เนื่องด้วยเจ้าของรถทุกคันบนโลกนี้ สิ่งหนึ่งที่หลายคนแทบจะไม่อยากจะนึกถึงมันเลยก็คือ ยางรถยนต์ ทั้งๆที่มันเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญเป็นอันดับต้นๆของรถ แต่เรากลับเลือกที่จะดูมันเป็นลำดับหลังสุดแทน อาจเป็นอายุการใช้งานที่นานกว่าวัสดุอื่นๆ หรือ ด้วยราคาที่ค่อนข้างจะสูง เอาว่าถ้าเปลี่ยนตามศูนย์บริการทั่วๆ ไป กำเงินหมื่นไป อาจจะยังไม่พอ ด้วยเหตุนั้น ตัวเลือกรองๆลงมา จึงเป็นอีกทางที่หลายๆคนมองหาแล้วความต่างกันของราคายางล่ะ ขึ้นกับอะไร ?เวลาคัดเลือกยางรถยนต์สักเส้น ไม่ใช่มองแค่
ยางถูก ยางแพงอย่างเดียว เราต้องเข้าใจด้วยว่า ที่จ่ายไปแพงน่ะ เราได้อะไรกลับบ้าง หรือที่เลือกสรรเอายางราคาถูกน่ะ เราจะเสียอะไร มีความเสี่ยงอันตรายอะไร จากความเข้าใจและประสบการณ์ของผม พอจะเรียงลำดับ ความน่าใช้ออกมาได้เช่นนี้1.ยางใหม่เกรด A หรือตามความรู้คนทั่วๆ ไป ก็คือยางยี่ห้อนั่นแหละครับ ถ้ายกแค่เรื่องความปลอดภัยอันนี้ชัวร์ ออกจากศูนย์ได้อย่างชัวร์ แต่ทีนี้ มันไม่จบเพียงนั้นไงครับ นี่เราเลือกที่จะจ่ายเงินในจัดลำดับสูงสุดของการเปลี่ยนยางทั้งที สิ่งที่ได้มากลับ มันจำต้องยิ่งกว่านั้นสิ ระยะเบรก ความเงียบ ความนุ่มนวล การร่อยหรอของดอกยางรถยนต์ ดั่งยางรถยนต์บางเส้นใช้งานไม่กี่พันกิโลฯ ดอกยางสึกหรอไปตั้งมาก แม้กระนั้นยางรถยนต์บางเส้นใช้งานหลายหมื่นกิโลฯ ดอกยางสึกกร่อนไปน้อยมาก นี้จะแตกต่างกันไปในแต่ละยี่ห้อ ซึ่งผู้ผลิตเค้าแปะรายละเอียดปลีกย่อยมาไว้ให้เราเรียบร้อยแล้วล่ะครับ ก็แค่เราๆมักจะมองข้ามไป ลองดูดูดีๆครับ ที่แก้มยางจะประกอบด้วยคำกลุ่มนี้อยู่ Treadwear, Traction, Temperature กลุ่มนี้ เป็นสิ่งที่จะแปะอยู่ข้างยางรถยนต์ทุกเส้น สำหรับเป็นตัวเลือกให้เราใช้ในการตกลงใจเลือกเช่าพระยางรถยนต์ที่เข้าทีกับการใช้งานโดยเริ่มมาจากทางรัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้จัดตั้งโครงการ UTQG (Uniform Tire Quality Grading) เพื่อจัดอันดับคุณลักษณะยางรถยนต์ โดยใช้ข้อมูลจากการใช้งานจริง ซึ่งได้มาจาก ผู้ใช้บางส่วน ช่างซ่อมรถยนต์ และผู้จำหน่ายยางรถยนต์ โดยแบ่งแยกเป็นส่วนๆได้ตามนี้ขึ้นต้นจากคำว่า TREADE WARE กันก่อนเลยละกัน ตรงจุดนี้จะหมายถึง อันดับเปรียบเทียบทางการกร่อน ของยางรถยนต์ ซึ่งค่า TRADE WARE จะมีผลกระทบต่อความ นิ่ม - แข็ง ของเนื้อยางโดยตรง เช่น ยางที่มีค่าTREADE WARE 300 จะมีการสึกหรอ น้อยกว่า ยางที่มีค่า TREADE WARE 100 แต่ก็ต้องแลกมาด้วย ความนิ่มนวล ความยึดถนนที่แตกต่างกัน ว่ากันไม่ยุ่งยาก มันเป็นค่าวัดความแข็งแรงของตัวยางนั่นแหละครับ ยางแข็งมากก็ทนมาก แต่กระด้าง ยึดเกาะไม่ดี ยางนิ่มหน่อย ก็นุ่มนวลขึ้น ยึดเกาะถนนดีขึ้น แต่ก็แลกมาด้วยอายุการใช้งานที่สั้นลง จดจำกันง่ายๆโดยมองดูที่ตัวเลขด้านท้าย TREADE WARE ตัวเลขหลัง TREADE WARE น้อย ก็คือว่ายางนิ่ม จับถนนดี นิ่มนวล แต่อายุการใช้งานสั้น ตัวเลขหลัง TREADE WARE มาก คือยางแข็ง ทนทานกว่า แต่ยึดเกาะถนนได้ต่ำกว่า กระด้างกว่าถัดจากนั้นก็คือคำว่า TRACTION หรือว่าค่าความสามารถในการหยุดบนถนนในทางตรง โดยผ่านการทดสอบบนถนนพื้นคอนกรีต และยางมะตอย โดยลำดับขั้น ของ Traction จะแยกหมายความว่า AA , A , B และ C ตามค่าสมรรถนะในตรวจสอบ ค่ายอดคือ AA เรียงลงไปคือ A,B และ C น้อยที่สุด ส่วนคำว่า TEMPERATURE นั้นหมายถึง การแสดงค่าความต้านทานของยางรถยนต์ต่อความร้อน และ สมรรถนะในการกระจายความร้อน โดยการตรวจสอบนั้นต้องทำการทดลองในห้องปฏิบัติงาน การวัดระดับนั้นก็จะแบ่งเป็น A , B , C ตามค่าความต้านทานพร้อมทั้งการกระจายความร้อน ของยางรถยนต์ ดีที่สุดคือ A ไล่ลงไปเป็น B และ C น้อยที่สุด2.ยางของแท้ มือหนึ่ง แต่ปีผลิตเก่าสักหน่อย อันนี้ตั้งต้นต้องมีความสามารถเข้ามาเกี่ยวโยงในการเลือกซื้อล่ะ จะมามองว่ายางถูกเพียงอย่างเดียวไม่ได้แล้ว คือยางพวกนี้ จะคือยางมือหนึ่งนี่ล่ะ เพียงแต่อาจเป็นรุ่นที่ไม่นิยม จัดจำหน่ายไม่ออก เลยถูกเก็บในสต๊อกนาน วิธีการพิจารณาว่ายางเก่าหรือยางใหม่ ง่ายสุดหมายความว่าพิจารณาที่ตัวยางนั่นแหละครับ ทางผู้ผลิตเค้าแปะป้าย ประทับตรามาให้เรียบร้อยแล้ว บนแก้มยางให้หาอักษร *DOT* นะครับ เลขสี่ตัวที่อยู่ตอนหลังนั่นจะเป็นตัวบอกให้ทราบวันที่ผลิตยางเส้นนั้น เลขสองตัวแรกบอกว่าผลิตขึ้นมาในสัปดาห์ที่เท่าไร ส่วนเลขสองตัวหลังจะบอกปี อย่างเช่น*DOT* (*1705*) นั่นคือยางเส้นนั้นผลิตในสัปดาห์ที่ 17 ของปี 2005 เอาจริงๆแล้ว ยางรถยนต์นี่ โดยทั่วๆ ไปผู้ผลิตเค้าเคลมขั้นต่ำกันไว้ที่ 3 ปีอยู่แล้วนะ นั่นหมายความว่า การนำยางไปโดนแดด โดนลม บดบี้ด้วยกันยางมะตอยร้อนๆนะครับ หนักๆเช่นนั้นอ่ะ เค้ายังเคลมไว้สามปี แล้วนับประสาอะไรกับยางที่เก็บไว้อย่างดี ไม่ได้เอาไปใช้งานล่ะ ยางถูก