วิตามิน ถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ตามการละลาย ดังนี้
– วิตามินกลุ่มที่ละลายในไขมัน เป็นกลุ่มที่ไม่สามารถขับออกมาทางปัสสาวะได้ ร่างกายจะดูดซึมต่อเมื่อละลายในไขมันหรือน้ำมันเท่านั้น ทำให้มีข้อเสียคือ ร่างกายเกิดการสะสมากได้รับในปริมาณที่มากเกินไป คือ วิตามินดี (Vitamin D) , วิตามินอี (Vitamin E) , วิตามินเค (Vitamin K) และวิตามินเอ (Vitamin A)
– วิตามินกลุ่มที่ละลายในน้ำ คือ วิตามินซี (Vitamin C) , วิตามินบี (Vitamin B) สำหรับกลุ่มนี้ร่างกายจะสามารถขับออกมาเองได้ เมื่อได้รับปริมาณที่มากเกินไป เกินความจำเป็นต่อปริมาณวิตามินที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน วิตามินซี (Vitamin C) ร่างกายต้องการเพียงวันละ 10-15 มิลลิกรัมเท่านั้นต่อวัน วิตามินบี (Vitamin B) ร่างกายสามารถได้รับจากอาหารจำพวกนม ไข่แดง เนื้อสัตว์ หรือจมูกข้าว แนะนำสำหรับกลุ่มคนที่ทานมังสวิรัติและรับประทานอาหารเจ เป็นประจำ ควรรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีวิตามินบี เพื่อไม่ให้ร่างกายขาดสารอาหาร
แหล่งที่มาของ “วิตามิน”
อาหาร ถือเป็นแหล่งที่มาของวิตามินที่ดีที่สุด ซึ่งวิตามินจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับชนิดของวิตามิน บางชนิดร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นได้เอง ต้องได้รับจากภายนอกโดยการรับประทานอาหาร วิตามินที่มีประสิทธิภาพสามารถหาได้จาก 4 แหล่งหลักๆ คือ
– วิตามินที่ได้จากผักและผลไม้ เช่น สตรอว์เบอร์รี มะละกอ ผักโขม มะละกอ ฝรั่ง ส้ม ตระกูลเบอร์รี่มังคุด ลำไย แอปเปิล กล้วย และถั่วต่างๆ
– การรับประทานวิตามิน จากผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มาในรูปสารสกัดจากผัก ผลไม้หรือแหล่งที่มาอื่นๆของวิตามิน ซึ่งถือเป็นตัวช่วยที่ดีของผู้ที่มีเวลาดูแลตัวเองน้อย
– วิตามินที่ได้จากธรรมชาติ อย่างเช่น วิตามินดี (Vitamin D) จะได้รับผ่านแสงแดด เป็นการเพิ่มระดับวิตามินดีให้ร่างกายที่สามารถทำได้ง่ายๆ
– วิตามินที่ร่างกายสามารถเองได้ คือ วิตามินบี3 หรือ ไนอะซิน (Niacin) ร่างกายสามารถสร้างเองได้จากกรดอะมิโนทริปโตแฟน (Tryptpphan) หรือแม้แต่แบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ ก็ช่วยสร้างวิตามินให้ร่างกายหลายชนิด
กระชายพลัส: ชนิดของ “วิตามิน” ตามการละลาย อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://mmed.com/product/mmed-finger-root-extract-plus-beta-glucan/