ความไม่เหมือนระหว่างข้าวหอมมะลิ 105 แล้วก็ หอมมะลิ กข 15 ข้าวหอมมะลิ เป็นสายพันธุ์ข้าวที่มีถิ่นเกิดในไทยมีลักษณะกลิ่นหอมยวนใจเหมือนใบเตยเป็นชนิดข้าวที่ปลูกได้คุณภาพดีที่สุดในไทยถ้าหากเทียบกับการปลูกไว้ในประเทศอื่นๆและก็เป็นพันธุ์ข้าวที่ทำให้ข้าวไทยเป็นสินค้าส่งออกที่รู้จักไปทั่วทั้งโลก
เมื่อปี พ.ศ. 2497 นายเสนาะ สีหเนิน พนักงานข้าว จังหวัดฉะเชิงเทราได้เก็บรวบรวมจำพวกข้าวหอมในเขตอำเภอบางคล้า ได้ปริมาณ 199 รวงแล้ว ดร.ชุดครุย บุณยสิงห์ (ผู้อำนวยการกองบำรุงประเภทข้าวในขณะนั้น) ได้ส่งไปปลูกคัดพันธุ์บริสุทธิ์และก็เทียบพันธุ์ที่สถานีทดลองข้าวโคกสำโรง (ตอนนี้เป็นสถานีข้าวลพบุรี) ดำเนินการคัดเลือกประเภทโดยนักวิชาการเกษตรชื่อนายมังกร จูมทอง ภายใต้การดูและของนายโอภาส พลศิลป หัวหน้าสถานีทดลองข้าวโคกสำโรงตราบจนกระทั่งปี พ.ศ. 2502 ได้จำพวกบริสุทธิ์ข้าวขาวดอกมะลิ 4-2-105105 (เลข 4 หมายถึงอำเภอที่เก็บมาอำเภอบางคล้า เลข 2 คือชื่อพันธุ์ข้าวที่เก็บในอำเภอนั้น คือ พันธุ์หอมมะลิ และ หมายเลข 105 คือ ตำแหน่งรวงข้าวของชนิดหอมมะลิที่เก็บในที่นั้น รวงที่ 105) รวมทั้งคณะกรรมการพินิจประเภทข้าวได้อนุมัติให้เป็นพันธุ์เกื้อหนุนแก่เกษตรกร เมื่อวันที่ 25 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2502 โดยเกษตรกรทั่วไปเรียกว่า “ขาวดอกมะลิ 105 ต่อมาได้มีการแก้ไขจำพวกข้าว ขาวดอกมะลิ 105 จนได้ข้าวจำพวก กข 15 ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ประกาศให้ ข้าวทั้งยัง 2 จำพวกเป็นข้าวหอมมะลิไทย
ลักษณะจำเพาะของกลิ่นหอมหวนมะลิ ความหอมของข้าวหอมมะลิ มีต้นเหตุจากสารระเหยชื่อ 2-acetyl-1-pyroline ซึ่งเป็นสารที่ระเหยหายไปได้
การดูแลรักษาความหอมของข้าวหอมมะลิให้คงอยู่นานนั้นจึงควรเก็บข้าวเอาไว้ภายในที่เย็น อุณหภูมิประมาณ 15 องศาเซลเซียส เก็บข้าวเปลือกที่มีความชื้นต่ำ 14-15% ลดความชุ่มชื้นข้าวเปลือกที่อุณหภูมิไม่สูงเกินไป นักการเกษตรกรบางท่านพูดว่า การใช้ปุ๋ยโปแตสเซียมสำหรับในการปลูกมีแนวโน้มช่วยทำให้ข้าวมีกลิ่นหอมยวนใจเยอะขึ้นเรื่อยๆ (ยังไม่มีข้อมูลยืนยัน)
ข้าวขาวดอกมะลิ 105 เป็นข้าวไวแสงสว่าง ข้าวไวต่อตอนแสงสว่าง คือ ข้าวที่จะออกรวงเมื่อแสงตะวันลดลงจากระยะเวลาปกติ ซึ่งหลายๆคนบางทีอาจสงสัยแล้วเพราะอะไรจำต้องปลูก ในเมื่อมันควบคุมยากที่จำต้องปลูกข้าวไวแสงสว่างเนื่องจากข้าวหลายสายพันธุ์ที่มีคุณลักษณะเด่นๆ
มันเป็นข้าวที่ถูกควบคุมด้วยยีน หรือกรรมพันธุ์ที่ตกค้างมาจากประเภทป่า หรือจำพวกดั้งเดิมที่เกิดจากการปรับตัวตามธรรมชาติ เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ตนเองไว้ได้ ยกตัวอย่างเช่น ข้าวขาวดอกมะลิ 105 แล้วก็ข้าวกข15 ซึ่งเป็นข้าวที่มีคุณลักษณะ นุ่มหอม และเป็นที่ต้องการของตลาดแสงแดดธรรมดาที่ส่องถึงผิวโลกของประเทศไทยพวกเราคิดคำนวณที่ 12 ชั่วโมง ส่วนข้าวไวต่อตอนแสงเป็นข้าวที่จะออกดอกเมื่อโดนแสงน้อยกว่า 12 ชั่วโมง โดยข้าวไวต่อตอนแสงมี 2 แบบ ข้าวไวน้อยต่อตอนแสง จะมีดอกเมื่อความยาวช่วงกลางวันประมาณ 11 ชั่วโมง 40-50 นาที และก็ข้าวไวมากต่อช่วงแสง จะมีดอกเมื่อความยาวช่วงกลางวันราว 11 ชั่วโมง 10-20 นาที
ด้วยเหตุดังกล่าวเมื่อเลือกปลูกข้าวจำพวกที่ไวต่อช่วงแสงสว่างไม่ว่าจะเริ่มปลูกเมื่อไรก็ตาม เมื่อถึงตอนหน้าหนาวของประเทศไทย ซึ่งเป็นช่วงๆที่ตอนกลางวันสั้นกว่าช่วงกลางคืน ข้าวก็จะออกดอกทันที ก็เลยเป็นที่มาของคำว่า “ปลูกวันแม่ เกี่ยววันพ่อ”(12 สิงหาคม – 5 ธันวาคม) ด้วยเหตุว่าชนิดข้าวที่พวกเราปลูก เป็น ข้าวขาวดอกมะลิ 105 รวมทั้งข้าว กข15 ซึ่งเป็นข้าวหนักแก่การเก็บเกี่ยว มากยิ่งกว่า 120 วัน หากเราปลูกเร็วเกินความจำเป็นก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลมากขึ้น
แม้ปลูกช้าเหลือเกิน ข้าวก็จะไม่สามารถสะสมอาหารได้เต็มที่ก่อนออกรวง ทำให้ผลิตผลต่ำลงนั่นเอง
รูปแบบของสายพันธุ์ – นิยมปลูกในช่วงฤดูนาปี จะมีกลิ่นหอมสดชื่นมากมาย เมื่อพบภาวการณ์น้ำแห้งแล้วก็อากาศเย็น
– เป็นข้าวที่ไวต่อตอนแสงสว่าง เป็นข้าวหนัก คุณภาพดี
– เก็บเกี่ยวได้โดยประมาณตอนกลางเดือน พ.ย. อายุกระทั่งเก็บเกี่ยวราวๆ 120 วัน
– ผลผลิตราว 363 กกต่อไร่ (แต่ว่าถ้าดูแลดีก็ได้ผลผลิตสูงมากขึ้นกว่านี้ได้)
– ทนต่อสภาพดินเค็ม ดินกรด ความแล้ง เจริญ
– พื้นที่เสนอแนะสำหรับเพื่อการปลูก ภาคอิสานและก็เหนือตอนบน
– ปริมาณ อะไม่โลสต่ำคือประมาณ 12-17% (ยิ่งมีค่าต่ำเท่าไร ยิ่งมีความหอมมาก)
จุดเด่น– มีกลิ่นหอมสดชื่น นุ่ม อร่อย แม้ตอนข้าวสวยและเย็น หากเก็บเป็นข้าวเปลือก
– เมือเอามาสีเป็นข้าวสารก็ยังคงความอ่อนนุ่มหอมไว้ได้
หอมมะลิ ชนิด กข 15 (ที่เรียกว่า หอมมะลิ ได้จากการปรับปรุงแก้ไขพันธุ์โดยการใช้รังสีชักจูงให้เกิดการกลายพันธุ์ ของข้าวหอมมะลิ 105) รับประกันสายพันธุ์เมื่อ ช่วงวันที่ 28 เดือนเมษายน 2521
ลักษณะของสายพันธุ์– นิยมปลูกในช่วงฤดูนาปี จะมีกลิ่นหอมสดชื่นมากมาย เมื่อพบภาวการณ์น้ำแห้งและเย็น แม้กระนั้นเป็นข้าวประเภทเบาให้ผลผลิตได้มาก
– จะสุกแล้วก็สามารถเกี่ยวได้ก่อน
ข้าวหอมมะลิ 105 ประมาณ 20 วัน
– -ผลิตผล ราว 560 กก.ต่อไร่
– ทนแล้งและก็ดินเค็ม ดินเปรี้ยว ก้าวหน้า
– ปลูกภายในพื้นที่ภาคอิสาน
– ปริมาณอมิโลส 14-17 % (ยิ่งมีค่าต่ำเท่าใด ยิ่งมีความหอมมาก)
ข้อเด่น– มีกลิ่นหอมหวน นุ่ม เสมือนข้าวหอมมะลิ 105 แต่ว่ากลิ่นจะหอมน้อยกว่า เพราะว่าการปรับแก้สายพันธุ์
ข้าวหอมบัวก้าน ชื่อเรียก กข31(ปทุมธานี 80) รับประกันสายพันธุ์ ช่วงวันที่ 6 เดือนมีนาคม 2550
รูปแบบของสายพันธุ์– เป็นข้าวเจ้าไม่ไวต่อช่วงแสงสว่าง เม็ดสั้น เป็นข้าวนาปรังอายุเก็บเกี่ยวแน่นอนราว 110 วัน
– ผลผลิตเฉลี่ย 738 กก.ต่อไร่ (นาหว่านน้ำโคลนตม)
– ปริมาณอมิโลสสูง (27.3 – 29.8 %)
– มีกลิ่นหอมหวนและนุ่มเวลาหุงเสร็จใหม่ๆแม้กระนั้นจะหยาบเมื่ออาหารมื้อเย็นตัวลง
Tags : ข้าวหอมมะลิ ราคา