ผู้เขียน หัวข้อ: ทำความรู้จัก HEPA filter ใน เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier )  (อ่าน 55 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ spammer

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 139,825
  • พอยท์: 100
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
ทำความรู้จัก HEPA filter ใน เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) มีหลายคน สงสัยว่า แผ่นกรองอากาศ HEPA Filter ที่อยู่ ในอุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ต่าง ๆ เช่น หุ่นยนต์ดูดฝุ่น เครื่องปรับอากาศ หรือ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) มันคืออะไร ? ทำงานอย่างไร ? และแตกต่างกับแผ่นกรองอากาศแบบทั่วไปอย่างไร ? บทความนี้ เราจึงจะพาคุณ ไปทำความรู้จัก กับ HEPA Filter กัน แบบเจาะลึก ไปเลย HEPA Filter ใน เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) คืออะไร? เริ่มต้นจาก คำว่า HEPA ก่อนเลย โดยมัน ถูกย่อมาจาก คำว่า High Efficiency Particulate Air ที่หมายถึงประสิทธิภาพ ในการกรองฝุ่น ที่สูงกว่าแบบปกติ นั่นเอง  และเมื่อมัน มาอยู่ใน แผ่นกรองอากาศ (Filter) ใน เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ก็จะเท่ากับ ความสามารถ ในการดักจับฝุ่น ที่มากขึ้น และละเอียดขึ้น โดย HEPA Filter สามารถดักจับฝุ่น ที่มีอนุภาคเล็ก 0.3 ไมครอน ( เล็กกว่าฝุ่น PM 2.5 ซะอีก ) ได้อย่างน้อย 99.97 % ด้วยวัสดุ ที่ทำจากเทคโนโลยี เส้นใยขั้นสูง ทำให้มั่นใจได้ว่า ฝุ่นที่มีขนาดเล็กมาก ๆ รวมไปถึง สิ่งสกปรกอื่น ๆ เช่น ละอองเกสร ควัน หรือแม้แต่ แบคทีเรีย และเชื้อรา ที่ลอยอยู่ ในอากาศ ก็จะถูกดักจับไว้นั่นเอง แต่ทั้งนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่า HEPA Filter ใน เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) มันจะไม่สามารถ ดักจับสิ่งสกปรก ที่มีขนาดเล็ก กว่า 0.3 ไมครอน ไม่ได้ เพราะคุณสมบัติ ที่กล่าวนั้น เป็นเพียงเกณฑ์มาตรฐาน สำหรับ การใช้คำว่า HEPA เท่านั้น ปัจจุบันก็มี HEPA Filter หลายเกรด ซึ่งบางเกรด ก็สามารถกรอ งสิ่งสกปรกได้เล็กกว่านั้น  ความแตกต่างของแผ่นกรองอากาศ HEPA Filter แต่ละเกรด ใน เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier )คุณสามารถสังเกตุได้อย่างง่ายดาย ด้วยการดูที่ตัวเลขที่ตามหลังตัวอักษร “H” โดยยิ่งตัวเลขที่ตามหลังจำนวนสูง คุณสมบัติในการกรองยิ่งสูงขึ้นตาม : HEPA  H14 : ในอากาศ 1 ลิตรสิ่งสกปรกขนาด 0.1 ไมครอน มีโอกาสผ่านไป “0.005 %”HEPA  H13 : ในอากาศ 1 ลิตรสิ่งสกปรกขนาด 0.1 ไมครอน มีโอกาสผ่านไป “0.05 %”HEPA  H12 : ในอากาศ 1 ลิตรสิ่งสกปรกขนาด 0.1 ไมครอน มีโอกาสผ่านไปมากกว่า “0.5 %”HEPA  H11 : ในอากาศ 1 ลิตรสิ่งสกปรกขนาด 0.1 ไมครอน มีโอกาสผ่านได้สูงสุด “5 %”HEPA  H10 : ในอากาศ 1 ลิตรสิ่งสกปรกขนาด 0.1 ไมครอน มีโอกาสผ่านไปมากกว่า “15 %” จะเห็นได้ว่า ยิ่งเป็นแผ่นกรอง แต่ละเกรด ใน เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ที่มีเกรดสูง มากเท่าไหร่ ความละเอียด ในการกรอง ก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้น หากคุณต้องการ ปลอดภัยจากอันตราย ของฝุ่นจิ๋ว การเลือกแผ่น กรองอากาศ HEPA ใน เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ที่มีเกรดสูง ( H13 - H14 ) ก็จะถือว่า ตอบโจทย์ที่สุดครับ  แล้วแผ่นกรองอากาศ HEPA Filter ใน เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) มีประโยชน์อย่างไร  ข้อดีหลัก ๆ ของมันคือ มันเป็น ตัวช่วยในการสร้าง อากาศบริสุทธิ์ ในบริเวณ ที่มีการใช้งาน ด้วยการลดจำนวนสิ่งสกปรก และสารก่อภูมิแพ้ ที่อยู่ในอากาศ ได้อย่าง มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะทำให้ คุณและคนในครอบครัวห่างไกล จากอันตราย และโรคร้าย ที่จะตามมา จากฝุ่นหรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ เช่น โรคหอบหืด โรคภูมิแพ้ หรือโรคร้ายต่าง ๆ ในระบบทางเดินหายใจ เช่น มะเร็ง ปัจจุบัน HEPA Filter ใน เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ก็ได้ถูกนำมาใช้ ในหลากหลายวงการ โดยนอกจาก เครื่องใช้ไฟฟ้า ภายในบ้านแล้ว ก็ยังอยู่ ในแวดวงอื่น ๆ ด้วย เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมเครื่องบิน รวมไปถึง วงการแพทย์ ซึ่งล้วนแต่ เลือกใช้มัน เพื่อแลกกับอากาศที่บริสุทธิ์ ปราศจากเชื้อโรค แผ่นกรองอากาศ HEPA Filter ใน เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ทำงานอย่างไร ? ถ้าให้เข้าใจกันง่ายๆ ก็ต้องอธิบาย ให้เห็นภาพ ใหญ่ก่อน คือ เมื่อมีอากาศ ที่กำลังจะผ่าน แผ่นกรองไป เส้นใยทำผสาน กันอย่างหนาแน่น ก็จะทำหน้าที่ เป็นเหมือน กำแพงหลาย ๆ ด่าน เพื่อไม่ให้ สิ่งที่ปนเปื้อน มากับอากาศ หลุดรอดไปนั่นเอง แต่ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับ ขนาดของ สิ่งสกปรก ที่ปกเปื้อน มากับอากาศด้วย เพราะ มันก็จะถูกดับจับ ในวิธีที่ต่างกัน 4 รูปแบบ ดังนี้ 1. รูปแบบ การชน (Direct Impaction) ใน เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) : เป็นวิธี ที่สิ่งสกปรกขนาดใหญ่ เช่น ฝุ่น เกสรดอกไม้ หรือเชื้อรา บางชนิด ลอยมาชน และติดเข้ากับ เส้นใยของแผ่นกรอง โดยตรง 2. รูปแบบ การคัดกรอง (Sieving) ใน เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) : ในกรณี ที่สิ่งสกปรก เหล่านั้น ไม่ได้มาชน เส้นใยโดยตรง แต่ด้วย ความหนาแน่น ของเส้นใย ในแผ่นกรอง ทำให้ช่องว่าง ระหว่างเ ส้นต่อเส้น มีน้อย ฝุ่นหรือ สิ่งสกปรก ขนาดใหญ่ ที่ไม่ได้ลอยมาชน ก็จะไม่สามารถ ผ่านช่องว่างนั้น ไปได้อยู่ดี  3. รูปแบบ การสกัดกั้น (Interception) ใน เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) : กลไก การสกัดกั้น คือ เมื่อฝุ่น หรือสิ่งสกปรก ที่มีขนาดเล็ก เคลื่อนไปตาม การไหลเวียน ของอากาศ ที่รวดเร็ว ก็อาจจะทำให้ มันสามารถ เคลื่อนไหวอ้อมเส้นใย ด่านแรก ๆ ไปได้ แต่ด้วยความหนาแน่น ของเส้นใย และแรงเฉื่อย สุดท้ายสิ่งสกปรก ขนาดเล็กเหล่านั้น ก็จะติดกับ ด้านข้างของเส้นใยในที่สุด 4. รูปแบบ การแพร่ (Diffusion) ใน เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) : ฝุ่น และสิ่งสกปรก ที่มีขนาดเล็กมาก (เช่น ที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน) มักจะมี เส้นทาง การเคลื่อนไหว ที่ไม่เป็นทิศ ไม่เป็นทาง ทำให้พวกมัน มีแนวโน้มที่จะ เคลื่อนไหวไปชนกับและติดกับเส้นใยด้วยตัวเอง การดูแลรักษา แผ่นกรองอากาศ HEPA Filter ใน เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) โดยปกติแล้ว แผ่นกรองอากาศ HEPA Filter ใน เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) จะมีอายุ การใช้งานประมาณ 4-5 ปี แต่ในความเป็นจริง ถ้าคุณ มีการใช้งาน มันเป็นประจำทุกวัน ก็ควรหมั่น ทำความสะอาด หรืออาจจะต้องเปลี่ยน ใหม่เพื่อประสิทธิภาพ ที่ดีที่สุด ในการทำความสะอาด เนื่องจาก ส่วนใหญ่แล้ว แผ่นกรองอากาศ HEPA Filter ใน เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) มักจะทำมาจาก วัสดุไฟเบอร์กลาส (Fibeglass) ดังนั้น มันจึงไม่สามารถ ทำความสะอาด ได้ด้วยการซักล้าง และใช้ผงซักฟอก หรือน้ำยาทำความสะอาด ต่าง ๆ เพราะมัน อาจจะทำลาย เส้นใย ของแผ่นกรองได้  แต่คุณสามารถ ทำความสะอาด ได้โดยการ ใช้แปรงปัดฝุ่น ที่อยู่ตามร่อง และเคาะเบา ๆ ให้ฝุ่น หลุดออกมาจากแผ่นกรอง ทั้งนี้ ถ้าคุณเห็นว่า แผ่นกรองอากาศ เริ่มดำ จนแทบจะไม่มีพื้นที่ ที่เป็นสีขาวแล้ว ก็ควรที่จะเปลี่ยน ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้ว คนส่วนใหญ่ มักจะเปลี่ยนทุก 1-2  ปี เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านของคุณจำเป็นต้องมี HEPA Filter หรือไม่ ? ในการตอบคำถามนี้ คุณอาจจะต้องเริ่ม หันไปมองรอบตัว ของคุณก่อนว่า คุณ หรือคนในครอบครัวของคุณ มีใครที่มีปัญหา เกี่ยวกับการหายใจ หรือไม่ เช่น อาจจะมีใคร ในครอบครัว ที่มีโรคประจำตัว เป็น โรคภูมิแพ้ หรือโรคหอบหืด ถ้ามี แน่นอนว่าคุณ ก็ควรที่จะมี เครื่องใช้ไฟฟ้าเช่น เครื่องดูดฝุ่น เครื่องปรับอากาศ หรือ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ที่มาพร้อมกับ แผ่นกรองอากาศ HEPA Filter เพื่อช่วยให้ อากาศ ภายในบ้านของคุณ ปลอดภัยกับคนในครอบครัว มากที่สุดนั่นเอง แต่ถึงคุณ หรือคนในครอบครัว จะไม่ได้มีโรคประจำตัว เกี่ยวกับทางเดินหายใจ การใช้ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) มันก็จะให้ประโยชน์เมื่อ คุณเลี้ยงสัตว์เลี้ยง (ที่มีขน) ไว้ในบ้าน มีสมาชิกในครอบครัวสูบบุหรี่เป็นประจำ คุณอาศัยอยู่ในบริเวณที่มีละอองเกสรดอกไม้เยอะ หรือในบ้านของคุณ เต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ ที่กักเก็บฝุ่นและสิ่งสกปรก เช่น พรม เป็นต้น สุดท้ายแล้ว คำตอบของคำถามนี้ ก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วว่า คุณจะให้ความสำคัญ กับสิ่งที่ได้กล่าวไปด้านบน เพื่อคุณภาพชีวิต และการเป็นอยู่ที่ดี ของคนในบ้าน มากน้อยแค่ไหนค่ะ ซื้อ, ติด, เครื่อง, ฟอก, อากาศ, กรอง, แมนเนเจอร์, airpurifier, air purifier, เครื่องฟอกอากาศ, sharp, xiaomi, เครื่องกรองอากาศ, ราคา, ยี่ห้อไหนดี, บ้าน, กรองอากาศ, ไส้กรอง, ฝุ่นละออง, pm2.5, air pollution