ผู้เขียน หัวข้อ: ไม่เหมือนกันระหว่างข้าวหอมมะลิ 105 รวมทั้ง หอมมะลิ กข 15  (อ่าน 98 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ spammer

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 139,825
  • พอยท์: 100
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
ไม่เหมือนกันระหว่างข้าวหอมมะลิ 105 แล้วก็ หอมมะลิ กข 15

ข้าวหอมมะลิ เป็นสายพันธุ์ข้าวที่มีถิ่นเกิดในไทยมีลักษณะกลิ่นหอมหวนเหมือนใบเตยเป็นชนิดข้าวที่ปลูกได้คุณภาพดีที่สุดในไทยถ้าเทียบกับการปลูกเอาไว้ในประเทศอื่นๆรวมทั้งเป็นจำพวกข้าวที่ทำให้ข้าวไทยเป็นสินค้าส่งออกที่รู้จักไปทั้งโลก

เมื่อปี พ.ศ. 2497 นายเสนาะ สีหเนิน พนักงานข้าว จังหวัดฉะเชิงเทราได้เก็บรวบรวมพันธุ์ข้าวหอมในเขตอำเภอบางคล้า ได้ปริมาณ 199 รวงแล้ว ดร.ครุย บุณยราชสีห์ (ผู้อำนวยการกองบำรุงประเภทข้าวเวลานี้) ได้ส่งไปปลูกคัดจำพวกบริสุทธิ์และก็เปรียบเทียบจำพวกที่สถานีทดลองข้าวโคกสำโรง (ในตอนนี้เป็นสถานีข้าวลพบุรี) ปฏิบัติการคัดประเภทโดยนักวิชาการเกษตรชื่อนายมังกร จูมทอง ภายใต้การดูและของนายโอภาส พลศิลป์ หัวหน้าสถานีทดลองข้าวโคกสำโรงจนกว่าปี พุทธศักราช 2502 ได้พันธุ์บริสุทธิ์ข้าวขาวดอกมะลิ 4-2-105105 (หมายเลข 4 เป็นอำเภอที่เก็บมาอำเภอบางคล้า ลำดับที่ 2 ซึ่งก็คือชื่อพันธุ์ข้าวที่เก็บในอำเภอนั้น เป็น จำพวกหอมมะลิ และ เลขลำดับ 105 เป็น ตำแหน่งรวงข้าวของจำพวกหอมมะลิที่เก็บในที่นั้น รวงที่ 105) และก็คณะกรรมการพินิจพิเคราะห์ประเภทข้าวได้อนุมัติให้เป็นประเภทเกื้อหนุนแก่เกษตรกร เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2502 โดยเกษตรกรทั่วไปเรียกว่า “ขาวดอกมะลิ 105 ต่อมาได้มีการปรับปรุงชนิดข้าว ขาวดอกมะลิ 105 จนได้ข้าวประเภท กข 15 ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ประกาศให้ ข้าวทั้งยัง 2 พันธุ์เป็นข้าวหอมมะลิไทย

ลักษณะเจาะจงของกลิ่นหอมมะลิ

ความหอมของข้าวหอมมะลิ มีต้นเหตุที่เกิดจากสารระเหยชื่อ 2-acetyl-1-pyroline ซึ่งเป็นสารที่ระเหยหายไปได้
การรักษาความหอมของข้าวหอมมะลิให้ดำรงอยู่นานนั้นจำเป็นจะต้องเก็บข้าวไว้ในที่เย็น อุณหภูมิราว 15 องศาเซลเซียส เก็บข้าวเปลือกที่มีความชื้นต่ำ 14-15% ลดความชื้นข้าวเปลือกที่อุณหภูมิไม่สูงเกินไป นักการเกษตรกรบางท่านบอกว่า การใช้ปุ๋ยโปแตสเซียมสำหรับในการปลูกมีลัษณะทิศทางช่วยทำให้ข้าวมีกลิ่นหอมยวนใจมากขึ้นเรื่อยๆ (ยังไม่มีข้อมูลการันตี)

ข้าวขาวดอกมะลิ 105 เป็นข้าวไวแสง

ข้าวไวต่อช่วงแสงสว่าง คือ ข้าวที่จะออกรวงเมื่อแสงอาทิตย์น้อยลงจากระยะเวลาปกติ ซึ่งคนจำนวนไม่น้อยอาจสงสัยแล้วทำไมจำเป็นต้องปลูก ในเมื่อมันควบคุมยากที่จำเป็นต้องปลูกข้าวไวแสงสว่างด้วยเหตุว่าข้าวหลายสายพันธุ์ที่มีคุณสมบัติเด่นๆ
มันเป็นข้าวที่ถูกควบคุมด้วยยีน หรือพันธุกรรมที่ตกค้างมาจากประเภทป่า หรือประเภทดั้งเดิมที่เกิดขึ้นจากการปรับตัวตามธรรมชาติ เพื่อให้ดำรงเผ่าพันธุ์ตนเองไว้ได้ ตัวอย่างเช่น ข้าวขาวดอกมะลิ 105 และข้าวกข15 ซึ่งเป็นข้าวที่มีคุณลักษณะ นุ่มหอม และเป็นที่เรียกร้องของตลาดแสงตะวันธรรมดาที่ส่องถึงผิวโลกของเมืองไทยพวกเราคิดคำนวณที่ 12 ชั่วโมง ส่วนข้าวไวต่อช่วงแสงเป็นข้าวที่จะมีดอกเมื่อโดนแสงน้อยกว่า 12 ชั่วโมง โดยข้าวไวต่อตอนแสงสว่างมี 2 แบบ ข้าวไวน้อยต่อช่วงแสงสว่าง จะออกดอกเมื่อความยาวกลางวันราวๆ 11 ชั่วโมง 40-50 นาที และก็ข้าวไวมากมายต่อตอนแสง จะออกดอกเมื่อความยาวช่วงกลางวันโดยประมาณ 11 ชั่วโมง 10-20 นาที

ฉะนั้นเมื่อเลือกปลูกข้าวประเภทที่ไวต่อช่วงแสงไม่ว่าจะเริ่มปลูกเมื่อไรก็ตาม เมื่อถึงช่วงหน้าหนาวของเมืองไทย ซึ่งเป็นตอนที่ตอนกลางวันสั้นกว่าช่วงเวลากลางคืน ข้าวก็จะออกดอกทันที ก็เลยเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดคำว่า “ปลูกวันแม่ เกี่ยววันพ่อ”(12 สิงหาคม – 5 เดือนธันวาคม) เพราะว่าชนิดข้าวที่เราปลูก คือ ข้าวขาวดอกมะลิ 105 และก็ข้าว กข15 ซึ่งเป็นข้าวหนักแก่การเก็บเกี่ยว มากยิ่งกว่า 120 วัน ถ้าหากเราปลูกเร็วเกินความจำเป็นก็จำต้องเสียค่าใช้จ่ายสำหรับการดูแลเพิ่มขึ้น
ถ้าเกิดปลูกช้าเหลือเกิน ข้าวก็จะไม่สามารถสะสมของกินได้เต็มที่ก่อนออกรวง ทำให้ผลิตผลลดน้อยลงนั่นเอง

ลักษณะของสายพันธุ์

– นิยมนำมาปลูกในฤดูนาปี จะมีกลิ่นหอมมาก เมื่อเจอภาวการณ์น้ำแห้งรวมทั้งอากาศเย็น
– เป็นข้าวที่ไวต่อช่วงแสงสว่าง เป็นข้าวหนัก คุณภาพดี
– เก็บเกี่ยวได้โดยประมาณกลางเดือน พ.ย. อายุจนถึงเก็บเกี่ยวราว 120 วัน
– ผลผลิตประมาณ 363 กกต่อไร่ (แต่ถ้าดูแลดีก็ได้ผลผลิตสูงขึ้นกว่านี้ได้)
– ทนต่อภาวะดินเค็ม ดินเปรี้ยว ความแล้ง ได้ดี
– พื้นที่แนะนำสำหรับการปลูก ภาคอิสานและเหนือตอนบน
– ปริมาณ อะมิโลสต่ำเป็นประมาณ 12-17% (ยิ่งมีค่าต่ำมากแค่ไหน ยิ่งมีความหอมมากมาย)

จุดเด่น
– มีกลิ่นหอมยวนใจ นุ่ม อร่อย แม้ตอนข้าวสวยและก็เย็น ถ้าเกิดเก็บเป็นข้าวเปลือก
– เมือเอามาสีเป็นข้าวสารก็ยังคงความนุ่มหอมไว้ได้

หอมมะลิ จำพวก กข 15 (ที่เรียกว่า หอมมะลิ ได้จากการแก้ไขประเภทโดยการใช้รังสีโน้มน้าวให้เกิดการกลายพันธุ์ ของข้าวหอมมะลิ 105) ยืนยันสายพันธุ์เมื่อ ตอนวันที่ 28 ม.ย. 2521

รูปแบบของสายพันธุ์
– นิยมปลูกในฤดูนาปี จะมีกลิ่นหอมหวนมาก เมื่อพบภาวการณ์น้ำแห้งแล้วก็เย็น แต่เป็นข้าวชนิดค่อยได้ผลผลิตได้มาก
– จะสุกรวมทั้งสามารถเกี่ยวได้ก่อนข้าวหอมมะลิ 105 โดยประมาณ 20 วัน
– -ผลผลิต ราว 560 กิโลกรัมต่อไร่
– ทนแล้งแล้วก็ดินเค็ม ดินเปรี้ยว ก้าวหน้า
– ปลูกเอาไว้ในพื้นที่ภาคอิสาน
– จำนวนอมิโลส 14-17 % (ยิ่งมีค่าต่ำเยอะแค่ไหน ยิ่งมีความหอมมาก)

จุดเด่น
– มีกลิ่นหอมยวนใจ นุ่ม เหมือนข้าวหอมมะลิ 105 แต่ว่ากลิ่นจะหอมน้อยกว่า เพราะการแก้ไขสายพันธุ์

ข้าวหอมสัตตบุษย์ ชื่อเรียก กข31(จังหวัดปทุมธานี 80) รับรองสายพันธุ์ ตอนวันที่ 6 เดือนมีนาคม 2550

รูปแบบของสายพันธุ์
– เป็นข้าวเจ้าไม่ไวต่อช่วงแสง เม็ดสั้น เป็นข้าวนาปรังอายุเก็บเกี่ยวแน่นอนราว 110 วัน
– ผลิตผลเฉลี่ย 738 กิโลกรัมต่อไร่ (นาหว่านน้ำตม)
– จำนวนอมิโลสสูง (27.3 – 29.8 %)
– มีกลิ่นหอมยวนใจและก็นุ่มเวลาหุงเสร็จใหม่ๆแม้กระนั้นจะหยาบเมื่ออาหารมื้อเย็นตัวลง

Tags : ข้าวหอมมะลิ 105