ผ้าเช็ดตัวเด็กผ้าเช็ดตัว เป็นสิ่งที่ต้องสัมผัสกับตัวเราตลอดเวลา และไม่ใช่แค่สัมผัสตลอดเวลาแต่แทบจะทุกส่วนของร่างกายของเรา ไม่ว่าจะใช้เช็ดตัวหลังอาบน้ำ ใช้ซับเหงื่อ เช็ดหัว เช็ดหน้า เรียกว่าเช็ดทุกอย่าง ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะต้องสัมผัสกับแบคทีเรียจำนวนมากและกลายเป็นแหล่งสะสมแบคทีเรียใกล้ตัว การดูแลผ้าเช็ดตัวให้สะอาดอยู่เสมอจึงเป็นเรื่องสำคัญ ด้วยเทคนิคดีๆที่เรานำมาเสนอ นอกจากนั้นเราจะพาคุณไปแนะนำให้คุณได้รู้จักผ้าเช็ดตัวนาโน หรือผ้าเช็ดตัวแห้งเร็วอีกด้วย
ขึ้นชื่อว่าผ้าเช็ดตัวแต่ไม่ได้มีแค่แบบเดียว
เรามักจะเรียกรวมผ้าทุกๆอย่างที่ใช้เช็ดตัวว่าผ้าเช็ดตัว แต่จริงๆแล้วผ้าเช็ดตัวนั้นมีหลากหลายแบบหลากหลายคุณภาพให้เลือกใช้ด้วยนะ ลองมาดูกันเลย
ผ้าขนหนู
เป็นผ้าเช็ดตัวแบบที่เราคุ้นเคยและใช้กันมากที่สุด เรียกได้ว่ามีกันทุกบ้านทุกเรือน เพราะผ้าขนหนูให้ความนุ่ม ดูแลรักษาง่าย ทนทาน ดูดซับน้ำได้ดี แม้จะชื่อผ้าขนหนูแต่ก็ไม่ได้ผลิตจากขนหนูแต่อย่างใด เพราะทำมาจากผ้าฝ้ายนี่เอง ที่สำคัญมีลายให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสีขาวทั่วไป หรือผ้าเช็ดตัวลายการ์ตูน
ผ้าขาวม้า
เป็นผ้าระดับคลาสสิกที่ใช้กันมาตั้งแต่โบร่ำโบราณ ตั้งแต่รุ่นคุณปู่คุณย่า แต่ของดีไม่เคยตกยุค เพราะผ้าขาวม้ามีความบาง ซับน้ำได้ดี แต่ก็แห้งง่ายเหมือนกัน มีน้ำหนักเบา พกพาง่าย ใช้งานได้หลากหลาย ไม่ใช่แค่นุ่งอาบน้ำ แต่สามารถนำไปเช็ดตัวได้ ซับเหงื่อก็ได้ กันแดดกันลม โพกหัวได้หมด สารพัดประโยชน์ เป็นที่นิยมในหมู่นักเดินทาง เพราะน้ำนักเบา พกพาง่าย แห้งง่าย เอาไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลายทั้งโดยตรงและประยุกต์ใช้
ผ้าเช็ดตัวแต่ละประเภท
ผ้าเช็ดตัวนาโน
หรือเรียกอีกอย่างว่าผ้าเช็ดตัวแห้งเร็ว คล้ายผ้าขนหนู แต่ถูกผลิตให้มีคุณสมบัติในการแห้งง่าย ซับน้ำได้ดี นุ่ม และมีน้ำหนักเบาสามารถเอามาใช้งานโดยทั่วไปก็มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น หรือเอาไว้ใช้เดินทางไกล แบกเป้เที่ยวก็เหมาะเช่นกัน
ผ้าไมโครไฟเบอร์
มีน้ำหนักเบา ดูดซับน้ำได้ดี และแห้งง่ายคล้ายๆกับผ้านาโน แต่ไม่นุ่มเท่า เกาะพื้นผิวดีกว่า ทำให้ได้สัมผัสที่ไม่เนียนนักเวลาใช้กับร่างกาย จึงนิยมใช้กับการเช็ดโดยทั่วไปมากกว่านำมาเป็นผ้าเช็ดตัว
6 วิธีง่ายๆในการดูแลผ้าเช็ดตัวของคุณให้สะอาดอยู่เสมอ
1. แยกผ้าเช็ดตัวที่ใช้ในส่วนต่างๆออกจากกันอย่างสิ้นเชิง เราแนะนำว่าให้มีอย่างน้อยให้มี 2 ผืน คือผ้าผืนใหญ่สำหรับเช็ดตัว และผ้าผืนเล็กสำหรับเช็ดหน้า เพราะทั้ง 2 ส่วนต้องการความนุ่มนวลที่ต่างกัน แต่ถ้าแบ่งให้มากกว่านั้นก็อาจจะมีผ้าสำหรับเช็ดเหงื่อในชีวิตประจำวันหรือขณะเล่นกีฬา และอีกผืนสำหรับใช้เฉพาะจุดที่อ่อนโยนเป็นพิเศษ
2. ตากให้แห้งทุกครั้งหลังใช้งาน ไม่ควรวางกองทิ้งไว้เพราจะทำให้เหม็นอับได้ นอกจากนั้นยังเสี่ยงต่อการที่ผ้าเช็ดตัวจะไปสัมผัสกับเชื้อโรคบริเวณที่เรากองไว้ได้ เมื่อนำกลับไปใช้แทนที่จะได้เช็ดตัวให้สะอาดกลับยิ่งทำให้สกปรกมากยิ่งขึ้นไปอีก
3. ควรซักผ้าเช็ดตัวทุกๆ สัปดาห์เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรค อาจจะดูว่าบ่อยเกินไป แต่จริงๆแล้วเราใช้เช็ดตัวอย่างน้อยวันละ 2-3 ครั้ง เมื่อนับรวมๆ 7 วันก็เกือบ 15 ครั้งแล้ว ซึ่งแต่ละครั้งที่ใช้ก็จะมีแบคทีเรีย เชื้อโรค สิ่งสกปรกสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นทุกควรจะซักและตากทุกครั้งเมื่อมีเวลาว่าง
4. แยกซักแยกตาก ควรจะซักผ้าเช็ดตัวอย่างเดียวรวมกัน ไม่ควรซักรวมกับผ้าชนิดอื่นๆ เพื่อป้องกันสีตก ควรนำไปตากแดดบนราวตากผ้าที่เตรียมไว้ ไม่วางหรือผึ่งไว้ตามเก้าอี้เพราะจะทำให้โดนเชื้อโรคแบคทีเรียได้
5. วิธีการซักควรดูที่ฉลากสัญลักษณ์ของผ้า เพื่อที่จะซักอย่างถูกวิธี การซักตามวิธีที่ผู้ผลิตแนะนำจะทำให้คงคุณภาพของผ้าไว้ได้นาน ไม่เสียหายหรือเสื่อมคุณภาพไปได้ง่ายๆ เพราะผ้าบางชนิดไม่สามารถใช้ร่วมกับน้ำยาปรับผ้านุ่มได้
6. เลือกซื้อผ้าเช็ดตัวให้เหมาะสมกับการใช้งานและไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ เป็นต้นว่า ในกรณีที่เดินทางบ่อยๆ ก็ควรเลือกผ้าเช็ดตัวแห้งเร็ว น้ำหนักเบา พกพาสะดวกอย่างผ้าเช็ดตัวนาโนเป็นต้น หรือถ้าใช้ในยามออกกำลังกาย ก็ควรเลือกที่สามารถช่วยปกป้องแบคทีเรียได้มากเป็นพิเศษ แห้งง่าย และไม่อมน้ำ
ได้รู้จัก ผ้าเช็ดตัว แบบต่างๆที่ได้รับความนิยมกันไปแล้ว ทั้งผ้าขาวม้า ผ้าเช็ดตัวนาโน หรือ ผ้าเช็ดตัวแห้งเร็ว ต้องบอกก่อนว่านอกจากจะมีหลากหลายชนิดให้เลือกใช้แล้ว แต่ละชนิดก็ยังมีเกรดและคุณภาพของผ้าที่แตกต่างกันอีกด้วย เพราะฉะนั้นยามที่เราเลือกซื้อก็ต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน ทั้งเรื่องของราคา คุณภาพ และความเหมาะสมกับจุดมุ่งหมายที่จะนำไปใช้ เพราะหากเราโฟกัสแต่ราคาอย่างเดียว เห็นผ้านาโนถูกๆก็รีบพุ่งเข้าใส่ แล้วเหมามาเป็นโหลๆ โดยไม่พิจารณาคุณภาพให้ดีก่อน เราก็อาจจะถูกหลอกเอาได้ กลายเป็นว่าซื้อมาแล้วใช้งานเหมือนผ้าขนหนูธรรมดา นอกจากจะเจ็บกระเป๋าตังแล้วยังเจ็บใจอีกต่างหาก