วันนี้ขอมุ่งเสนอ
ข่าวกาฬสินธุ์ เมื่อวันเสาร์ที่ 7 ได้รับแจ้ง เหตุเหล่าร้ายไม่ทราบจำนวนซ่อนเร้นตัดไม้พะยูงในวัดบ้านหนองแข้ จ.กาฬสินธุ์ โดยการขนย้ายไม้พะยูงที่ตัดเป็นท่อนไปส่วนแบ่ง 1 คันรถ จึงได้มีรายงานผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น ก่อนที่ออกตรวจที่เกิดเหตุ พร้อมชุดสายตรวจกลุ่มชน
ในที่เกิดเรื่อง ได้พบนายไพรวัลย์ นันทะแสง ผู้ใหญ่บ้านบ้านหนองแข้ มีการหนังสือเหตุการณ์และสำรวจความเสียหาย จากการที่ตรวจสอบ ไม้ที่ถูกตัดนั้นเป็นไม้พะยูงอายุประมาณกว่า 100 ปี โดยเป็นไม้พะยูงแฝด ซึ่งถูกคนร้ายตัดไป 1 กิ่ง ด้วยความยาวประมาณ 6.60 เมตร เป็นขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 50 ซม. จากการที่ตรวจทานถูกคนร้ายขนย้ายหนีไป 5 ท่อน
นางประภาศิริ ภูคงคา ได่บอกว่า คนธรรมดาที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุนั้น ในช่วงเกิดเหตุประมาณ 02.00 น. ทางหลวงพ่อซึ่งเป็นถึงเจ้าอาวาสวัด ได้ทำการโทรบอกเหตุมีคนร้ายประมาณ 10 คน พร้อมรถยนต์กระบะ 2 คัน ได้เข้ามาลักลอบตัดไม้พะยูงใกล้ประตูโขงและอยู่ใกล้หอระฆัง ซึ่งหลวงพ่อเห็นคนร้ายมากันหลายคน
อีกทั้งคนร้ายนั้นมีอาวุธยุทธภัณฑ์ด้วย ทำให้ไม่กล้าลงมาขับไล่ จึงได้โทรไปแจ้งเหตุเพื่อให้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับคนร้าย ตนจึงทำการโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ใหญ่บ้าน แต่ก็ไม่ทันการเพราะด้วยกลุ่มคนร้ายทำงานกันเป็นทีม แล้วใช้เวลาก่อการแค่เพียง 20 นาที ก็ขนย้ายท่อนไม้พะยูงหนีไปแล้วนั้นเอง
ทางผู้พิทักษ์สันติราษฎร์จึงได้เดินทางมาถึง และตรวจสอบที่เกิดเหตุ อย่างไรก็ตามอยากเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เร่งติดตามและจับร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว เพราะคดีลักลอบตัดไม้พะยูงเกิดขึ้นบ่อยครั้งมาก คนเดินดินต่างหวาดผวา โดยเชื่อว่าคนร้ายมีขีปนาวุธและกลัวจะเกิดเหตุซ้ำอีก
ทางด้านนายไพรวัลย์ นันทะแสง ผู้ใหญ่บ้านของบ้านหนองแข้ บอกว่าไม้พะยูงที่ถูกคนร้ายตัดไป มีอายุกว่า 100 ปี ถูกคนร้ายตัดและขนย้ายหนีประมาณ 5 ท่อน โชคดีที่ขณะไม้ล้ม ไม่ล้มทับหอระฆังที่อยู่ใกล้ๆได้รับความเสียหาย แต่พฤติการณ์ที่คนร้ายลักลอบเข้ามาตัดไม้พะยูงดังกล่าว เป็นการกระทำที่อุกอาจมาก เพราะเป็นวัดอยู่กลางหมู่บ้าน และไม่เกรงกลัวบาปกรรม
ทั้งนี้ คนร้ายพึ่งช่วงเวลากลางดึกก่อเหตุ และเป็นช่วงที่พระเณรกำลังจำวัตรหลับสนิท เนื่องจากเมื่อคืนนี้มีงานสวดอภิธรรมคนเสียชีวิต นอกจากนี้ยังอาจจะเป็นความเพลียสะสม เพราะช่วงนี้มีกิจนิมนต์ทั้งงานบุญงานบวชหลายวันหลายคืนติดต่อกัน คนร้ายจึงสบโอกาสก่อเหตุตัดไม้พะยูงดังกล่าวข้างต้น
แม้กระนั้น ในช่วงต่อไปนี้ก็จะมีการจัดเวรยามคอยเฝ้า เพื่อป้องกันไม่ให้คนร้ายหวนกลับมาลักลอบตัดไม้พะยูง ซึ่งเป็นสมบัติของวัดและของชุมชน
หลังจากเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้นิ่งนอนใจได้ประสานสายตรวจตำบล ผู้นำชุมชน ทั้งยังมีการติดตามคนร้ายจากกล้องวงจรปิด ตามจุด4 แยกและเส้นทางที่สมมติคนร้ายจะใช้เป็นเส้นทางหลบหนี
ทั้งเส้นทางที่จะตรงไปยัง อ.ท่าคันโท หรือสะพานเทพสุดา และ อ.ห้วยเม็ก ซึ่งมีทั้งถนนสายหลักและสายรองหลายสาย โดยขณะนี้กำลังดำเนินการติดตามอยู่