ผลดี 8 อย่างที่ลูกจะได้หากชื่นชมอ่านหนังสือมาดูในรายละเอียดกันว่า ประโยชน์ของ “การอ่าน” ที่ไม่ใช่เพียงการ “อ่านออก” เพียงนั้นเป็นประโยชน์ของการ “ชื่นชอบอ่าน” และ “อ่านได้มากพอ” จนเป็นกิจวัตร นั้นคืออะไร ซึ่งหมอเชื่อว่าถ้าคุณพ่อคุณแม่ได้รู้ ก็จะได้คำตอบว่า การส่งเสชายให้ลูกหลานให้อ่านนั้น จำเป็นเพียงไหน
- กระตุ้นอาชีวะของสมอง
ในเวลาเพียงช่วงสั้น ๆ ที่เด็กอ่านคำ 1 คำ สมองของเด็กจะถูกกระตุ้นให้ทำงานหลายบริเวณ ทั้งส่วนที่ทำหน้าที่รับภาพ แปลตัวอักษรให้เป็นหน่วยเสียง ถอดรหัสตัวสะกด ดำเนินงานนที่จะเข้าสู่วิธีการตีความ.. ถือว่าการอ่านหนังสือเพียงนั้นละคำ เฉพาะละประโยคนั้น กระตุ้นการทำมาหากินของเซลล์ประสาทในสมองไปในแคว้นกว้าง
จากการศึกษาการทำงานของสมองที่ลอดมา นักวิจัยพบว่า สมองของ “คนที่ได้ทำความเข้าใจการอ่าน” จะมีรูปแบบการทำมาหากินด้วยกันมีส่วนประกอบของสมองบางส่วนแหวกแนวออกไปจากคนที่ไม่รู้หนังสือ หรือไม่แน่อาจถือได้ว่า “การอ่าน” มีส่วนในการเปลี่ยนแปลงแปลงทั้งภารกิจและโครงสร้างของสมอง ด้วยกัน “สร้างสมอง” ที่พร้อมต่อการทำความรู้ การเตรียมสมองนี้สำคัญมากในเด็กกะทัดรัด (ภายใน 10 ปีแรก) เนื่องมาจากสมองของเด็กยังอยู่ในระหว่างการเจริญเติบโต พร้อมด้วยเพิ่มไม่ทันเวลาใยประสาทเชื่อมระหว่างเซลล์ ซึ่งถ้าเซลล์ประสาทเหล่านั้นไม่ได้ถูกใช้ในช่วงเวลาที่เข้ารูป สมองก็ไม่แน่อาจจะสูญเสียการการเชื่อมต่อสื่อสารระหว่างเซลล์นั้น ๆ ไปได้ (Neural pruning)
- พัฒนาความศักยทางภาษา
ยิ่งไปว่านั้นการอ่านหนังสือจะช่วยเพิ่มจำนวน “คำศัพท์” ในคลังสมองของเด็กให้มากขึ้นแล้ว การอ่านยังเป็นผลดีต่อการใช้ภาษาในด้านอื่น ๆ ทั้งในด้าน “การพูด” ด้วยกัน “การเขียน” ของเด็กด้วยซ้ำ เนื่องจากเมื่อเด็กได้อ่านหนังสือบ่อย ๆ ความรู้จักมักจะจี่กับคำศัพท์พร้อมด้วยภาษาในหนังสือก็จะส่งอิทธิพลต่อการใช้ภาษาของตัวเด็กเอง กับนำไปสู่การใช้ภาษาที่คล่องแคล่วด้วยกันสละสลวยมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่างยิ่ง ในการศึกษาภาษาที่สองหรือภาษาต่างประเทศ หนังสือจะมีส่วนสำคัญอย่างมากที่จะเอาใจช่วยให้เด็กชินหูชินตากับภาษาพร้อมด้วยทำความเข้าใจการใช้ภาษาที่สองในบรรซับซ้อนาศสนุกสนาน
- สร้างความจำที่ดี
การอ่านเหตุการณ์ราวต่าง ๆ ในอ่านหนังสือ นั้นมองเหมือนกับว่าจะมีเรื่องให้ต้องจำโขนักไปหมด ไหนจะตัวละคร ไหนจะฉาก แถมบางเวลาเนื้อความก็แสนจะซับซ้อน เฉพาะด้วยความอัศจรรย์ของสมอง เด็กที่สนุกกับการอ่านก็กลับจำข่าวคราวมากมายเหล่านั้นได้ลอดการเชื่อมโยงข่าวสารพร้อมกับต่อยอดความจำไปเรื่อย ๆ ซึ่งก็คงจะจะเป็นเนื่องด้วยกรรมวิธีที่ได้ฝึกบ่อย ๆ นี่ก็เป็นได้ ที่ผ่านมา มีงานวิจัยหลายฉบับเล่าผลการศึกษาที่น่าสนใจว่า การอ่านหนังสือส่งผลดีต่อความจำ พร้อมกับการอ่านหนังสือโดยปกติอย่างไม่ขาดไม่ทันเวลาตั้งแต่วัยเยาว์จะช่วยเหลือถนอมความจำในเวลาที่เข้าสู่วัยชรา เอาใจช่วยทำเอานักอ่านมีความจำถดถอยน้อยกว่าคนทั่วๆ ไป พร้อมด้วยเป็นเหตุปัจจัยปกป้องมีใจษาการเกิดอาการของโรคสมองเสื่อม หรือโรคอัลไซเมอร์ได้
- เป็นแหล่งศึกษาพร้อมด้วยจุดประกายองค์ความรู้วิเคราะห์
โดยธรรมชาติของคนนั้น เราเรียนรู้ไอเท็มต่าง ๆ จากความรอบรู้ที่พบเจอ ขนาดนั้นเมื่ออยู่ในโลกที่แสนกว้างใหญ่นี้ “เด็กตัวน้อย ๆ จะออกไปทำความรอบรู้ยังไงไหว” โชคดีที่เรามีหนังสือทำหน้าที่ย่อโลกลงมากะทันหัน้ในฝ่ามือ พร้อมทั้งนำเด็กไปสู่ความจัดเจนที่หลากหลายในหน้ากระดาษ ให้เด็กได้หัดคิดวิเคราะห์ เมื่อต้องเจอกับสถานการณ์หรือปัญหาต่าง ๆ ซึ่งเด็กจะได้ลองผิดลองถูกไปในโลกขององค์ความรู้ ด้วยเรียบเรียงเกี่ยวเอาหลักใหญ่เรียนพร้อมทั้งแง่คิดกลับมาใช้ผลประโยชน์ในโลกความเป็นจริง ความคิดของเด็กจะแตกออกไปอีก ถ้าผู้ปกครองหาจังหวะชวนเด็กร่วมพูดคุย อภิปรายถึงเหตุการณ์ราวและแง่คิดที่เด็กศึกษามาจากในหนังสือ และจูงใจให้เด็กได้สนุกกับการสืบค้นคว้าหาแหล่งศึกษาใหม่ ๆ อยู่เสมอ
- เพิ่มพลังจินตนาการ
หนึ่งในเสน่ห์พิเศษที่ทำให้นักอ่านหลงชอบพอ “หนังสือ” ก็คือ หนังสือจะพานักอ่านเข้าสู่โลกแห่งจินตภาพ (การคิดเป็นภาพ) ที่แตกต่างกันไปตามภูมิปัญญาฝันของแค่นั้นละคน จินตนาการของเด็กจึงถูกปลุกให้โลดแล่นไปอย่างอิสระข้ามการร้อยเรียงของตัวหนังสือ
- รู้จักที่จะมองในมุมของคนอื่น
ความรู้ในชิ้นส่วนพร้อมกับความรู้สึกของบุคคลอื่น (ซึ่งคงจะคิดเห็นหรือรู้สึกไม่ตรงกับเรา) เป็นความเจริญด้านจิตใจที่สำคัญพร้อมด้วยเป็นความชำนาญที่จำเป็นต่อการอยู่ร่วมกับคนในสังคม ขณะที่ได้อ่านนั้น เด็กจะได้สัมผัสทำความเข้าใจความคิดพร้อมด้วยจิตใจของตัวละครต่าง ๆ ที่คงจะมีมุมมองความเห็นผิดแผกแตกต่างไปจากตน ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการศึกษาระบุว่าการอ่านหนังสือจะเอาใจช่วยให้เด็กละเอียดอ่อนกับความรู้สึกพร้อมกับต้องการของคนอื่น พร้อมกับรู้จัก “ใจเขาใจเรา” มากขึ้น
- ผ่อนคลายความตึงเครียด
หลายคนไม่แน่อาจมองว่าการอ่านหนังสือเป็นกิจกรรมที่ต้องใช้องค์ความรู้เลยไม่นึกอยุ่งยากหยิบหนังสือมาเป็นอุปกรณ์คลายเครียด แค่นั้นที่แท้แล้ว เคยมีการศึกษาโดย Consultancy Mindlab International ใน มหาวิทยาลัยซูสเซสพบรวดเร็ว้ว่า การอ่านหนังสือนี่แหละเป็นกิจกรรมที่ใช้ลดระวางวายความเครียด (ซึ่งวัดจากความตึงกล้ามเนื้อกับอัแบรนด์การเต้นของเกศใจ) ที่ได้ผลดียิ่งกว่าการฟังเสียงเพลง จิบชา เดินเล่น หรือเล่นเกมคอมพิวเตอร์เสียอีก เหตุเพราะหนังสือจะช่วยเหลือให้ผู้อ่านได้พักพิงอยู่กับเรื่องราวในหน้ากระดาษ พักหลบมุมออกจากความเครียดในโลกจริงๆ แล้ว กับการอ่านหนังสือดี ๆ ดำเนินงานนนอนสักเล่ม ก็จะสนับสนุนให้จิตใจสงบและหลับฉลุย
- ช่วยสานสัมพันธภาพ
ผู้ปกครองบางคนอาจจะจะกังวลว่า เด็กที่เป็นหนอนหนังสือคงจะจะกลายเป็นเด็กรวบรวมตัว ไม่สนใจจะสร้างปฏิสัมพันธ์อะไรกับใคร.. เนื่องจากมองในมุมว่าการอ่านนั้นเป็นกิจกรรมที่ทำคนเดียวได้..แค่นั้นความเป็นจริงแล้ว หากเรานำ “การอ่านหนังสือ” มาใช้ให้ถูกทาง กิจกรรมนี้จะเป็นสื่อสร้างสัมพันธภาพระหว่างบุคคลได้เป็นอย่ายับยั้งี
การอ่านหนังสือให้เด็กฟัง ชวนเด็กมาอ่านหนังสือด้วยกัน หรือทั้งๆที่อย่างเดียวชวนเด็กพูดคุยถึงเรื่องที่ได้ทำความรู้มาจากหนังสือ เหล่านี้ล้วนเป็นเหตุให้เด็กด้วยกันผู้ใหญ่ได้แบ่งปันเรื่องราวราวกัน ได้รู้ว่าต่างคนต่างคิดเช่นไร รู้สึกเช่นไร เกิดความเข้าอกเข้าใจกันอย่างเป็นธรรมชาติ กับบ่อยครั้งเด็กๆ ก็มักจะจะกล่าวถึงเหตุการณ์ ภูมิปัญญา ความรู้สึกสุข ทุกข์อึดอัดคับข้องใจที่เกิดขึ้นอยู่กับเขาในชีวิตทุกเมื่อเชื่อวัน จากการพูดคุยเรื่องราวในหนังสือนี่เอง กับการใช้เวลาพูดคุยร่วมกันในครอบครัว (quality time) นี้ ก็จะนำไปสู่บรรลำบากาศในบ้านที่อบอุ่นกับเป็นสุข
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : หนังสือเด็ก
Tags : หนังสือเด็ก,หนังสือสำหรับเด็ก