ผู้เขียน หัวข้อ: หมดยุคหมดสมัยขายสินค้าแบบแปลนเดิมๆ “ข้าวตราฉัตร” เกลี่ยทิวแถวติดต่อแบรนด์ “วงการ  (อ่าน 115 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ spammer

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 139,825
  • พอยท์: 100
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
ล้าสมัยปล่อยของอย่างเดิมๆ “ข้าวตราฉัตร” กระจายอาณาเขตติดต่อสื่อสารแบรนด์ “เข้าสังคมจำเป็นจะต้องมาก่อน”
ส่วนหลังงดสื่อสารการท้องตลาดไปกว่า 2-3 ชันษา ที่แล้วจะกลับมาพร้อมด้วยการเริ่มจอเงินเกรียนความยาว 5 นาที พร้อมด้วยหมายประกาศแนวการทำให้เรียบหลักพร้อมด้วยทิศทางการสื่อสารยี่ห้อแนวใหม่ของ “ข้าวตราฉัตร” ด้วยว่าให้พ้องพร้อมด้วยแนวตลาดด้วยกันลูกค้าที่แปรเปลี่ยนไป รวมถึงจะให้ความสลักสำคัญกับการทำ Content Marketing มากขึ้นก่อนหน้านี้โฆษณาของข้าวตราฉัตรจะย้ำ Mood & Tone ที่หมายความว่าเรื่องราวของฟังก์ชั่นนัล เป็นพิเศษในมุมของคุณภาพและมาตรฐานในการผลิตข้าว ที่หาได้การยอมจนสมรรถเป็นผู้นำในตลาดข้าวถุงของแว่นแคว้น และเชี่ยวชาญส่งออกไปทำท้องตลาดได้ในอีกหลายๆ แดน เมื่อที่ทางหลักจะเน้นติดต่อผ่านวิธีเลือก Mass Media เป็นหลัก

แต่จากนี้แบบการสื่อสารยี่ห้อจากข้าวตราฉัตร จะมาถึงพร้อมด้วยโลกของการตลาดในสมัยใหม่เพิ่ม โดยเฉพาะจากการเรียนรู้พฤติกรรมและ Insight โภคิน ที่ไม่ได้อซับซ้อนรู้เรื่องราวของแบรนด์มากไปกว่าคุณประโยชน์ต่างๆ ที่สังคมหรือผู้ซื้อจะได้รับจากการทำการทำงานของแต่ละแบรนด์

- เฉลี่ยอาณาบริเวณติดต่อสื่อสาร จุดโฟกัส Soft Power

สิ่งของที่อุบัติขึ้นเป็นเหตุให้ “ข้าวตราฉัตร” เลือกที่จะปรับนโยบายในการสื่อสารการตลาดออกมาในมุมที่ดำรงฐานะ Emotional เพิ่มขึ้น เป็นพิเศษการใช้ “ข้าว” ยังมีชีวิตอยู่สื่อกลางในการให้คุณประโยชน์ต่างๆ ออกมาเนื่องด้วยทำเอาเข้าผู้เข้าคนโดยรวมดีขึ้น นำร่องด้วยข้อคิด Rice is Love ซึ่งต่อยอดมาจากคอนเซ็ปต์เดิม Rice is Life ด้วยให้วงการหันมาดูแลพร้อมด้วยมอบเสน่หาให้แก่กันมากขึ้น เป็นพิเศษเริ่มต้นจากสถาบันญาติโกโหติกา พร้อมด้วยในภายภาคหน้าจะมีแง่คิดอื่นๆ ตามมา เนื่องด้วยให้แบรนด์เข้าเป็นส่วนหนึ่งในการปรับปรุงปัญหาต่างๆ ที่มีอยู่ในกลุ่ม

ปัจจุบันได้เปิดตัวหนังสั้น “รักนี้ ตลอดไป” ในแบบ VDO Clip ความยาว 5 นาที เพราะว่าในประถมจะเน้นสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลักข้าวตราฉัตร พร้อมทั้งผิมีฟีดแบ็คที่ดีก็มีแบบอย่างต่อยอดการติดต่อสื่อสารมา Mass Media ในสเตปหลังจากนั้นเพื่อเนื้อเหตุการณ์จะบอกเล่าผ่านมโนชของคู่ตาประสพโชค พร้อมทั้งยายระนาด หอมจันทร์ ที่ใช้ชีวิตินทรีย์คู่สมรู้ร่วมคิดในปากท้องจริงมา 60 พรรษา เฉพาะยังให้ความสำคัญพร้อมทั้งความรัก และเอาใจใส่กันกันเท่าเทียมในวันแรก เพื่อสะท้อนให้เห็นความสำคัญพร้อมกับการแสดงความรักระหว่างกัน ทั้งจากคนในวงศ์ญาติ พร้อมทั้งสังคมรอบๆ  โดยไม่ได้เน้นที่แบรนด์หรือโปรดักต์ มีเพียงการใช้ข้าวมาเป็นตัวแทนความเสน่หาตามคอนเซ็ปต์ “Rice is Love” แต่ทว่าเส้นเรื่องที่เล่าเป็นเหตุให้เข้าใจฟีเจอร์เด่นของข้าวหอมมะลิใหม่ รวมทั้งไฮเทค Grain Cooler ซึ่งหมายถึงนวัตกรรมเพ่งตรงในข้าวตราฉัตรที่ช่วยเก็บฟีเจอร์ของความคือข้าวหอมมะลิใหม่ที่แตกต่างจากข้าวจำพวกอื่น ทั้งเมล็ดข้าวที่ยาวกว่า มีสีขาว กลิ่นหอม พร้อมด้วยอาจความนิ่มไว้ได้อยู่เป็นนิตย์

การปรับโทษลด SKU ผลิตภัณฑ์ในพอร์ตยังจำต้องทำไม่ขาดสายในปีนี้ เพราะว่าคาดเดาว่ายังจำเป็นจะต้องลดลงอีกไม่ต่ำกว่ากว่า 20% จากสมัยปัจจุบัน เพราะว่าจะเก็บสินค้าไว้เฉพาะแบบที่มีศักภาพในการทำตลาด และสอดคล้องกับภาพที่แปรเปลี่ยนแปลงไปของท้องตลาดและท่าทางผู้บริโภค

ช่วงที่ภาพของการจำเริญในแต่ละทางเลือก กลุ่มห้องอาหาร กับ Food Service ทั้งเป็นตลาดที่มีประสิทธิภาพที่จะโตได้สูงถึง 15%ข้าวตราฉัตร เช่นเดียวพร้อมกับในร้านสบายซื้อพร้อมทั้งช่องทางที่จำหน่ายกลุ่มอาหารพร้อมมูลทาน ซึ่งเจริญไม่ต่ำต้อยกว่า 10%  ขณะที่ที่ช่องทางขายดั้งเดิม อย่างร้านขายของขายข้าวสารหรือร้านค้าส่งต่างๆ ที่เคยเป็นช่องทางหลักในตลาดยังอาจเติบโตลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยในอนาคตรูปทรงยอดขายในตลาดจะถดถอยเหลือไม่ถึงครึ่งหนึ่งของตลาดจากที่ก่อนหน้าเคยมีมาตราส่วนการขายได้ถึง 60-70%

“ข้าวตราฉัตรทำการทำให้เรียบตัวมาเมื่อก่อนนี้มากปี จากการล่าเทรนด์และพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างใกล้ชิดทำให้ยังสามารถรักษาการจำเริญพร้อมกับความเป็นผู้มีอำนาจในท้องตลาดไว้ได้ โดยปัจจุบันมีส่วนแบ่งในตลาดข้าวถุงในบ้านเมืองรวม 13% ช่วงเวลาที่ยังมีหนทางเติบโตได้ต่อเนื่อง เป็นพิเศษการเพิ่มปริมาณตลาดในต่างแดนซึ่งตลาดขยายตัวยิ่งกว่าในประเทศ ขณะที่ปัจจุบันกองกลางเน้นตลาดส่งออกเป็นหลักด้วยหุ่นกว่า 70% ออกจากปริมาณข้าวต่อศักราชทีมีกว่า 1 ล้านอุดตัน”

Tags : ฉัตรทอง