ผู้เขียน หัวข้อ: ไม่เหมือนกันระหว่างข้าวหอมมะลิ 105 รวมทั้ง หอมมะลิ กข 15  (อ่าน 68 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ spammer

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 139,825
  • พอยท์: 100
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
ความแตกต่างระหว่างข้าวหอมมะลิ 105 แล้วก็ หอมมะลิ กข 15

ข้าวหอมมะลิ เป็นสายพันธุ์ข้าวที่มีถิ่นเกิดในไทยมีลักษณะกลิ่นหอมเหมือนใบเตยเป็นพันธุ์ข้าวที่ปลูกได้คุณภาพดีที่สุดในไทยหากเทียบกับการปลูกในประเทศอื่นๆรวมทั้งเป็นพันธุ์ข้าวที่ทำให้ข้าวไทยเป็นสินค้าส่งออกที่รู้จักไปทั่วทั้งโลก

เมื่อปี พ.ศ. 2497 นายเพราะ สีหเนิน บุคลากรข้าว จังหวัดฉะเชิงเทราได้เก็บรวบรวมพันธุ์ข้าวหอมในเขตอำเภอบางคล้า ได้จำนวน 199 รวงแล้ว ดร.ชุดครุย บุณยสิงห์ (ผู้อำนวยการกองบำรุงจำพวกข้าวขณะนั้น) ได้ส่งไปปลูกคัดจำพวกบริสุทธิ์แล้วก็เปรียบเทียบจำพวกที่สถานีทดสอบข้าวโคกสำโรง (ขณะนี้เป็นสถานีข้าวจังหวัดลพบุรี) ทำงานคัดประเภทโดยนักวิชาการเกษตรชื่อนายมังกร จูมทอง ภายใต้การดูและของนายโอภาส พลศิลป์ หัวหน้าสถานีทดลองข้าวโคกสำโรงจวบจนกระทั่งปี พุทธศักราช 2502 ได้ชนิดบริสุทธิ์ข้าวขาวดอกมะลิ 4-2-105105 (หมายเลข 4 หมายความว่าอำเภอที่เก็บมาอำเภอบางคล้า เลขลำดับ 2 หมายคือชื่อพันธุ์ข้าวที่เก็บในอำเภอนั้น เป็น ประเภทหอมมะลิ แล้วก็ ลำดับที่ 105 คือ ตำแหน่งรวงข้าวของชนิดหอมมะลิที่เก็บในที่นั้น รวงที่ 105) และก็คณะกรรมการพิเคราะห์ประเภทข้าวได้อนุมัติให้เป็นพันธุ์เกื้อหนุนแก่เกษตรกร ตอนวันที่ 25 พ.ย. พ.ศ. 2502 โดยเกษตรกรทั่วไปเรียกว่า “ขาวดอกมะลิ 105 ต่อมาได้มีการปรับปรุงแก้ไขจำพวกข้าว ขาวดอกมะลิ 105 จนได้ข้าวพันธุ์ กข 15 ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ประกาศให้ ข้าวทั้งยัง 2 จำพวกเป็นข้าวหอมมะลิไทย

ลักษณะเฉพาะของกลิ่นหอมยวนใจมะลิ

ความหอมของข้าวหอมมะลิ มีเหตุมาจากสารระเหยชื่อ 2-acetyl-1-pyroline ซึ่งเป็นสารที่ระเหยหายไปได้
การดูแลและรักษาความหอมของข้าวหอมมะลิให้ดำรงอยู่นานนั้นจึงควรเก็บข้าวเอาไว้ภายในที่เย็น อุณหภูมิราวๆ 15 องศาเซลเซียส เก็บข้าวเปลือกที่มีความชุ่มชื้นต่ำ 14-15% ลดความชื้นข้าวเปลือกที่อุณหภูมิไม่สูงเกินความจำเป็น นักการเกษตรกรบางท่านกล่าวว่า การใช้ปุ๋ยโปตัสเซียมสำหรับเพื่อการปลูกมีแนวโน้มช่วยทำให้ข้าวมีกลิ่นหอมหวนมากขึ้นเรื่อยๆ (ยังไม่มีข้อมูลการันตี)

ข้าวขาวดอกมะลิ 105 เป็นข้าวไวแสงสว่าง

ข้าวไวต่อช่วงแสงสว่าง เป็น ข้าวที่จะออกรวงเมื่อแสงตะวันลดน้อยลงจากช่วงเวลาธรรมดา ซึ่งหลายคนอาจสงสัยแล้วเพราะอะไรจำเป็นต้องปลูก ในเมื่อมันควบคุมยากที่จำเป็นต้องปลูกข้าวไวแสงเพราะว่าข้าวหลายสายพันธุ์ที่มีคุณลักษณะเด่นๆ
มันเป็นข้าวที่ถูกควบคุมด้วยยีน หรือพันธุกรรมที่ตกค้างมาจากจำพวกป่า หรือจำพวกดั้งเดิมที่เกิดขึ้นจากการปรับตัวตามธรรมชาติ เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ตนเองไว้ได้ อาทิเช่น ข้าวขาวดอกมะลิ 105 แล้วก็ข้าวกข15 ซึ่งเป็นข้าวที่มีคุณลักษณะ นุ่มหอม รวมทั้งเป็นที่เรียกร้องของตลาดแสงตะวันปกติที่ส่องถึงพื้นผิวโลกของเมืองไทยเราคิดคำนวณที่ 12 ชั่วโมง ส่วนข้าวไวต่อตอนแสงคือข้าวที่จะมีดอกเมื่อโดนแสงน้อยกว่า 12 ชั่วโมง โดยข้าวไวต่อตอนแสงสว่างมี 2 แบบ ข้าวไวน้อยต่อตอนแสงสว่าง จะมีดอกเมื่อความยาวตอนกลางวันประมาณ 11 ชั่วโมง 40-50 นาที รวมทั้งข้าวไวมากมายต่อตอนแสงสว่าง จะมีดอกเมื่อความยาวช่วงกลางวันราว 11 ชั่วโมง 10-20 นาที

ด้วยเหตุนั้นเมื่อเลือกปลูกข้าวประเภทที่ไวต่อตอนแสงไม่ว่าจะเริ่มปลูกเมื่อใดก็ตาม เมื่อถึงตอนฤดูหนาวของเมืองไทย ซึ่งเป็นช่วงๆที่ตอนกลางวันสั้นกว่าช่วงเวลากลางคืน ข้าวก็จะมีดอกโดยทันที จึงเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดคำว่า “ปลูกวันแม่ เกี่ยววันบิดา”(12 สิงหาคม – 5 เดือนธันวาคม) เนื่องจากว่าประเภทข้าวที่เราปลูก คือ ข้าวขาวดอกมะลิ 105 และก็ข้าว กข15 ซึ่งเป็นข้าวหนักมีอายุการเก็บเกี่ยว มากกว่า 120 วัน ถ้าเราปลูกเร็วเหลือเกินก็จะต้องเสียค่าใช้จ่ายสำหรับการดูแลเพิ่มขึ้น
หากปลูกช้าเหลือเกิน ข้าวก็จะไม่สามารถที่จะสะสมของกินได้เต็มกำลังก่อนออกรวง ทำให้ผลิตผลลดน้อยลงนั่นเอง

รูปแบบของสายพันธุ์

– นิยมนำมาปลูกในช่วงฤดูนาปี จะมีกลิ่นหอมหวนมากมาย เมื่อเจอภาวการณ์น้ำแห้งแล้วก็อากาศเย็น
– เป็นข้าวที่ไวต่อช่วงแสงสว่าง เป็นข้าวหนัก คุณภาพดี
– เก็บเกี่ยวได้ประมาณช่วงเวลากลางเดือน พ.ย. อายุจนเก็บเกี่ยวโดยประมาณ 120 วัน
– ผลผลิตราวๆ 363 กกต่อไร่ (แต่ว่าถ้าเกิดดูแลดีก็ได้ผลิตผลสูงขึ้นกว่านี้ได้)
– ทนต่อสภาพดินเค็ม ดินกรด ความแล้ง ได้ดิบได้ดี
– พื้นที่แนะนำสำหรับในการปลูก ภาคอิสานและเหนือตอนบน
– จำนวน อะมิโลสต่ำคือประมาณ 12-17% (ยิ่งมีค่าต่ำเยอะแค่ไหน ยิ่งมีความหอมมาก)

ข้อเด่น
– มีกลิ่นหอม นุ่ม อร่อย ถึงแม้ตอนข้าวสุกและก็เย็น ถ้าเกิดเก็บเป็นข้าวเปลือก
– เมือนำมาสีเป็นข้าวสารก็ยังคงความนิ่มหอมไว้ได้

หอมมะลิ ชนิด กข 15 (ที่เรียกว่า หอมมะลิ ได้จากการแก้ไขชนิดโดยการใช้รังสีชักจูงให้เกิดการกลายพันธุ์ ของข้าวหอมมะลิ 105) ยืนยันสายพันธุ์เมื่อ เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2521

ลักษณะของสายพันธุ์
– นิยมปลูกในฤดูนาปี จะมีกลิ่นหอมมาก เมื่อเจอภาวการณ์น้ำแห้งและเย็น แต่เป็นข้าวประเภทค่อยให้ผลผลิตได้มาก
– จะสุกแล้วก็สามารถเกี่ยวได้ก่อนข้าวหอมมะลิ 105 โดยประมาณ 20 วัน
– -ผลิตผล โดยประมาณ 560 กก.ต่อไร่
– ทนแล้งและก็ดินเค็ม ดินเปรี้ยว ได้ดี
– ปลูกลงในพื้นที่ภาคอิสาน
– ปริมาณอมิโลส 14-17 % (ยิ่งมีค่าต่ำเท่าไร ยิ่งมีความหอมมากมาย)

จุดเด่น
– มีกลิ่นหอมยวนใจ นุ่ม เหมือนข้าวหอมมะลิ 105 แต่กลิ่นจะหอมน้อยกว่า เนื่องมาจากการแก้ไขสายพันธุ์

ข้าวหอมปทุม ชื่อเรียก กข31(จังหวัดปทุมธานี 80) รับรองสายพันธุ์ ช่วงวันที่ 6 มีนาคม 2550

ลักษณะของสายพันธุ์
– เป็นข้าวเจ้าไม่ไวต่อตอนแสง เม็ดสั้น เป็นข้าวนาปรังอายุเก็บเกี่ยวแน่ๆราว 110 วัน
– ผลิตผลเฉลี่ย 738 กก.ต่อไร่ (นาหว่านน้ำโคลนตม)
– ปริมาณอมิโลสสูง (27.3 – 29.8 %)
– มีกลิ่นหอมยวนใจแล้วก็นุ่มเวลาหุงเสร็จใหม่ๆแต่ว่าจะกระด้างเมื่ออาหารเย็นตัวลง
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ข้าวหอมมะลิ ราคา

Tags : ข้าวหอมมะลิ,ข้าวหอมมะลิ 105,ข้าวหอมมะลิ ราคา