โรคภูมิแพ้ถือเป็นโรคยอดฮิตของคนกรุง เรื้อรังและรักษาให้หายขาดยาก เกิดจากพันธุกรรมที่พ่อแม่ส่งต่อให้ลูกตั้งแต่เกิด หรือในวัยผู้ใหญ่ก็สามารถเป็นโรคนี้ได้ถ้าอยู่ในสถานที่มีความเสี่ยง ศูนย์บริการและวิจัยไรฝุ่นศิริราช ภาควิชาปรสิตวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ได้ศึกษาวิจัยพบว่าคนไทยมากกว่าร้อยละ 50 กำลังเป็นโรคภูมิแพ้ ซึ่งโรคภูมิแพ้มีหลายชนิดแต่ที่สูงสุดเป็นอันดับ 1 คือ โรคภูมิแพ้ไรฝุ่น คนที่เป็นโรคนี้นอกจากจะมีอาการเรื้อรัง ไม่สามารถหายขาดได้ง่ายๆแล้ว ความร้ายแรงสูงสุดคือถึงขั้นถึงแก่ชีวิตได้ และข้อมูลที่น่ากลัวเป็นการย้ำให้เราต้องหันมาใส่ใจถึงเรื่องนี้อย่างเป็นจริงเป็นจัง คือตัวไรฝุ่นบ้าน เชื้อโรคตระกูลเดียวกับเห็บที่อยู่ในสุนัขมักจะหลบซ่อนอยู่บนที่นอนพื้นที่ส่วนตัวที่ทุกคนต้องใช้เวลาในการพักผ่อน จากผลการศึกษาวิจัยของคุณหมอพบว่ากว่า 80% ของโรคภูมิแพ้เกิดจากการขับถ่ายมูลของตัวไรฝุ่น โดยมีที่นอนของเราเป็นที่เพาะพันธุ์และอาศัยกินเศษผิวหนัง ขี้ไคล ที่หลุดลอกระหว่างการนอน ในอดีตเราจะเห็นการยกที่นอนหนาๆ ไปผึ่งแดด ซึ่งสามารถกำจัดได้เพียงไข่ของตัวไรฝุ่นเท่านั้นแต่ไม่สามารถกำจัดตัวไรฝุ่นได้ เพราะว่าตัวไรฝุ่นจะมุดหนีจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่งเพื่อหลบความร้อน และในยุคปัจจุบันคงไม่สามารถยกที่นอนหนักๆ ออกไปตากแสงแดดได้เรื่อยๆเท่าที่ต้องการเพราะรูปแบบการอยู่อาศัยที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นทาวเฮ้าท์ บ้านเดี่ยวที่มีพื้นที่จำกัด คอนโดมิเนียม (อันนี้คงไม่ต้องพูดถึงไม่มีพื้นที่สำหรับตากที่นอนได้เลย)ไรฝุ่นเจริญได้ดีในพรมที่มีขนพรมหนา รวมถึงที่นอนและหมอน เพราะมีแหล่งอาหารอุดมสมบูรณ์ในที่นอน คือ เศษหนังกำพร้าของคน โดยมีข้อมูลที่น่าสนใจคือ เศษหนังกำพร้าของคน 1 กรัม เป็นอาหารให้ไรฝุ่นหนึ่งล้านตัวมีชีวิตได้นาน 1 สัปดาห์ ตามปกติคนเราจะมีผิวหนังหลุดลอกออกมาถึง 1.5 กรัมต่อวัน ไรฝุ่น เป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่อยู่ในพวก Phylum Arthopoda เช่นเดียวกับแมลงและแมงเพราะมีขา 4 คู่ รูปร่างกลมรีแต่ขนาดเล็กกว่ามากราว 0.1-0.3 มม. เรียกได้ว่าแทบมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ลําตัวมีสีขาวคล้ายฝุ่น ชอบอาศัยในที่มีอุณหภูมิ 25-30 เซลเซียส และอยู่ในที่ ที่มีความชื้นสูงร้อยละ60-70 ไม่ชอบแสงสว่าง เราจึงมักจะพบไรฝุ่นได้ตามในที่นอน หมอน ผ้าห่ม พรมหรือเฟอร์นิเจอร์ที่ทําด้วยเส้นใย ไรฝุ่นมีชีวิตอยู่ได้ด้วยการกินเศษไคล สะเก็ดรังแค สะเก็ดผิวหนังเป็นอาหารโดยวงจรชีวิตของไรฝุ่น เริ่มจากภายหลังตัวเต็มวัยมีการผสมพันธุ์ไรฝุ่นตัวเมียจะเริ่มวางไข่ ซึ่งวางไข่ได้ครั้งละ1 ฟอง เฉลี่ย วันละ 3-4ครั้ง จากนั้น 8-12 วัน ไข่จะฟักเป็นตัวอ่อนและพัฒนาเข้าสู่ระยะวัยรุ่นโดยเริ่มแรกจะมีขาเพียง 6 ขา ต่อมาค่อยๆ ลอกคราบหลายครั้ง จนเข้าสู่ระยะตัวเต็มวัยจะมีขาครบทั้ง 8ขา ซึ่งระยะเวลาในการเติบโตจากไข่ถึงขนาดตัวเต็มวัยจะใช้เวลาทั้งหมด 30 วัน และตัวเต็มวัยของไรฝุ่นจะมีอายุไขเพียง 1-2 เดือน แต่ก็ขึ้นอยู่กับอาหาร อุณหภูมิและความชื้นในอากาศด้วยทั้งนี้ไรฝุ่นนั้นถือเป็นตัวการสําคัญในการผลิตสารก่อภูมิแพ้ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ในผู้ป่วย โดยสารก่อภูมิแพ้นี้จะอยู่ในมูลของไรฝุ่นนั่นเอง โดยในเวลานอนคนเรามักจะมีการพลิกตัวอยู่บ่อยครั้ง และการพลิกตัวแต่ละครั้ง จะทําให้ซากไรฝุ่นและสะเก็ดมูลเกิดการฟุ้งกระจายขึ้นสู่อากาศ ผู้ที่นอนอยู่ก็จะสูดเอามูลที่เป็นสารก่อภูมิแพ้ของมันเข้าไปจึงทําให้เกิดอาการต่างๆ เช่น ไอ จาม น้ำมูกไหล เกิดผื่นคัน และบางครั้งอาจเกิดภาวะช็อกจนเสียชีวิตได้สารก่อภูมิแพ้ของไรฝุ่นอาจเป็นต้นเหตุของโรคต่อไปนี้- โรคทางเดินหายใจอักเสบตลอดปี- โรคตาอักเสบ (ตาระคายเคือง)- โรคจมูกอักเสบ (น้ำมูกไหลและมีการจาม)- โรคหอบหืด (ไอและมีปัญหาระบบทางเดินหายใจ) , โรคหอบหืดในระยะต่อไป- โรคผิวหนังอักเสบ (ปัญหาเกี่ยวกับผิวหนัง เช่น มีผื่นแดงและคัน)- โรคปวดหัว- โรคผื่นคันด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยในปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าเครื่องมือและผลิตภัณฑ์ที่สามารถป้องกันไรฝุ่นได้ มีให้เลือกหลายชนิดในตลาด อย่างเช่น
เครื่องกำจัดไรฝุ่น MARTEX มีใครได้ลองใช้บ้างหรือยังเครื่องกำจัดไรฝุ่น MARTEX เป็นนวัตกรรมใหม่จากประเทศเยอรมัน ใช้กำจัดไรฝุ่นตามที่นอน สามารถกำจัดไรฝุ่น หรือ ดูดไรฝุ่น เพื่อเอาตัวไรฝุ่นและซากไรฝุ่นและเศษคราบไคลผิวหนังเราออกมาจากที่นอน ได้อย่างสะดวกมากด้วยระบบกำจัดแบบกวาดเบ็ดเสร็จจนเศษซากต่างๆของไรฝุ่น ขี้ไคล ตัวไรฝุ่น ถูกกำจัดไปอยู่ในถังเก็บที่ออกแบบมาอย่างดี เครื่องกำจัดไรฝุ่น MARTEX มีน้ำเป็นตัวกรองกักเก็บและมีแผ่นกรองชนิด High Efficiency Particulate Filters (HEPA) ซึ่งสามารถกรองไรฝุ่นไม่ให้กระจายออกมาได้ เครื่องกำจัดไเครื่องกำจัดไรฝุ่น MARTEX