนเดิน จากมิเตอร์ มาเพื่อเข้าแผงวงจรหลักในที่อยู่อาศัย
<span style=
line-height: 1.42857;
>ซึ่งถ้าใช้กับ มาตรวัด30/100A ก็อาจจะต้องเลือกสายไฟพื้นที่หน้าตัดโตหน่อย คือตั้งแต่ขนาด 16 ขึ้นไป ถึง 35</span>ซึ่งจะครอบคลุม การใช้ยิ่งกว่า แต่หากใช้เบอร์16 ก็ไม่ผิดอะไร เพราะกระแสไฟใช้งานก็เพียงพอ
<span style=
line-height: 1.42857;
>ทั้งนี้ทั้งนั้นก็สังกัดงบประมาณของเราเองด้วย ใช่ว่าจะต้องใช้ของ over spec. อย่างเดียวถึงจะดี </span><span style=
line-height: 1.42857;
>ก็ให้ดูที่ความพอเหมาะทั้งการใช้งาน และงบประมาณของเรา </span>
สายไฟบางกอก CV 0.6/1KV
สายชนิดนี้เป็นกฏเกณฑ์นอก IEC60532 มาตรฐานสากล ซึ่งเข้ากันสำหรับใช้ในงานเดินสายไฟที่มีขีดขั้น
แรงดันกระแสไฟสูงกว่าชนิด THW หรือ NYY จะทำให้ ซึ่งมีเกณฑ์กำหนดแรงดัน ประมาณ 750V
แต่ส่วนสายไฟ CV นั้นให้พิกัดแรงดันถึง 1000V ด้วยกัน และมีสนนราคาถูกกว่า สายไฟ NYYถ้าเทียบที่ฉนวน 2 ชั้นเหมือนกัน
แต่จะมี ฉนวนที่บางกว่า ความหนักเบาที่เบากว่า และไม่แนะนำให้สามารถเดินฝังแผ่นดินได้โดยตรง เหมือนสาย NYY
สายไฟบางกอก FRC หรือสาย FR
Fire Resistance Cable เป็นสายไฟที่เอาไว้เดินระบบ fire alarm เพื่อใช้ในการส่งสัญญาณเตือนภัยพิบัติได้ เมื่อเกิดสถานการณ์ไฟไหม้
สายไฟชนิดนี้มีคุณสมบัติ พิเศษคือ สามารถทนไฟในอุณภูมิสูง หรือมีจุดหลอมเหลวสูงนั่นเอง และปกป้องรักษาการลามของไฟ ไปยังจุดอื่นๆ
ซึ่งอัคคีจะดับเอง เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง นอกจากนี้สายไฟประเภทนี้ยังนิยมใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่เป็นสายส่งสัญญาณที่สำคัญ
<span style=
line-height: 1.42857;
>รวมไปถึงในสนามบินก็จะมีสายชนิดนี้อยู่มากมายเพื่อส่งสัญญาณ ฉุกเฉินไปยังภาคอื่นในห้องควบคุม</span>
นี่ก็เป็นความรู้ระดับต้นคร่าวๆของสายไฟบางกอก ชนิดต่างๆเพื่อให้ผู้บริโภคงานรู้ขั้นต้นในการนำไปใช้งาน
หรือพบเจอกับตัวเอง จะได้รู้ว่าผู้รับเหมา หรือการออกแบบ ใช้งานของผู้รับเหมา นั้นเหมาะสม หรือถูกต้องแล้วหรือยัง
ทำให้เราได้อุปกรณ์ที่ดีในราคา ที่พอเหมาะ และการใช้งาน และความปลอดภัยสูงอีกด้วยที่ยาวนานอีกด้วย
ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกและยี่ห้อที่พอเหมาะในการใช้งานทุกประเ
สายไฟบางกอก