ผู้เขียน หัวข้อ: ความเป็นมาภูมิหลังข้าวของน้ำหอม (Perfume) ที่สำคัญ  (อ่าน 70 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ spammer

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 139,825
  • พอยท์: 100
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
ประวัติภูมิหลังเครื่องใช้น้ำหอม (Perfume) ที่ยิ่งใหญ่
      รู้มั้ยเหมา น้ำหอมที่ข้าพเจ้าชดใช้กันอยู่เวลานี้ มีประวัตินานถึง 4,000 ปี ไปหลักพยานทางตำนานที่ดินยังไม่ตายภาพจิตกรรมฝาผนังที่วิหารข้าวของเครื่องใช้พระราชินี Hatshepsut ประเทศ Thebes เมือง Egypt ซึ่งในภาพจะโชว์ให้เห็นว่าเหน้าชาวอียิปกำลังชโลมน้ำหอมลงบนขม่อมของตนเอง นั่นก็โชว์ให้เห็นว่า ได้มีการเริ่มใช้น้ำหอมในยุคนั้น พร้อมด้วยเราจะเปิดฉากเสนอเรื่องราวสิ่งน้ำหอมกันตั้งแต่แห่งสมัยตอนต้นๆกันเลยนะจ๋า

น้ำหอมในช่วงเวลาแรก (เวลาเมโสโปเตเมีย)
     น้ำหอมผู้หญิงในระยะเวลาแรกเริ่มเริ่มจากในคราวเมโสโปเตเมีย  ซึ่งในที่ระยะเวลาแต่เดิมนั้นคนที่จะใช้คืนน้ำหอมได้คือฟาร์โร พร้อมด้วยเหล่าหลวงพ่อที่จะนำน้ำหอมไปชำระคืนในการทำพิธีพลีกรรมขนาดนั้น ซึ่งจะกินการเผาให้บังเกิดกลิ่นอาย ได้แก่ การเผายางไม้ ขี้ผึ้ง หรือกาบต่าง ๆ และคำว่า "Perfume" คำนี้ก็มีรากศัพท์มาจากคำพูดละติน ที่แปลว่า "ควัน" จึงเป็นแหล่งที่มาของน้ำหอม นักบวชจะใช้ประโยชน์ในธรรมเนียมปฏิบัติการสังเวยต่าง ๆ ที่เป็นแบบอย่างของของแว่นแคว้น และนอกเหนือจากการใช้ในพิธีรีตอง ก็ยังมีการใช้พรหมทาที่สังขาร เคหสถาน ตูก หรือแม้แต่สัตว์เลี้ยง พร้อมทั้งราชินีแห่งอิยิปต์ที่มีพระนามว่า Hatshepsut   ทรงมีความชื่นชอบน้ำหอมมาก จึงส่งเสริมให้มีการสรรหาต้น กุสุมาลย์ที่มีกลิ่นหอม เพื่อนำมาบำเพ็ญหมายความว่าน้ำหอมกลิ่นอายต่าง ๆ ต่อจากนั้นเมื่อพระนาง Hatshepsut สวรรคต ชาวอียิปต์ก็ได้สร้างสวนดอกไม้พร้อมกับสร้างแผ่นหินจารึกปูรกรณ์ต่างๆ ไว้เพื่อที่จะเป็นการสดุดีอีกด้วย กับพระนางคลีโอพัตราก็ยังแจกทาน้ำหอมที่ใบเรือด้วยกันตัวเรือตลอดก่อนที่จะเที่ยวไปรับนักการเมืองชาวโรมัน เป็นเหตุให้เหล่าชาวโรมันที่รอการมาของพระนาง เชี่ยวชาญได้กลิ่นน้ำหอมจากเรือสำเภาที่ทรงนั่งมาแต่ก่อนที่จะเห็นตัวเรือสำเภาของพระนางด้วย   
น้ำหอมผู้หญิงคราวกลางๆ   

ในยุคนี้กรรมวิธีในการขัดขวางจะเบี่ยงเบนจากสมัยแรก ก็เพราะว่าชาวอาหรับจัดหามาทำการสร้างเคล็ดการกรองนํ้าหอมได้บรรลุผล พร้อมกับมีการกินแอลกอฮอร์มาเป็นตัวทำละลาย พร้อมกับน้ำหอมกลิ่นที่หนึ่งที่ได้ทำการยับยั้งคือกลิ่นไอดอกกุหลาบ และหลังจากนั้น นำ้หอมก็ได้เดินทางเข้าสู่ศตพรรษที่ 14 โดยการเข้าสู่ทวีปยุโรธ พร้อมด้วยคนชาติประถมที่ทางได้นำน้ำหอมเข้ายุโรปคือชาวฮังกาเรี่ยน ยอมคำสั่งของพระราชินี Elizabeth แห่งฮังการี่ จึงเรียกน้ำหอมกลิ่นนี้ว่า น้ำฮังการรี่ ซึ่งเป็นต้นฉบับสิ่งน้ำหอมในเวลาต่อ ๆ มา


          น้ำหอมช่วงเวลาเอี่ยม (ปัจจุบัน)   
 น้ำหอมได้ไปสู่กรรมวิธีผลิตแบบอุตสาหกรรมแบบอย่างเป็นจริงเป็นจังเมื่อศตวรรษที่ 19 และได้นำไปสู่วงการแฟชันอย่างสุดกำลัง เมื่อศักราช คศ. 1920  ก็เพราะว่ามีชาวรัสเซียที่ชื่อเรื่องว่า Ernest Beaux ซึ่งคือนักทำน้ำหอมตะเวนมาที่ปารีส พร้อมทั้งได้มุ่งเสนอน้ำหอมที่ตัวเองทำให้กับ Gabrielle Bonheur Chanel ซึ่งก็กลายเป็นมาเป็นแบรนด์ Chanel  ในยุคปัจจุบัน กับได้รับปฏิกิริยาเป็นเป็นอันดี พร้อมทั้งกลิ่นที่ขายดีพร้อมด้วยดังตกขอบ ลงความว่า Chanel NO.5 และตั้งแต่นั้นมา อุตสาหกรรมด้านน้ำหอมก็ได้เพิ่มพูนขึ้นอย่างทันใจ และมีใช้แพร่หลาย ในคนทุกตำแหน่ง ชั้นจนมาถึงช่วงปัจจุบัน

เครดิตบทความจาก : http://moopingpolice.com/index.php?topic=730191.new

Tags : น้ำหอมผู้หญิง,น้ำหอมผู้ชาย

 

{}Login to chat