ผู้เขียน หัวข้อ: โทรศัพท์มือถือกับการเชื่อมโลกด้วยเทคโนโลยี VoIP แล้วก็ IMS  (อ่าน 230 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ mau2012nara9

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,117
  • พอยท์: 100
    • ดูรายละเอียด
ในระยะเวลา 2-5 ปีที่กำลังเดินทางมาถึงนี้ นับว่าเป็นจุดเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมที่สำคัญยิ่ง ดังนี้เนื่องจากว่าระบบโทรศัพท์มือถือรวมทั้งโครงข่ายอินเทอร์เน็ตมีการหลอมรวมกัน (Convergence) อย่างชัดเจนเจนขึ้นเป็นลำดับ โดยมีการคาดคะเนว่า ในอนาคตโทรศัพท์มือถือจะเติบโตพร้อมกันไปกับการใช้บริการ Content บนอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีของ Web3.0 แล้วก็ความประพฤติปฏิบัติการใช้แรงงานของผู้ซื้อในสมัย Net Generation จะมีผลให้เป็นแรงกระตุ้นให้อุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือ สร้างวัสดุอุปกรณ์ซึ่งสามารถเกื้อหนุนการใช้แรงงานในด้าน Mobile Social Network เพิ่มมากขึ้น ประกอบการขับเขยื้อนของแนวความคิด Ubiquitous network ของอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ก็ยิ่งทำให้แนวทางของอุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือมุ่งสู่การผลิต Application ที่เกี่ยวเนื่องกับ Mobile Social Network อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ รวมทั้งมีการเดาจากกรุ๊ปศึกษาค้นคว้า ABI Research ว่า กลุ่มผู้ใช้โทรศัพท์มือถือในอนาคตจะมีการใช้งานโทรศัพท์มือถือ ที่มีลักษณะ Global, Interactive และก็ Dynamic มากเพิ่มขึ้น จนถึงอาจจะเป็นผลให้ตัวแบบธุรกิจในอุตสาหกรรมอื่นที่เชื่อมโยงกับธุรกิจโทรศัพท์มือถือแปรไปอย่างเร็ว (รูปถัดไปแสดงการทายการใช้แรงงานโทรศัพท์มือถือในลักษณะโซเชียลเน็ตเวิร์ค (Mobile Social Network) ในตอนปี 2008-2013 ของกรุ๊ปศึกษาค้นคว้า ABI Research)




รูปแสดง การคาดเดาการใช้แรงงานโทรศัพท์มือถือในลักษณะโซเชียลเน็ตเวิร์ค (Mobile Social network) ในตอนปี 2008-2013 ของกรุ๊ปศึกษาค้นคว้า ABI Research จาก www.abiresearch.com 

           จากการเชื่อมต่อผู้คนทั้งโลกในลักษณะโซเชียลมีเดียบนโลกอินเทอร์เน็ต ก็เลยทำให้การพัฒนาเทคโนโลยี IP Multimedia Subsystem (IMS) รวมทั้ง Voice-over-IP เป็นไปด้วยความรวดเร็ว เพื่อรองรับการให้บริการโทรศัพท์มือถือทุกต้นแบบผ่านโครงข่ายอินเทอร์เน็ต เพื่อรองรับการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนรวมทั้งโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ที่สามารถให้บริการ Multimedia ต่างๆได้จากโทรศัพท์มือถือ โดยอยู่บนฐานรากของการส่งข้อมูลบนโครงข่ายบนมาตรฐาน Internet Protocol (IP) ซึ่งสามารถใช้บริการการเชื่อมต่อผู้คนทั้งโลกด้วยค่าใช้จ่ายที่เป็นค่าบริการราคาไม่แพงที่พอๆกับการใช้บริการการติดต่อสื่อสารบนอินเทอร์เน็ต

           เทคโนโลยี IMS จะมีผลให้การให้บริการโทรศัพท์มือถือในอนาคตมีบริการที่นานาประการรวมทั้งทรงประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น บริการ Face-to-Face Communication (Presence), บริการกำหนดสถานที่ตั้งต่างๆ(Location Based Services) แล้วก็  บริการโซเชียลเน็ตเวิร์คแบบเขยื้อน (Mobile Social Network) ฯลฯ ซึ่งเป็นการให้บริการแบบ Real time ส่วนตัว เป็นการสร้างความชอบใจให้กับผู้รับบริการเพิ่มมากขึ้น และก็ช่วยยกฐานะคุณภาพชีวิตของผู้รับบริการ ดังเช่นว่า บริการแสดงภาพเคลื่อนไหวขณะใช้งาน (Presence) ทำให้พวกเราสามารถเห็นเพื่อนพ้องหรือกลุ่มชนที่พวกเราต้องการจะติดต่อ ไม่ว่าจะอยู่ในส่วนใดของโลก จุดหักเหที่สำคัญในอนาคตเป็นการให้บริการของโทรศัพท์มือถือซึ่งสามารถให้บริการ การสัมมนาทางโทรคำศัพท์แบบมองเห็นหน้า (Video conference) จากรอยต่อจุด (point to point ) ไปสู่การให้บริการหลายๆจุด (Multipoint) โดยการสัมมนาทางโทรคำศัพท์ดังกล่าวมาแล้วข้างต้น ต้องใช้บริการสะพานเชื่อมต่อของ IMS เพื่อจะเชื่อมต่อแนวทางการทำ Video call จากหลายจุดเข้าด้วยกัน  โดยการเชื่อมต่อการสัมมนานั้น จะไม่มีปัญหาในด้านไม่เหมือนกันของเครือข่ายรวมทั้งเครื่องไม้เครื่องมือที่ใช้สำหรับการเชื่อมต่อ (Client device) อีกต่อไป แล้วก็การเชื่อมต่อดังกล่าวข้างต้นก็จะกระทำส่งผ่านเครือข่าย IP ด้วยเหตุผลดังกล่าว ผู้รับบริการสามารถใช้บริการ Video conference ได้จากหลายเทคโนโลยีซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะ Mobile Broadband Internet นั่นเอง

           ส่วนการพัฒนาเทคโนโลยี Voice-over-IP มีมานับตั้งแต่ระยะเริ่มต้นของ Internet  แต่ว่าความสามารถการใช้แรงงานไม่เป็นที่ยอมรับ เนื่องด้วยในทีแรกๆ Internet ยังมีความเร็วไม่พอต่อการให้บริการ Voice-over-IP ด้วยเหตุดังกล่าวส่วนมากจะเป็นการให้บริการฟรี แต่ว่าจากนั้นก็มีการเปลี่ยนครั้งสำคัญขึ้นในสิงหาคม 2003 ซึ่งมีผลเสียต่ออุตสาหกรรมโทรคมนาคม โดยรวม โน่นเป็นการเปิดตัวการให้บริการโทรศัพท์แบบ peer-to-peer (P2P) ของบริษัท Skype ซึ่งได้รับการยินยอมรับจากผู้รับบริการอย่างถล่มทลาย     การบรรลุเป้าหมายของ Skype มีเหตุมาจากการนำเสนอบริการ Voice-over-IP ที่มีคุณภาพที่ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมมากมาย รวมทั้งที่สำคัญเป็น “ความง่ายสำหรับเพื่อการใช้งาน” โดยคนที่อยากได้ใช้บริการสามารถ Download โปรแกรม Skype ขึ้นมาใช้งานได้ด้านใน 5 นาที โดยจะต้องจ่ายรายจ่ายเป็นจำนวนเงิน 10 ยูโร ฝากบัญชีแบงค์ แล้วก็เริ่มการใช้แรงงานได้ ซึ่งถ้าหากว่าโทรหาคนที่ใช้ Skype ด้วยเหมือนกันก็ไม่ต้องเสียค่าบริการ หรือถ้าเกิดโทรเข้าเครื่องโทรศัพท์ปกติก็เสียค่าบริการเพียงแค่ 0.0017 ยูโรต่อนาที แค่นั้น  ซึ่งระยะเวลานั้นผู้ให้บริการโทรคมนาคมหลายบริษัทก็ได้เริ่มให้บริการ Voice-over-IP ด้วยเหมือนกัน แต่ว่า  Skype ก็รีบปรับปรุงบริการของตัวเองให้คืบหน้าขึ้นไปอีก แม้ว่าจะมิได้แสดงว่าบริการทุกๆสิ่งทุกๆอย่างของ Skype นั้นจะดีงามไปหมดทุกสิ่งทุกอย่าง โดยยิ่งไปกว่านั้นประสิทธิภาพของการให้บริการที่ยังคงเทียบไม่ได้กับโทรศัพท์บ้านหรือ โทรศัพท์มือถือ เนื่องจากว่าถ้าเกิดผู้ใช้มีการใช้งานโปรแกรมอื่นๆหรือ Download/upload ข้อมูลที่ได้รับมาจาก Internet ไปพร้อมทั้งการใช้แรงงาน Skype ด้วยก็จะมีผลให้ความรู้ความเข้าใจสำหรับเพื่อการดำเนินงานของ Skype ห่วยแตกลง ซึ่งปัญหามีเหตุมาจากโครงข่าย Internet ที่ด้อยประสิทธิภาพ  ซึ่งไม่อาจจะค้ำประกันความเร็วสำหรับเพื่อการใช้งานได้  ในทางตรงกันข้ามเครือข่ายโทรศัพท์บ้านหรือโทรศัพท์มือถือใช้งานผ่านช่อง สัญญาณเฉพาะต่อการโทรศัพท์แต่ละครั้งนั้นจะมีคุณภาพที่สูงกว่า อย่างไรก็แล้วแต่เมื่อมีการเพิ่ม Bandwidth ในระดับความเร็วถึง Mbps ปัญหาดังที่กล่าวมาแล้วก็คลี่คลายลง

           ต่อปริศนาที่ว่า Voice-over-IP จะมีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมด้านโทรคมนาคมยังไงนั้น คำตอบน่าจะได้ผลกระทบต่อการให้บริการโทรศัพท์รากฐานเป็นลำดับแรก โดยเฉพาะ โทรศัพท์ทางไกลระหว่างชาติที่คิดค่าธรรมเนียมเหมือนกับโทรศัพท์ทางไกลภายในประเทศ ufabet แล้วก็มีลักษณะท่าทางในอนาคตที่แน่ชัดว่า Traffic ของโทรศัพท์ระหว่างชาติ จะวิ่งผ่านเครือข่าย IP ของโครงข่าย Mobile Broadband เป็นหลักเมื่อระบบเน็ตเวิร์กโทรศัพท์มือถือเปลี่ยนแปลงผ่านสู่ระบบ IP โดยบริบูรณ์ รวมทั้งสุดท้ายรายได้ (Revenue Model) ของ Operator โทรศัพท์ระหว่างชาติ จะแปรไปอยู่ในมือของผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือที่มี International Gateway  ของตัวเอง กระทั่งทำให้ Operator ที่ไม่มีโครงข่าย Mobile ไม่สามารถที่จะหาเงินในแบบอย่างเดิมได้อีกต่อไป