18 วิธีรักษาหลุมสิว ! หน้าเป็นหลุมสิวเอายังไงดี ??
ฝ้า กระ, รอยสิว, หลุมสิว
หลุมสิว ถือว่าเป็นปัญหากวนประสาทของผู้ที่ปลดปล่อยให้สิวอักเสบมันแพร่กระจายกระทั่งรับประทานพื้นที่ลึกลงไปถึงเนื้อใน ถึงขนาดทำให้รายละเอียดยกระทั่งแปลงเป็นหลุมเป็นบ่อ ส่วนบางบุคคลก็พลาดหนักอีกทั้ง คือบากบั่นบีบสิวอย่างผิดวิธีจนทำให้สิวอุดตันปกติแปลงเป็นสิวอักเสบ พร้อมด้วยไปกระตุ้นสิวนั้นให้ร้ายแรงหนักกว่าเดิม ถ้าจะบอกว่ารอยสิวมันเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากตัวคุณเองก็คงไม่ผิดนัก
เพราะว่าข้อเท็จจริงแล้วทางปกป้องที่เหมาะสมที่สุด คือ การพยายามปกป้องไม่ให้ตัวเองมีสิวอักเสบ หรือถ้าหากเป็นและจำเป็นต้องรีบหาทางปฏิบัติเพื่อทำให้สิวอักเสบยุบเร็วขึ้นโดยไม่เหลือร่องรอยเอาไว้ แม้กระนั้นถ้าเกิดเราเจอกันช้าไป จนถึงคุณพลาดไปมีหลุมสิวอยู่บนบริเวณใบหน้าแล้ว ก็ช่างเถอะ ค่อยๆแก้ไขกันต่อไป ถึงแม้เราจะไม่อาจจะทำให้ผิวเติมเต็มหลุมได้เหมือนเดิม 100% แม้กระนั้นพวกเราก็สามารถทำให้เซลล์เยื่อใหม่ฟื้นฟูและเติมเต็มหลุมได้ถึง 70-80%
ระดับความรุนแรงของหลุมสิว
ระดับ Ice pick scar (ระดับรุนแรงที่สุด) รอยสิวระดับนี้จะเป็นหลุมลึก มีปากแคบ รักษาได้ยากมากมาย เพราะว่าแนวหลุมเป็นไปในทางลึก กว่าผิวจะฟื้นฟูจนกระทั่งเต็มอาจจะจำต้องใช้เวลานานสำหรับเพื่อการรักษา ซึ่งหลุมระดับนี้ใช้ยาทาก็มักจะเอาไม่อยู่ แต่ว่าทำเป็นแค่ช่วยทำให้รอยมันตื้นขึ้นมาเท่านั้น
หลุมสิวระดับรุนแรง
ระดับ Box scar (ระดับรุนแรงปานกลาง) หลุมสิวระดับนี้จะมีลักษณะเป็นบ่อ มีขอบชัดแจ้งและก็มีขอบเขตกว้างกว่าระดับ Ice pick scar แต่จะมีความตื้นมากกว่า เนื่องจากว่ามันจะกินความลึกเพียงแค่ชั้นผิวเพียงแค่นั้น มิได้กินไปจนกระทั่งชั้นรูขุมขน รอยสิวระดับนี้ เราสามารถใช้ยาใช้ภายนอกพร้อมกันไปกับวิธีการทำทรีตเมนต์ได้ ซึ่งรอยหลุมอาจจะทิ้งร่องรอยจุดด่างดำอยู่บ้าง แต่ถ้าคุณตั้งใจดูแลแล้วก็รักษาให้ดี ก็ค่อนจะให้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจข้างหลังการดูแลและรักษา
หลุมสิวระดับร้ายแรงปานกลาง
ระดับ Rolling scar (ระดับทั่วไป) รอยสิวระดับนี้จะมีลักษณะเป็นหลุมสิวแบบตื้นๆเป็นแอ่งเว้าลงไป กินพื้นที่เพียงแค่ส่วนบนของผิวเพียงเล็กน้อย ซึ่งหลุมระดับนี้มักจะเกิดขึ้นจากการแกะเกาสิวที่อยู่ในระดับที่ไม่ลึกมากนัก รวมทั้งกระทำการรักษาได้ง่ายยิ่งกว่าระดับอื่นๆคุณสามารถใช้ยาใช้ภายนอกในการเติมเต็มเนื้อผิวได้
หลุมสิวระดับทั่วๆไป

ฝ้า กระ, รอยสิว, หลุมสิว
แนวทางรักษาหลุมสิว
การดูแลรักษา
รอยสิวบนบริเวณใบหน้า จะถูกแบ่งออกเป็น 3 แบบใหญ่ๆคือ การดูแลและรักษาด้วยการทายา (เป็นการรักษารอยหลุมตื้นๆซึ่งชอบเป็นรอยหลุมระดับทั่วไป (Rolling scar) ยาที่นำมาใช้ทำให้ผิวตื้นขึ้นก็จะมีหลายประเภทร่วมกัน), การรักษาด้วยการกินยา (เป็นยาที่สกัดจากอนุพันธ์ของวิตามินเอ หรือ RETINOIDS) แล้วก็ การรักษาด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ (เป็นการรักษาที่เหมาะกับผู้ที่มีหลุมสิวขนาดใหญ่มหึมาจนถึงยาทาและก็ยารับประทานก็ช่วยไม่ไหว หรือพูดได้ว่าเป็นหลุมลึกแบบ Ice pick scar แล้วก็ Box scar ซึ่งเป็นการรักษาภายใต้การดูแลของหมอผู้ที่มีความชำนาญ ร่วมกับการป้ายยาและครีมบำรุงร่วมด้วย) ซึ่งการรักษาแต่ละแบบบางทีอาจถูกประยุกต์ใช้ในเรื่องที่มีหลุมลึก หรืออาจใช้ด้วยกันบ้างเล็กน้อย ดังนี้ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่ว่าที่สำคัญที่สุดก็คือการเลือกสถานที่เสริมความสวยสดงดงาม คุณจะต้องมั่นในว่าสถานที่ที่คุณเลือกนั้นใช้ขั้นตอนการที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา การันตี และมีการให้บริการโดยหมอผู้ชำนาญจริงๆถ้าหากยังไม่แน่ใจก็ลองค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตหรือใน pantip มองก็ได้ เผื่อได้ข้อมูลอะไรดีๆประกอบการตกลงใจของคุณ มาดูกันเลยว่ามีแนวทางไหนบ้าง
แต้มกรด TCA การใช้กรด TCA เพื่อช่วยรีบผิวใหม่ให้มีการแบ่งตัวเร็วขึ้น มันก็เลยช่วยปรับรอยหลุมเบาๆตื้นขึ้น หากพวกเราทำอาทิตย์ละครั้งจะมีระยะเวลาได้ผลโดยประมาณ 3-6 เดือน ซึ่งการทานั้นจะเป็นการแต้มเฉพาะรอยหลุมที่เป็นเพียงแค่นั้น เนื่องจากกรด TCA จะมีผลให้ผิวเป็นสะเก็ดดำๆถ้าหากหัวใจไม่แข็งจริง คุณอาจถอดใจได้อย่างไม่ยากเย็นเลย การลอกผิวด้วยกรดผลไม้ที่มีฤทธิ์เป็นกรด ไม่ว่าจะเป็น AHA, BHA, PHA เพื่อเป็นการช่วยปรับเซลล์ผิวหนังด้านบนหลุดออก และก็เกิดการปรับปรุงแก้ไขซ่อนแซมและทำให้หลุมสิวดูตื้นขึ้น
กรดวิตามินเอ สำหรับผู้ที่กลัวการเป็นสะเก็ดและไม่รีบร้อนสำหรับในการรักษา คุณสามารถใช้ยาทาอีกตัวที่ช่วยทำให้หลุมมองตื้นขึ้นมาได้ ซึ่งก็คือ "กรดวิตามินเอ" โดยนำมาทาบนรอยหลุมเพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน แล้วก็ยังสามารถทาได้บ่อยกว่ากรด TCA อีกด้วย เนื่องจากสามารถทาได้อาทิตย์ละ 2 ครั้ง ป้ายยาในกลุ่มอนุพันธ์ของวิตามินเอ เป็นต้นว่า Retin A เพื่อเป็นการช่วยกระตุ้นให้เกิดการผลิตคอลลาเจนใต้ผิว ทาครีมลบรอยรอยแผล การทาครีมลบรอยแผลเป็นและก็ริ้วรอยที่มีส่วนผสมของวิตามินอี, AHA, BHA ก็สามารถช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใต้ผิวหนังได้เหมือนกัน
สรับประทานแคร์ต่างๆนอกเหนือจากตัวยาที่กล่าวมา สรับประทานสนใจที่มีส่วนผสมของวิตามินเอ วิตามินอี และก็ BHA ก็สามารถช่วยกระตุ้นเซลล์ผิวได้เหมือนกัน เพราะว่ามันจะสามารถช่วยปรับให้ผิวเนื้อเบาๆตื้นขึ้นจนเป็นที่น่าพอใจ
การรับประทานยาที่สกัดจากอนุพันธ์ของวิตามินเอ (RETINOIDS) ในกรณีนี้มักถูกประยุกต์ใช้ก็ต่อเมื่อคุณมีปัญหาอื่นๆร่วมด้วย เป็นต้นว่า ปัญหาสิว ด้วยเหตุว่ายาที่ถูกประยุกต์ใช้มักจะเป็นยาในกรุ๊ปของกรดวิตามินเอ อย่าง Roaccutance, Acnotin, Isotretinoin ซึ่งยาในกลุ่มนี้สามารถช่วยกระตุ้นคอลลาเจนให้สร้างผิวใหม่เพื่อช่วยเติมเต็มรอยหลุม แล้วก็ยังช่วยควบคุมความมันได้อีกด้วย แม้กระนั้นเนื่องจากยาประเภทนี้เป็นยาใช้ภายนอกนที่มีผลต่อไขมันทั่วร่างกาย ระหว่างใช้อาจทำให้ตาแห้ง ผิวแห้ง ปากแห้งได้ โดยเหตุนั้นการใช้ยาในกลุ่มนี้ก็เลยควรต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ อย่าไปซื้อมากินเอง เนื่องจากจะเกิดโทษต่อร่างกายของคุณได้ นอกเหนือจากนี้ การกินวิตามินซีก็อาจจะช่วยได้บ้างในกรณีรอยสิวยังไม่เป็นพังผืด แม้กระนั้นทั้งนี้ทั้งนั้นวิธีแบบนี้ก็ไม่สามารถมุ่งมาดผลสำหรับในการรักษาได้นะครับ ก็แค่เป็นตัวช่วยเสริมแค่นั้น
Skin Needing คือ การดูแลรักษาแบบที่ใช้เข็มที่มีขนาดเล็กมากจิ้มลงไปในผิวเพื่อผ่านตัวยาเข้าไปในผิว จึงทำให้ผิวสร้างเนื้อสร้างตัวแล้วก็ฟื้นฟูตนเองได้เร็วขึ้น หลุมก็เลยเต็มไวขึ้น ซึ่งการดูแลรักษาอย่างงี้ในสมัยก่อนนั้นจะใช้แนวทาง Dermaroller ซึ่งมิได้รับการยืนยันจาก อย. เนื่องด้วยการดูแลความสะอาดของเครื่องไม้เครื่องมือเป็นไปได้ยาก หลังๆมาจึงมีการเปลี่ยนแปลงมาใช้เครื่องไม้เครื่องมือชนิดอัตโนมัติที่มีการดำเนินการคล้ายคลึงกันแทน อย่าง Dermpoint แล้วก็ Tri-m (รูปนี้เป็นรูปก่อนรวมทั้งหลังทำ Dermaroller ขอรับ)
ทำ dermaroller
วิธีการทำ Subcision (เลาะพังผืดใต้
หลุมสิว) แนวทางลักษณะนี้หมอจะใช้เข็มลักษณะพิเศษที่มีคุณลักษณะสำหรับเพื่อการตัดผิวหนังที่เรียกว่า เข็ม Nokor โดยหมอจะสอดเข็มลงไปใต้ผิวหนังเพื่อกระทำการตัดพังผืดใต้ผิวหนัง แล้วทำการเซาะครั้งละหลุมๆเบาๆทำไปจนทั่วใบหน้า หลังวิธีการทำจะมีแผลแต่ละรอยเข็มที่ทำ ผิวหนังที่โดนเซาะจะมีเลือดออกแล้วก็อาจม่วงบอบช้ำอยู่ราว 1-2 อาทิตย์ ต่อไปรอยสิวก็จะตื้นขึ้น แม้กระนั้นวิธีแบบนี้อาจมีผลกระทบทำให้มีการเกิดการรับเชื้อใต้ผิวหนัง เกิดเป็นแผลใหม่ รวมทั้งแปลงเป็นรอยแผลนูนจากการดูแลและรักษา ก็เลยไม่ค่อยได้รับความนิยมมากสักเท่าไรนักด้วยเหตุว่าผลที่เกิดบางทีอาจไม่คุ้มกับความเจ็บปวดตัว
Subcision
ฉีดฟิลเลอร์เพิ่มหลุมสิว เป็นอีกแนวทางที่เหมาะกับการดูแลและรักษารอยสิวระดับทั่วๆไปในระดับตื้นถึงลึกปานกลาง ฟิลเลอร์ (Filler) นั้นเป็นชื่อที่ใช้เรียกแทน "สารเติมเต็ม" โดยสารที่นิยมนำมาใช้กันมากก็คือ ไฮยาลูรอนิก เอสิด (Hyaluronic Acid) เพราะเหตุว่าจะมีผลให้เกิดอาการแพ้ได้น้อยกว่าคอลลาเจน ส่วนใหญ่แล้วการรักษาด้วยแนวทางนี้จะค่อนข้างสำเร็จประมาณ 30-70% อย่างยิ่งจริงๆ เพราะว่ามันเป็นการฉีดสารเข้าไปเพื่อเติมเต็มรอยหลุมในทันทีทันใด ไม่จำเป็นที่จะต้องคอยให้ร่างกายสร้างเนื้อขึ้นมาเอง แต่ว่าการฉีด 1 ครั้งจะอยู่ได้ราว 6 เดือน - 1 ปี เพราะเหตุว่ามันเป็นสารที่สามารถเสื่อมสลายไปได้เอง (แบบชั่วคราวจะมีความปลอดภัยกว่าแบบถาวร)
กรอผิวด้วยเกล็ดเพชรนิลจินดา (Microdermabrasion - MD) การกรอผิวด้วยเกล็ดอัญมณี เป็นอีกแนวทางที่ช่วยทำให้หลุมตื้นๆเต็มได้ไวขึ้น การดูแลและรักษาไม่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดแผลอะไร แต่จำเป็นต้องทำบ่อยมาก และก็ผลที่เกิดอาจไม่ค่อยทันใจเท่าไรนัก เหมาะสำหรับหลุมสิวชนิดระดับ Rolling scar และก็ Box scar
กรอผิวด้วยเกร็ดอัญมณี
การใช้คลื่นวิทยุ (Radiofrequency - RF) เป็นการส่งพลังงานเข้าไปกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน วัสดุที่ใช้ก็มีหลายแบบด้วยกันครับผม เช่นเครื่อง E-matrix ที่มีคุณประโยชน์ในด้านการชูกระชับใบหน้าด้วย ส่วนตัวรู้สึกว่า ในตอนนี้เครื่องนี้สามารถให้ผลสำหรับเพื่อการรักษาหลุมสิวได้มากที่สุด หรือราว 70-80% หากทำราวๆ 3-5 ครั้งขึ้นไป ทั้งยังส่งผลใกล้กันน้อย แม้กระนั้นที่สำคัญคือราคาทำค่อนข้างจะแพง ส่วน RF แบบอื่นๆก็มีอีกมากมายครับผม ก็แค่ผมมีความคิดเห็นว่าตัวนี้คงจะรักษารอยสิวก้าวหน้าที่สุด (รูปนี้เป็นรูปก่อนแล้วก็ข้างหลังทำด้วยเครื่อง E-matrix ขอรับ)
E-matrix
วิธีการทำ IPL สามารถใช้ได้ดีกับรอยสิวระดับทั่วไป (Rolling scar) หากใช้ประโยชน์กับหลุมสิวแบบอื่นบางทีอาจเห็นผลช้ามากมายหรือแทบจะไม่เห็นผลเลย โดย IPL จะเป็นการใช้คลื่นแสงสว่างที่มีความเข้มข้นเพื่อเข้าไปกระตุ้นคอลลาเจน โดยระยะของแสงต้องมีการปรับให้เหมาะสมกับภาวะปัญหาผิวเพียงแค่นั้น หากว่าการปรับนี้ทำโดยผู้ไม่มีความช่ำชองโดยตรง การรักษาก็บางครั้งอาจจะไม่เป็นผลหรืออาจจะส่งผลให้หน้าไหม้ได้
เลเซอร์หลุมสิว เป็นอีกวิธียอดนิยมมาก ซึ่งกระบวนการทำเลเซอร์นั้นสามารถทำให้คอลลาเจนใต้ผิวถูกกระตุ้นให้ก่อร่างสร้างตัวเยอะขึ้นเรื่อยๆเพื่อช่วยปรับปรุงแก้ไขซ่อนแซมส่วนที่สึกกร่อน ตัวอย่างเช่น เลเซอร์ Yag เป็นอีกวิธีที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าและมีประสิทธิภาพดีมากยิ่งกว่าแนวทางการทำ IPL กระบวนการทำเลเซอร์อย่างนี้อาจจะทำให้เจ็บและก็มีสะเก็ดแผลเกิดขึ้นได้ เพราะฉะนั้นเวลาทำก็เลยจำต้องทายาชาช่วย ถ้าหากเลือกจะทำแนวทางแบบนี้ คุณควรงดออกมาจากบ้านโดยประมาณ 1 สัปดาห์ รวมทั้งถนอมผิวหน้าไม่ให้พบแดด แล้วผิวหน้าของคุณก็จะเรียบเนียนขึ้นอย่างที่ตั้งดวงใจไว้
เลเซอร์ Fractional CO2 เป็นอีกเลเซอร์ที่ได้ผลดี มีความรุนแรงมาก เป็นตัวช่วยทำให้มีการกระตุ้นการผลิตเซลล์ผิวใหม่ ผลของเลเซอร์ประเภทนี้สามารถตัดพังผืดแบบแนวตั้งได้ดี แม้กระนั้นก็ทำลายผิวชั้นบนไปมากเหมือนกัน พูดได้ว่า จุดเด่นข้อเสียเสมอกัน คนที่คิดจะทำเลที่ตั้งเซอร์ประเภทนี้จำต้องทำใจไว้เลยว่า หน้าจะเยินไปเป็นเดือนสองเดือน ก็เลยใช้เวลาพักฟื้นช้านาน ก่อนที่จะผิวจะเบาๆเริ่มก่อร่างสร้างตัวขึ้นใหม่อย่างธรรมชาติ แม้กระนั้นก็ได้ผลดีในการรักษาหลุมสิวเกือบจะๆ70%
http://freckles-skin.com/ฝ้า กระ, รอยสิว, หลุมสิว
Tags : รอยสิว