ผู้เขียน หัวข้อ: กันแดดที่ดีที่สุด ครีมกันแดดที่ดีที่สุด ครีมกันแดด ครีมกันแดดที่ดีที่สุดในโลก  (อ่าน 188 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ bmKamBungX

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,077
  • พอยท์: 100
    • ดูรายละเอียด
ครีมที่มีไว้ป้องกันแดด (sunscreen)เป็นผลิตภัณฑ์ทาผิวที่มีส่วนผสมของสารกันแดด (Sunscreen agent) เพื่อใช้ทาผิวสำหรับคุ้มครองปกป้องอันตรายจากแดดที่มีต่อผิวหนัง อันตัวอย่างเช่น รังสีอัลตร้าไวโอเลต A (UVA), รังสีอัลตร้าไวโอเลต B (UVB) แล้วก็รังสีที่ตามองมองเห็น (Visible Light) เนื่องจากมนุษย์เราสามารถหลบจากแดดได้ตลอดเวลา โดยยิ่งไปกว่านั้นคนที่จำต้องดำเนินการใน และก็ถึงแม้การได้รับแดดในเวลาไม่นาน แต่ถ้าหากได้รับบ่อยมาก ก็จะก่อให้ภูมิต้านทานของเซลล์ผิวหนังลดลง แล้วก็สะสมกระทั่งเกิดมะเร็งผิวหนังได้เช่นเดียวกัน

นอกจาก แสงอาทิตย์ยังเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวหน้าสลายตัว รวมทั้งเกิดปัญหาที่คนวัยหนุ่มสาวไม่ต้องการที่จะอยาก อาทิเช่น เกิดรอยเหี่ยวย่น กำเนิดตีนกา ผิวหน้าหมองคล้ำ และแข็งกระด้าง กำเนิดกระ เกิดฝ้า จนผิวหน้าแลดูแก่กว่าวัยอันควร

ตอนนี้ แสงแดดเป็นเป็นที่พิสูจน์ได้แจ่มแจ้งแล้วว่าเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเกิดโรคมะเร็งผิวหนัง อีกทั้งมะเร็งผิวหนังประเภท nonmelanoma รวมทั้งmelanoma โดยยิ่งไปกว่านั้นฝรั่งที่พบการเป็นมะเร็งผิวหนังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และก็มีการเสี่ยงมากกว่าคนเอเชียหลายเท่า เพราะฉะนั้น แนวทางคุ้มครองป้องกันมะเร็งผิวหนังที่ดีคือหลบหลีกการสัมผัสกับแสงอาทิตย์เป็นระยะเวลานาน แต่โดยธรรมดาคนเราไม่อาจจะเลี่ยงได้ แต่สามารถคุ้มครองปกป้องได้เป็นการใส่เสื้อผ้าให้มิดชิด การใช่ร่มหรือที่บังแดด แล้วก็ท้ายที่สุดที่นิยมหมายถึงการทาโลชั่นกันแดด ซึ่งจะช่วยคุ้มครองปกป้องมะเร็งผิวหนัง และก็ยังช่วยบำรุงผิว ทำให้ผิวมองดูอ่อนกว่าวัย คุ้มครองป้องกันการเหี่ยวย่น การเกิดรอยตีนกา ป้องกันผิวหมองคล้ำ แล้วก็การเกิดกระฝ้าต่างๆได้ด้วย กันแดดที่ดีที่สุด






ทั้งนี้ ผิวหนังของแต่ละคนมีการสนองตอบต่อแสงแดดที่แตกต่าง ซึ่งขึ้นอยู่กับสีผิวหรือปริมาณของเม็ดสีผิวหรือเมลานินเป็นสำคัญ (melanin pigment) โดยคนยุโรปที่มีผิวขาวจะมีจำนวนเมลานินที่ชั้นผิวหนังน้อย ทำให้รังสีแพร่เข้าไปในชั้นผิวหนัง แล้วก็ถูกซับไว้มาก จึงมีโอกาสที่จะเพิ่มความเสี่ยงสำหรับมะเร็งผิวหนังได้สูง ส่วนผิวหนังของชาวเอเชียที่ค่อนข้างจะดำหรือคนดำในแถบประเทศแอฟริกาจะมีเม็ดสีเมลานินสูง ทำให้ช่วยกรองรังสี ช่วยกระจัดกระจาย รวมทั้งสะท้อนรังสีได้มาก ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนังน้อยกว่า
ความเข้าใจเกี่ยวกับรังสี

สารบาญเรื่อง แสดง

รังสี UVB ในตอนความยาวคลื่น 290 – 320 นาโนเมตร นับว่าเป็นรังสีหลักที่เหนี่ยวนำให้เกิด photocarcinogenesis โดยรังสี UVB จะเข้าทำปฏิกิริยากับ DNA ในเซลล์โดยตรง กระทั่งทำให้มีการเกิดสาร cyclobutane pyrimidine dimmers รวมทั้ง thymine glygols ที่เข้ากระตุ้นการเกิดเซลล์ของโรคมะเร็งได้ ส่วนรังสี UVA ในตอนความยาวคลื่น 320 – 400 นาโนเมตร จะส่งผลต่อผิวหนังน้อยกว่ารังสี UVB แต่ก็มีส่วนสำหรับในการนำมาซึ่งโรคมะเร็งผิวหนังได้เช่นเดียวกัน เนื่องจากหากสัมผัสหรือได้รับสะสมเป็นเวลานานจะก่อให้เกิดสารอนุมูลอิสระขึ้นในเนื้อเยื่อ และก็ถัดมาจะเข้ากระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดเซลล์ของมะเร็งขึ้นได้ ด้วยการเหนี่ยวนำให้มีการเปลี่ยนของ DNA ในระดับเซลล์เกิดขึ้น

องค์ประกอบของแสงแดด
1. รังสีอินฟาเรด (infrared ray : ความยาวคลื่น 780-5000 นาโนเมตร) โดยประมาณ 56%
2. รังสีที่เห็น (visible light : ความยาวคลื่น 400-780 นาโนเมตร) ประมาณ 39%
3. รังสีรังสียูวี (UV : ultraviolet ray) ปริมาณ 5% ซึ่งถือเป็นรังสีสำคัญที่ทำให้ภาวะผิวมีปัญหา และก็เกิดมะเร็งผิวหนัง

ประเภทของรังสี UV
1. รังสี UVC
รังสี UVC มีตอนคลื่นยาว 100-280 นาโนเมตร เป็นรังสี UV ที่มีพลังงานสูงสุด แต่ว่าส่วนมากจะถูกดูดซึมไว้ด้วยโอโซนในชั้นบรรยากาศของโลก

2. รังสี UVB
รังสี UVB มีตอนคลื่นยาว 280-320 นาโนเมตร เป็นรังสี UV ที่มีพลังงานถัดลงมาจาก รังสี UVC มีผลทำให้ผิวหนังมีการอาการผื่นแดง เกิดอาการแสบร้อน รวมทั้งไหม้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้แพ้แสงแดดง่ายหรือมีการตากแดดเป็นเวลานาน

3. รังสี UVA
รังสี UVA มีช่วงคลื่นยาว 320-400 นาโนเมตร เป็นรังสี UV ที่มีพลังงานน้อยที่สุด เมื่อได้รับรังสีจำพวกนี้จะส่งผลต่อภาวะปัญหาผิหนัง อาทิเช่น ผิวหนังเหี่ยวย่น เกิดริ้วรอย กำเนิดความหมองคล้ำ กระ และฝ้า จนถึงผิวแลดูแก่กว่าวัย
ประวัติความเป็นมาครีมกันแสงแดด

โลชั่นที่มีไว้สำหรับป้องกันแสงแดดเริ่มมีการปรับปรุงขึ้นทีแรกในปี ค.ศ.1928 โดยใช้สาร benzyl salicylate และ benzyl cinnamate ตระเตรียมอยู่ในรูปอิมัลชัน (emulsion) ในช่วงปี ค.ศ. 1930 ในประเทศประเทศออสเตรเลียได้มีการวางขายผลิตภัณฑ์กันแดดที่ผสม 10% Salol (phenyl salicylate) ต่อมาในปี คริสต์ศักราช 1943 ในสหรัฐอเมริกาได้มีการใช้สารกลุ่ม p-Aminobenzoic acid (PABA) โดยได้ผสมอนุพันธ์ของ PABA ในผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด ในสมัยแรกๆนั้นให้ความใส่ใจเฉพาะกับการปกป้องรังสี UVBเป็นการปกป้องคุ้มครองไม่ให้ผิวไหม้

ถัดมาได้เพิ่มความพึงพอใจต่อ UVA โดย UVA สามารถทะลุผ่านผิวหนังได้ในระดับความลึก 1 มิลลิเมตร
รวมทั้งไปกระตุ้นให้เกิด singlet oxygen และก็ hydroxyl free radical ที่สามารถไปกระตุ้นให้เกิด lipid
peroxidation ได้มากกว่า UVB ถึง 10 เท่า

ชนิดโลชั่นที่มีไว้ป้องกันแสงแดด

ประเภทโลชั่นที่มีไว้สำหรับป้องกันแสงแดด (แบ่งตามคุณสมบัติ)
1. โลชั่นสำหรับกันแดดซับรังสี (chemical sunscreen)
โลชั่นที่มีไว้กันแสงแดดชนิดนี้ ประกอบด้วยสารเคมีที่มีคุณสมบัติสำหรับในการซึมซับรังสีไว้ได้ ทำให้รังสีนิดหน่อยไม่สัมผัสกับผิวหนัง แต่จะปล่อยรังสีในตอนคลื่นอื่นออกมาหลังการดูดดูดซึมไว้ แต่เป็นช่วงคลื่นที่ไม่เป็นอันตรายต่อผิวหนัง สารที่ใช้ผสม รวมทั้งมีคุณสมบัติดูดวับรังสีได้ ดังเช่นว่า
– oxybenzone
– PABA
– salicylates
– cinnamates
– ฯลฯ

ทั้งนี้ ครีมที่เอาไว้สำหรับกันแสงแดดชนิดนี้มีข้อดีหลายประการ ยกตัวอย่างเช่น
– ไม่มีสีหรือมีสีอ่อนๆ
– มีคุณสมบัติสำหรับเพื่อการบำรุงผิว
– ราคาแพงถูก

ส่วนข้อบกพร่องเป็นบางบุคคลอาจกำเนิดอาการแพ้ต่อสารเคมีที่ผสมได้ รวมถึงต้องมั่นทาครีมทุกๆ1-2 ชั่วโมง เมื่อถูกตากแดดเป็นระยะเวลานานๆเพราะเหตุว่าสารที่ผสมจะดูดซึมรังสีไว้ในปริมาณที่จำกัด ถ้าหากซับไว้เต็มที่รวมทั้งจะไม่สามารถดูดวับไว้ได้อีก ทำให้รังสีที่ได้รับต่อมากระทบต่อผิวหนังทั้งหมด

2. โลชั่นที่มีไว้กันแสงแดดสะท้อนรังสี (physical blocker)
ครีมที่มีไว้ป้องกันแดดจำพวกนี้ มีส่วนผสมหลักของ zinc oxide หรือ titanium dioxide ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสีขาว และมีคุณสมบัติช่วยป้องกันรังสีUV ได้ดูเหมือนจะทั้งหมด ทำหน้าที่สะท้อน รวมทั้งกระจายรังสี UVA และ UVB ออกไปจากผิวหนัง และก็หลังการทาจะมีเนื้อครีมบางส่วนถูกซึมซับเข้าผิวหนังเพียงแค่เล็กๆน้อยๆแค่นั้น โดยเหตุนั้น โลชั่นที่เอาไว้กันแดดประเภทนี้จึงไม่ส่งผลให้เกิดอาการแพ้ได้ง่ายนัก

จุดเด่นของครีมที่มีไว้กันแสงแดดจำพวกนี้ คือ
– ไม่ย่อยสลายง่ายเมื่อสัมผัสกับแสงแดด ก็เลยไม่ต้องทาซ้ำเป็นประจำ
– มีผลทำให้ผิวระคายน้อย ไม่กำเนิดอาการแพ้ง่าย

3. ครีมที่เอาไว้กันแสงแดดแบบผสม (chemical-physical sunscreen)
ครีมป้องกันแดดชนิดนี้ มีส่วนผสมของสารที่มีคุณสมบัติสำหรับในการดูดวับ และสะท้อนรังสีเข้าด้วยกัน อีกทั้ง ยังช่วยลดผลข้างเคียงจากสารเคมีที่อาจส่งผลให้เกิดอาการแพ้ง่าย เนื้อครีมมีส่วนผสมของสารเคมีที่เป็นสีขาว น่าใช้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเหตุนี้ จึงเป็นผลิตภัณฑ์ศูนย์รวมข้อดี และก็ลดข้อด้อยของครีมที่มีไว้สำหรับป้องกันแดดทั้งสองประเภทข้างต้น ซึ่งตอนนี้ โลชั่นที่มีไว้ป้องกันแสงแดดที่วางจำหน่ายโดยมากจะเป็นชนิดประสมประสาน

ชนิดครีมที่เอาไว้ป้องกันแดด (แบ่งตามผลทีมีต่อสีผิว)
1. Sun Tan เป็นผลิตภัณฑ์โลชั่นกันแดดที่ข้างหลังการทาแล้ว เนื้อครีมจะซึมเข้าสู่เซลล์ผิว และปฏิบัติหน้าที่เปลี่ยนสีผิวให้เข้มขึ้น แต่ไม่เป็นอันตรายต่อเซลล์ผิวแต่อย่างใด
2. Sunscreen เป็นผลิตภัณฑ์ครีมที่เอาไว้ป้องกันแสงแดดที่ทำหน้าที่กรองรังสี กระจัดกระจาย และสะท้อนรังสีไม่ให้เข้าสู่เซลล์ผิวมากมาย รวมทั้งช่วยสำหรับการปรับสมดุลของสีผิวที่หมองคล้ำข้างหลังการตากแดด

ประเภทโลชั่นที่เอาไว้สำหรับกันแสงแดด (แบ่งตามส่วนที่ทา)
1. ครีมกันแดดทาหน้า (Sunshade)
ครีมที่มีไว้กันแดดจำพวกนี้ มักมีส่วนผสมของซิงค์ออกไซด์หรือไททาเนียมไดออกไซด์ มีคุณลักษณะช่วยป้องกันรังสี UV ได้ทุกชนิด ใช้สำหรับการทาบริเวณที่บอบบาง อาทิ ใบหน้า ลำคอ และก็ริมฝีปาก

2. โลชั่นที่เอาไว้ป้องกันแสงแดดทาลำตัว (Sunscreen/Sunblock)
ครีมกันแสงแดดชนิดนี้ มักมีส่วนผสมของสารเคมีหลายชนิดที่ประสมประสานกันระหว่างสารเคมีที่ทำหน้าที่ซับ และก็สะท้อนรังสี UV ซึ่งประสิทธิภาพจะถูกกำหนดเป็นค่า SPF
สีผิว แล้วก็ค่า SPF ที่แนะนำ
ประเภทผิวหนัง สีผิว (ในร่มผ้า) ลักษณะผิวหลังถูกแดด ค่า SPF ที่ชี้แนะ
1. สีขาว (White) ผิวไหม้แดง และก็เกิดอาการแสบร้อนได้ง่ายมาก หลังถูกแดดจะมีสีผิวไม่ดำคล้ำ ไม่มีสีผิวเข้ม มักตกกระ พบได้ในชนชาติผิวขาว นัยน์ตาสีฟ้า ได้แก่ คนยุโรปหรือชาวตะวันตก 15-30 หรือมากกว่า
2. สีขาว (White) ผิวไหม้แดง และก็กำเนิดอาการแสบร้อนได้ง่าย หลังถูกแดดจะมีสีผิวเป็นสีแทนขึ้น แม้กระนั้นไม่ทำให้สีผิวเข้มขึ้น พบได้มากในชาติผิวขาว ตาสีฟ้าหรือน้ำตาลอ่อน ผมมีสีทองคำหรือทองแดง ดังเช่น ชาวยุโรป 15-30 หรือมากกว่า
3. สีขาว (White) ผิวมีโอกาสผิวไหม้แดง แล้วก็กำเนิดอาการแสบร้อนได้ง่ายมากยิ่งกว่าเดิม หลังถูกแดดจะมีสีผิวแทนอ่อน ดำคล้ำบางส่วน สีผิวเข้มขึ้น พบได้ในชนชาติผิวขาวอมเหลือง ตัวอย่างเช่น ชาติเอเชียในแถบโซนหนาว เป็นต้นว่า จีนตอนบน ประเทศญี่ปุ่นบางแห่ง ดูโกเลีย และก็รัชเชียตอนใต้ ฯลฯ 15-30 หรือมากยิ่งกว่า
4. สีน้ำตาลอ่อน(Light Brown) ผิวได้โอกาสผิวไหม้แดง และก็เกิดอาการแสบร้อนได้เพียงแค่เล็กๆน้อยๆ สีผิวเกิดคล้ำพอสมควร มีสีผิวเข้มขึ้นเป็นสีน้ำตาล ยกตัวอย่างเช่น ชาติตะวันออกกลาง เอเซียอาคเนย์ รวมทั้งเมืองไทยด้วย 10-15
5. สีน้ำตาล (Brown) ผิวมีโอกาสผิวไหม้แดง แล้วก็กำเนิดอาการแสบร้อนได้น้อยมากหรือไหม้ได้ยาก สีผิวดั้งเดิมมีสีแทนเข้มหรือเกือบจะดำ หลังถูกแดดสีผิวไม่เปลี่ยนแปลงมากเท่าไรนัก อย่างเช่น แขก ชาวอินเดียที่นาในอเมริกา เป็นต้น 10-15
6. สีน้ำตาลอมดำถึงสีดำ(Dark brown or Black) ผิวไม่ไหม้เลย โดยผิวเริ่มแรกมีสีดำเข้ม ข้างหลังถูกแดดสีผิวไม่มีการเปลี่ยน ดังเช่น ชาวนิโกรหรือเชื้อชาติผิวดำในประเทศต่างๆ    6-10  ครีมกันแดดที่ดีที่สุด

เพิ่มจาก : 1 อ้างถึงใน พิมพร สีลาพรประเสริฐ (2543)
ชนิดสารเคมีป้องกันแสงแดดที่ใช้ผสม

1. สารป้องกันแสงแดดจำพวก Chemical
สารป้องกันแสงแดด Chemical เป็นสารที่มีคุณลักษณะซึมซับแสงอัลตร้าไวโอเลตได้ ทำให้มีจำนวนรังสีที่จะกระทบผิวหนังต่ำลง แบ่งได้ ดังต่อไปนี้
1.1 PABA หรือ Paraaminobenzoic acid เดี๋ยวนี้ไม่มีการใช้แล้ว เพราะเหตุว่ามีฤทธิ์ระคาย บางรายมีอาการแพ้ง่าย รวมทั้งอาจเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็ง
1.2 PABA ester พัฒนามาจากกลุ่ม PABA มีคุณลักษณะต้านทานฤทธิ์ของสารเคมีอื่นอันไม่พึงประสงค์ แต่ว่ายังคงสมรรถนะสำหรับเพื่อการกันแดดดังเดิม อาทิเช่น Padimate-O
1.3 BENZOPHENONE ยกตัวอย่างเช่น
– Oxybenzone
– Sulisobenzone
1.4 CINNAMATES อย่างเช่น
– Octylmethyl Cinnamate
– Cinoxate
1.5 Salicylates ยกตัวอย่างเช่น Homomenthyl Salicylate

2. สารกันแดดประเภท Physical
สารป้องกันแสงแดด Physical เป็นสารที่มีคุณลักษณะทึบแสง สามารถซึมซับรังสีไว้ได้ รวมทั้งกระจายหรือสะท้องรังสีออกไปจากผิวหนังได้ สารเคมีชนิด Physical ที่ใช้เป็นส่วนผสม ดังเช่นว่า Titanium.Dioxide รวมทั้ง Zinc Oxide ฯลฯ
ค่า SPF หรือ ความสามารถสารป้องกันแสงแดด

ผลิตภัณฑ์โลชั่นป้องกันแดดทุกชนิดต้องมีการประมาณคุณภาพของโลชั่นสำหรับกันแดดก่อนนำออกจำหน่าย ซึ่งค่าสมรรถนะของครีมที่เอาไว้สำหรับกันแสงแดดจะถูกเจาะจงในค่าที่ชื่อ Sun Protecting Factor (SPF) คือ ความรู้ความเข้าใจของโลชั่นที่มีไว้สำหรับป้องกันแดดที่ทาแล้ว (2 มก./ตารางเซนติเมตรผิวหนัง) ทำให้ผิวสามารถทนต่อแสงแดดได้นานในอัตราเท่าใดเมื่อเทียบกับผิวทั่วไปที่ไม่ได้ทาโลชั่นสำหรับกันแสงแดด โดยความรู้ความเข้าใจของผิวหนังที่ทนต่อแสงอาทิตย์ได้ได้นั้น หมายถึง ระยะเวลาข้างหลังการสัมผัสแสงอาทิตย์แล้วทำให้ผิวหนังเกิดอาการแดงต่ำที่สุด ซึ่งค่า SPF เป็นค่าที่มากขึ้นในอัตราส่วนเท่าตัวของค่าการทนแสงอาทิตย์ได้ในผิวหนังที่มิได้ทาโลชั่นสำหรับป้องกันแสงแดด ยกตัวอย่างเช่น

SPF 20 คือ ครีมที่เอาไว้ป้องกันแดดมีคุณภาพการป้องกันแดดได้นาน 20 เท่า เมื่อเทียบกับผิวธรรมดาที่มิได้ทาโลชั่นสำหรับป้องกันแสงแดด ครีมกันแดด

ดังนี้ โดยปกติ ผิวหนังของคนเราสามารถทนต่อแสงแดดได้นานโดยประมาณ 15 นาที ก่อนที่จะกำเนิดอาการไหม้แดง ด้วยเหตุนี้ โลชั่นกันแดดที่มีค่า SPF 20 จะสามารถทนต่อแสงอาทิตย์ได้นานราวๆ 20 เท่า ของ 15 นาที หรือราว 300 นาที (5 ชั่วโมง) นั่นเอง

ข้อควรปฏิบัติตามเกี่ยวกับ SPF
1. ค่า SPF ที่กำหนดจะน้อยหรือมากมายเท่าไร ก็ไม่ได้สามารถกรองหรือปกป้องรังสี UV ได้ 100%
2. SPF ชี้ความสามารถการกันรังสี UVB แค่นั้น ด้วยเหตุว่าเป็นค่าที่ได้จากการประเมินระยะเวลาที่เกิดอาการผิวหนังไหม้แดด ซึ่งกำเนิดได้เฉพาะรังสี UVB จึงไม่สามารถแสดงความสามรถสำหรับการกันรังสี UVA ได้
3. การใช้คร