เรื่องของความงามความงามสำหรับหญิงสาวนั้น แน่เอนหลังว่าเป็นสิ่งที่สาวๆต่างให้ความสำคัญมาเป็นอันดับหนึ่งผ่านพ้นใช่ไหมคะ? ขึ้นนามว่าเกิดยังไม่ตายผู้หญิงแล้วน้อยคนนักที่จะไม่สนใจเรื่องสวยๆวิจิตรๆนะคะ ความรักความชอบในงานปรุงแต่งอวัยวะทรงเครื่องให้งามงามควรจะมอง เป็นนิสัยที่ติดตัวมาก่อตั้งเฉพาะเกิดของใช้ผู้สุภาพสตรี ล่วงทีหนึ่งเดียวเครื่องสำอางเป็นของถิ่นได้รับเนื้อความนิยมจนเรียกว่ากลายเป็นปัจจัยที่สำคัญในการใช้ชีวิตในเข้าผู้เข้าคนสมัยใหม่นี้ไปแล้ว โดยเฉพาะสาวๆถิ่นออกไปทำงานนอกบ้าน สัมผัสพบปะผู้คนมากมาย เหตุด้วยตำแหน่งด้วยกันน้ำหน้าที่ ทำอุดหนุนต้องสร้างบุคลิกที่น่าลงบัญชีถือ เพราะรูปลักษณ์ก็เป็นสิ่งที่สำคัญมิแพ้กรณีรู้ความสามารถและฝีไม้ลายมือในการทำงานพ้นนะคะ อย่างนั้นสาวๆคราวนี้จำเป็นอย่างภิญโญที่จะจำเป็นต้องพึ่งพาเครื่องมือสำอางเป็นตัวช่วยเพื่อเสริมบุคลิกแจกน่าดูเชิญมองคะหนึ่งในเครื่องสำรวยที่ทำเป็นช่วยเนรมิตเสริมบุคลิกภาพให้เข้ากับรุ่นๆนั้น ก็คือ
ลิปสติก ค่ะ ด้วยสีสันที่ทำเป็นสร้างสรรค์ได้หลากหลายเฉดสี เมื่อกำมาแต่งคะแนนลงบนชายฝีปากของหญิงสาวต่อจากนั้น จะลุ้นทำส่งเสียใบหน้าของสาวๆดูโดดเด่นสะดุดตาขึ้นมาทันที ถ้าแม้คนที่เปล่าฮิตแก้ไขหน้าเกลาตาใดๆเลยก็ตาม เพียงแค่แต้มลิปสีบางๆลงบนชายขอบฝีปากเบาๆ ก็ทำให้หน้าตาดูเก๋ไก๋สดชื่น ดูสุขภาพดีขึ้นทันทีล่วงพ้นทีเดียวประวัติของลิปสติกนั้น ต้องย้อนกาลไปไกลอาบันในกาลเวลากาลสมัยของ สาวๆในยุคเมโสโปเตเมีย หรือกว่า 5,000 ปีก่อนเทียวนะคะ โดยสาวๆสมัยตรงนั้นจะนำอัญมณีล้ำมูลค่าต่างๆมาบดให้เป็นผง แล้วเรียบร้อยงดงามเสริมแต่งชั้นเชิงลงบนใบใบหน้า ทั้งบริเวณรอบดวงตากับการทาลงบนริมฝีโอษฐ์ค่ะ พร้อมกับในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ก็มีหลักฐานสิ่งชัดเจนที่แสดงให้เห็นว่า เหน้าๆในยุคโบราณนั้นมีการทาริมฝีปากด้วยซ้ำสีแดงเพื่อเพิ่มสีสันเรียวปากให้สดใส ไปการค้นพบหลักฐาน ณ ที่แบนเรียบลุ่มเมโสโปเตเมีย ได้ขุดค้นพบกล่องใบหนึ่ง และสิ่งที่บรรจุอยู่ในกลักโบราณนั้นก็คือ สีทาปาก นั่นเอง แถมยังมีต้นแบบฐานอีกจากการค้นพบกระดาษปาปิรุสโดยบนกระดาษนั้นเป็นภาพหญิงสาวชาวอียิปต์กำลังถือกระจกส่องและแต่งแต้มรีโอษฐ์อยู่ ข้างนอกจากตรงนี้ยังมีกระทงมูลกำหนดไว้ว่าดึงๆในยุคโบราณตรงนั้นต่างชื่นชอบพร้อมด้วยมักนิยมเติมสีสันให้แก่ข้างฝีโอษฐ์ด้วยผลเบอร์รี่สีแดงและแม่น้ำผลไม้สีสดกลุ่มต่างๆอีกด้วยอย่างไรก็ตามในกาลเวลาเดิมนั้น เปลาะของลิปสติกกับหญิงเหน้านั้น ก็กลายเป็นเรื่องอยู่ทวิกันมาโดยตลอด มีบางช่วงที่งานทาสีปากตรงนั้นกลับกลายเป็นตัวแทนสัญลักษณ์ในทางแหล่งไม่ดี เช่น ในคราวก่อนก็มีความถือที่ว่า หากหญิงสาวคนไหนทาปากสดสีแดง ก็จะมีงานกล่าวหาว่านางคนนั้นเป็นแม่มด โดยเชื่อกันว่างานชดใช้สีเสริมสวยชั้นเชิงทาปากนั้นเนื่องจากจำต้องการเย้ายวนเพศชาย อีกทั้งในช่วงยุคมืดและยุคตอนกลาง งานทาโอษฐ์นั้นก็เปลี่ยนไปเป็นสิ่งต้องห้ามในสังคมชั้นสูงของยุโรป เนื่องด้วยกลายเป็นตัวตนแทนสิ่งหญิงชั้นน่าอัปยศและกลุ่มสตรีค้าบริการ หรือกะหรี่นั่นเองค่ะ นอกออกจากตรงนี้ ยังมีในโปร่งใสเวลาที่การทาลิปนั้น กลายหมายความว่าที่แบบกันในหมู่ผู้ชาย โดยตีนหนุ่มในสมัยตรงนั้นจะมีการแต่งสิ่งแบบเต็มยศพร้อมด้วยมีการใช้วิกผมด้วย โดย จอช วอชิงตัน ประธานาธิบดีคนแรกสรรพสิ่งสหรัฐอเมริกา ก็นิยมทาโอษฐ์ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งในสมัยนั้นถือเป็นการแสดงให้กำเนิดตลอดชนฐานะและตำแหน่ง อีกด้วยลิปสติกเริ่มมีสีสันและย่างก้าวเข้าไปสู่สังคมในฐานะสินค้าทางธุรกิจที่รุ่งเรือง ตั้งแต่กาลเวลา 1930 โดยยิ่งธุรกิจสาว นามว่า อลิสซาเบธ อาของเหลือ เจ้าของกงสี Elizabeth Arden, Inc ผู้นำเทรนด์งานทาลิป พร้อมด้วยทำการก่อสรรค์ผลิตเฉดสีของลิปอุปถัมภ์หลากหลาย ด้วยกันสวยงามยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามสาวๆในยุคตรงนั้นก็ยังคง เขินอาย ไม่ค่อยเก่งกาจชดใช้กันสักเท่าเทียมไหร่ เพราะกรณีเชื่อในสมัยนั้นว่าสาวๆแห่งทาลิปสติกจะถูกตราหน้าว่าทั้งเป็นหญิงละออเมือง เด็กสาวทั้งหลายต่างถูกยับยั้งปรามเปล่าอุปถัมภ์เสริมสวยหน้าเพราะสังคมในกาลสมัยนั้นยังไม่ยอมรับเท่าเขตเหมาะ จนกระทั่งปี 1950 ในสมัยที่ผู้แสดงฮอลลีวู้ดเริ่มกลายเป็นไอดอลเครื่องใช้วัยสาวๆในกาลสมัยนั้น ดารานำวิธี มาริลีน มอนโรว์ และ อลิสซาเบธ เทย์เลอร์ ทำให้กระแสการทาโอษฐ์ กลับมาอีกปาง โดยเฉพาะ เทย์เลอร์ นั้น คลั่งใคล้งานทาลิปสีแดง มากเสียจนตะโกนสั่งห้ามไม่ให้นักแสดงคนอื่นๆในกองทาปากสีปลาเนื้ออ่อนอาทิเช่นอย่างเดียวกับเธอล่วงทีเดียวพร้อมกับในปี 1952 ราชินี อลิสซาเบธที่ 2 ก็ทรงรับสั่งให้ทำลิปสีพิเศษขึ้นมาโดยเฉพาะ โดยเป็นสีสีแดงเฉดเพียงอย่างเดียวกับภูษาคลุมของพระอวัยวะ โดยใช้ชื่อลิปสียอลิปสติก