ผู้เขียน หัวข้อ: ข้อมูลสุขภาพ: เยื่อตาขาวอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial conjunctivitis)  (อ่าน 55 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,395
  • พอยท์: 100
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
เยื่อตาขาวอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย พบได้บ่อยในคนทุกวัย ส่วนใหญ่ไม่มีอันตรายร้ายแรง และมักจะหายได้เองภายใน 10-14 วัน

สาเหตุ

เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น สเตรปโตค็อกคัส สแตฟีโลค็อกคัส สูโดโมแนส ฮีโมฟิลุส เป็นต้น ติดต่อโดยการสัมผัสถูกนิ้วมือ ผ้าเช็ดหน้า หรือผ้าเช็ดตัวที่ปนเปื้อนเชื้อ

บางครั้งอาจพบร่วมกับโรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน เช่น ไข้หวัด คออักเสบ

นอกจากนี้ผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ที่ทำความสะอาดไม่ถูกต้องอาจเกิดการติดเชื้อเป็นโรคนี้ได้


อาการ

มีอาการตาแดง หนังตาบวม มีขี้ตามาก มีลักษณะเป็นสีเหลืองหรือสีเขียว บางรายตื่นขึ้นมาตอนเช้าพบว่าตาติดกันจนลืมไม่ขึ้น ต้องใช้น้ำเช็ดออก ผู้ป่วยมักจะมีอาการอักเสบของตาทั้ง 2 ข้าง โดยเป็นที่ตาข้างหนึ่งก่อนแล้วจึงลามมาอีกข้างหนึ่ง

ส่วนมากจะไม่มีอาการปวดตา หรือเคืองตามาก ไม่มีอาการคัน และต่อมน้ำเหลืองที่หน้าหูไม่โต

เยื่อตาขาวอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย
เยื่อตาขาวอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย
 

ภาวะแทรกซ้อน

หากได้รับการรักษา มักจะหายขาดภายใน 1-2 สัปดาห์

หากไม่ได้รับการรักษา เชื้อแบคทีเรียอาจลุกลามทำให้กระจกตาอักเสบหรือเป็นแผล


การวินิจฉัย
แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก ซึ่งมักตรวจพบอาการตาแดง หนังตาบวม มีขี้ตาสีเหลืองหรือเขียว

ในรายที่มีอาการรุนแรงหรือสงสัยติดเชื้อที่ร้ายแรง (เช่น เชื้อหนองใน ซึ่งส่วนใหญ่พบในทารกแรกเกิด) แพทย์อาจนำของเหลวที่ตา (น้ำตา ขี้ตา) ไปตรวจหาเชื้อ

ถ้าตรวจพบว่าเป็นตาอักเสบจากเชื้อหนองใน ดูโรคตาอักเสบจากเชื้อหนองใน


การรักษาโดยแพทย์
แพทย์จะใช้ยาป้ายตาหรือยาหยอดตาที่เข้ายาปฏิชีวนะทุก 2-4 ชั่วโมง และก่อนนอนควรใช้ชนิดขี้ผึ้งป้ายตาที่เข้ายาปฏิชีวนะ เพื่อป้องกันมิให้ตาติดกันตอนตื่นนอน ก่อนใช้ยาทุกครั้ง ควรใช้น้ำสุกเช็ดขี้ตาออก

ถ้าหนังตาบวมมาก จะให้กินยาปฏิชีวนะ เช่น ไดคล็อกซาซิลลิน หรืออีริโทรไมซิน ถ้าปวดมากให้ยาแก้ปวด

ส่วนมากอาการจะดีขึ้นภายใน 2-3 วัน ควรให้ยาต่อสัก 5-7 วัน

ผลการรักษา มักจะหายขาดภายใน 1-2 สัปดาห์


การดูแลตนเอง
หากมีอาการปวดตา เคืองตา ตาแดง ขี้ตาแฉะ หนังตาบวม ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นเยื่อตาขาวอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    งดใช้คอนแทคเลนส์จนกว่าจะหายดี
    หลีกเลี่ยงการซื้อยาหยอดตามาใช้เอง เพราะอาจมีตัวยาที่ไม่ปลอดภัยหรือทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลาใน 2-3 วัน
    มีอาการตาแดง ตาแฉะ หรือปวดตามากขึ้น หรือมีสายตาพร่ามัว
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

    หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่เป็นโรคตาแดง ตาอักเสบ
    หลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของเครื่องใช้ (เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว คอนแทคเลนส์ แว่นตา เป็นต้น) ร่วมกับผู้ที่เป็นโรคตาแดง ตาอักเสบ
    หมั่นล้างมือด้วยน้ำกับสบู่บ่อย ๆ หรือชโลมมือด้วยเจลแอลกอฮอล์บ่อย ๆ
    ระวังอย่าเผลอใช้มือขยี้ตา

ข้อแนะนำ

1. ถ้าพบอาการตาอักเสบในทารกแรกเกิด ควรนึกถึงตาอักเสบจากเชื้อหนองในไว้เสมอ

2. เยื่อตาขาวอักเสบ (มีอาการตาแดง ตาแฉะ เคืองตา คันตา) อาจมีสาเหตุจากเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และจากการแพ้ ควรแยกให้ออกจากกัน เพราะการรักษาต่างกัน (ตรวจอาการ "เคืองตา/คันตา/ตาแฉะ/ตาแดง (Red Eye)" ประกอบ)

ถ้ามีการระบาด มักเกิดจากไวรัส



ข้อมูลสุขภาพ: เยื่อตาขาวอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial conjunctivitis) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/expert-scoops