เคยได้ยินเรื่องสัญญาณมือถือทำลายสมองกันบ้างไหมคะ บ้างก็ว่าเสี่ยงมะเร็งสมอง หรือบางคนอาจได้ยินมาว่าทำให้เสี่ยงสมองเสื่อม หรืออัลไซเมอร์ แท้ที่จริงแล้วสัญญาณโทรศัพท์ทำลายสุขภาพเราได้ขนาดนั้นหรือไม่ ไปหาคำตอบกันค่ะ
สัญญาณมือถือ ก่อมะเร็ง-สมองเสื่อม?
สัญญาณโทรศัพท์ เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในช่วงคลื่นไมโครเวฟ โดยองค์การอนามัยโลก หรือ WHO กำหนดให้มีความเสี่ยงในการก่อโรคมะเร็งเพียงระดับ 2B เท่านั้น หมายถึง อาจทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ แต่อยู่ในระดับความเป็นไปได้ที่ต่ำมาก ไม่ได้อยู่ในระดับ 2A ที่แปลว่า น่าจะทำให้เกิดมะเร็ง
หากใครที่กังวลเรื่องเสาสัญญาณ สัญญาณมือถือจากเสาสัญญาณไม่ได้ปล่อยออกมามากเกินมาตรฐาน ก็ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของเราได้แน่นอน จากผลการสำรวจของ กสทช. ร่วมกับ พระจอมเกล้าลาดกระบัง พบว่า ค่าการแผ่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากสถานีฐานในระยะ 400 เมตร "ต่ำกว่าขีดจำกัดมาตรฐานที่กำหนดไว้มาก" คือวัดได้น้อยกว่า 5% ของมาตรฐานสากล
นอกจากนี้ ค่าอัตราการดูดซับพลังงานจำเพาะที่บริเวณศีรษะ ก็มีค่าต่ำกว่าขีดจำกัดมาตรฐานอย่างมากเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม มีรายงานการวิจัยจากต่างประเทศบางส่วน ที่ระบุว่าสัญญาณโทรศัพท์มือถือมีส่วนทำให้เกิดโรคมะเร็ง แต่ก็เป็นงานวิจัยที่ยังมีจุดบกพร่อง และยังไม่ได้เป็นที่ยอมรับ 100% ดังนั้นเราจึงยังไม่สามารถฟันธงได้ว่า สัญญาณมือถือสามารถก่อมะเร็งได้จริง
iStock
สัญญาณมือถือ อันตราย
แม้ว่าจะไม่ได้ก่อมะเร็งชัดเจนอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น แต่ไม่ได้หมายความว่าสัญญาณมือถือไม่อันตรายเลย เพราะสัญญาณมือถืออยู่ในกลุ่มของคลื่นในกลุ่มไอโอไนท์ คือ กลุ่มความร้อน ดังนั้นเมื่อใช้โทรศัพท์มือถือแนบหูนานๆ ก็อาจเป็นอันตรายต่อระบบสมองให้เปลี่ยนพฤติกรรมได้ เช่น เครียด หงุดหงิด ซึมเศร้า หรือคลื่นไส้ ดังนั้นเราจึงไม่ควรใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ เพราะเพียงเสี้ยววินาที เราอาจพลาดจนเกิดอุบัติเหตุ หรือเสียชีวิตได้
สัญญาณมือถือ ไม่น่ากลัวเท่า แบตมือถือ
ที่น่ากลัวกว่า คือแบตเตอรี่มือถือ ที่บางชนิดผลิตมาไม่ได้มาตรฐาน เมื่อใช้งานนานๆ หรืออยู่ในระหว่างชาร์จไฟ อาจเกิดการบวม ชำรุดเสียงหาย ไหม้ หรือระเบิดได้อย่างที่เราเห็นกันอยู่ในข่าว
ดังนั้นถึงแม้ว่าการนอนข้างๆ โทรศัพท์ อาจไม่ได้ก่อมะเร็ง หรือสมองเสื่อม แต่ก็ไม่แนะนำให้วางมือถือใกล้หัวนอน ใกล้หมอน เพราะนอกจากจะเสี่ยงอุบติเหตุแบตมือถือระเบิดแล้ว แสงจากหน้าจอ เสียงแจ้งเตือนข้อความใหม่ ยังรบกวนการนอนหลับของเราอีกด้วย ทางที่ดี ควรนำมือถือไปชาร์จให้ไกลจากเตียงนอนจะดีกว่าค่ะ