เครื่องบิน
โดรนฉีดพ่นยา นวัตกรรมใหม่ทางการเกษตรเครื่องบินโดรนพ่นยา หรือพ่นสารเคมี ให้กับต้น สวนไร่นา ในต่างประเทศนั้น มีมานานแล้วครับ อย่างในประเทศอเมริกาใช้เครื่องบินจริง นำมาบินพ่นยาฆ่าแมลงให้กับเกษตรข้าวสาลี ซึ่งมีพื่นที่เป็นร้อยๆไร่ แต่ก็ติดปัญหาเรื่องพื้นที่ในการเทคออฟเครื่องบิน ต้องมีถนนที่กว้างและยาวพอจะนำเครื่องขึ้นบินได้ ต่อมาได้มีวิฒนาการมาเป็นการใช้เครื่องบินขึ้น-ลงแนวดิ่งหรือที่บ้านเราเรียกกันว่า drone และอีกชนิดหนึ่งจะใช้เฮลิคอปเตอร์บังคับวิทยุ มาใช้ในการพ่นยา ซึ่งทั้งสองแบบยังไม่ได้เป็นที่นิยม สำหรับนาในบ้านเรา เพราะถือว่าเทคโนโลยีแบบนี้ยังใหม่อยู่มากครับการทำงานของเฮลิคอปเตอร์ บังคับวิทยุ ฉีดสารเคมีเพื่อการเกษตรนั้น จะให้เฮลิคอปเตอร์ ขนาดความกว้างของใบพัด วัดจากปลายสู่ปลาย ขนาด 900 mm ขึ้นไป เพราะต้องเน้นแรงยกให้ไม่เบา เครื่องยนต์ที่ใช้ส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องเบนซิล น้ำมัน 1 ลิตรสามารถบินได้มากกว่า 30 นาที ด้านข้างตัวเครื่อง จะติดถังน้ำ บรรจุน้ำยาเคมี ขนาด 8 ลิตร 2 ถัง ต่อสายยางมาที่ตัวดูดไฟฟ้า ขนาด 12 โวลท์ และต่อออกไปที่หัวฉีด จำนวน 4 – 6 หัว หนึ่งเที่ยวบินทำเป็นพ่นสารเคมี ได้ประมาณ 10 ไร่ ( ในพื้นที่ที่เหมาะสม) ต้นทุนของเฮลิคอปเตอร์พ่นยาถ้าเป็นปีกกว้าง 3 เมตรจะอยู่ราว 4 ล้านบาทในส่วนของdroneหรือมัลติโรเตอร์ บังคับวิทยุ จะต้องใช้โดรน แบบ 8 ขาหรือ 8 ใบพัดขึ้นไป โดยใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ ใบพัดกว้าง 15 นิ้วขึ้นไป ใช้แบตเตอร์รี่ 6 เซลล์ 25 โวลท์ ความจุ 20000 มิลิแอมขึ้น ด้านใต้ตัวโดรน จะมีถังบรรจุสารเคมี โดยต่ออุปกรณ์พ่นยา ออกตามแขนด้านใต้ใบพัด ออกไป 4 หัว โดยลำตัวจะติดอุปกรณ์การบินนำร่องGPS หรือเวย์พร้อย เพื่อช่วยในการกำหนดทิศทางการบิน และจุดเลี่ยวพลิกผันได้อย่างอัตโนมัติ ช่วยให้โดรนสามารถบินพ่นยาได้ในแนวตรงสลับไปมา ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวdroneยี่ห้อ DJI MG-1 หมายถึงdroneพ่นยา ขนาด 8 ใบพัด มีเฟรมที่สามารถป้องกันน้ำหรือสารเคมีกระเด็นเข้าในตัวเครื่องได้ โดยออกแบบให้มีช่องระบายอากาศอยู่ด้านใต้ และไหลหมุนเวียนผ่านทางท่อออกไปยังสปีด และออกตามรูด้านข้าง ราคาของ MG-1 ตัวนี้อยู่ที่ 4 แสนบาทขึ้นไปDJI MG-1 ยกน้ำยาเคมี ได้ 10 ลิตร ทำงานได้ถึง 40-60 ไร่ต่อชั่วโมง ปั๊มสเปรย์ยาใช้การควบคุมความแม่นยำสูงที่ชาญฉลาดและการเชื่อมต่อความเร็ว การบิน ในโหมดการทำงานอัตโนมัติเพื่อให้ได้ความเร็วคงที่ และการฉีดพ่นเพื่อให้แน่ใจว่าการเพาะปลูกจะได้รับสเปรย์เหมือนกันได้ อย่างมีประสิทธิภาพในขณะที่ประหยัดจับกังในการทำงานและป้องกันสิ่งเจอป่น ที่คนงานได้รับสูดดมหรือสัมผัสผ่านเข้าทางร่างกายได้อีกด้วยข้อดี ของการใช้อากาศยานdroneพ่นยา คือเป็นการประหยัดเวลาที่ต้องใช้คนแบกถังน้ำยา แล้วเดินฉีดหรือพ่นยาไปตามท้องไร่นาหรือสวน กว่าจะได้แต่ละไร่ จะใช้เวลาช้านาน ต้นไม้สูงๆ ก็ไม่สามารถที่จะขึ้นไปพ่นอย่างทั่วถึง บางทีก็เดินเยียบข้าวต้นเล็กๆ ให้เสียหายไปอีก สามารถตั้งระบบบินแบบออโต โดยที่เรากดปุ่มสั่งงานเพียงครั้งเดียว ผู้แต่งคิดว่า ถ้ามีการวางแผนในระยะยาว การใช้โดรนพ่นยา จะทำให้คุ้มทุน กว่าการจ้างคนไปพ่นยา ตัดปัญหาเรื่องหาคนงานด้วยครับ ข้อเสีย ของการใช้เครื่องบินdroneพ่นสารเคมี คือราคาของDroneที่ยังมีราคาที่แพงอยู่มาก เมื่อเทียบกับราคาค่าจ้างคนงานพ่นยา ที่ราคาอยู๋ที่ 60-100 บาทต่อไร่ ต้องเล่าเรียนเรื่องระบบต่างๆที่ซับซ้อน แบตเตอรี่ที่มีราคาแพง ก้อนนึง( 20000 มิลลิแอม )ราคาหมื่นกว่าบาทเข้าไปแล้ว แล้วเครื่องบินมีปัญหา เกิดอุบัติเหตู เช่นแบตเตอรี่เสื่อม บินชนต้นไม้ อุปกรณ์ขัดข้อง ทำให้เครื่องตก ก็จะเกิดความเสียหายมั่นใจ ส่วนการบินพ่นยา เนื่องจากเครื่องบินบรรทุกน้ำยาได้ไม่มาก จึงต้องลงมาเติมน้ำยากันบ่อย และเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่ใช้ไปในแต่ละเที่ยวอีกด้วย ถึงกระนั้นก็ยังมีการวิจัย ของสถาบันต่างๆ ในการลองดูประดิษฐ์เครื่องบินโดรนพ่นยา ขึ้นมาใช้เอง แต่ก็ยังไม่เป็นที่พอใจ ในด้านการใช้งานมากนัก ซึ่งผมคิดกว่า ในอนาคตอันไม่ห่างไกลเทคโนโลยีและตัวโดรนที่ถูกลงเรื่อยๆ จะสามารถนำมาใช้ในงานเกษตรบ้านเรา แทนที่การใช้แรงงานคนงมากขึ้นเรื่อยๆแน่นอนครับโดรน