เรียนรู้ทักษะการซื้อเครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ปี 2020 เครื่องฟอกอากาศ (
Air Purifier ) มีบทบาทบาง อย่างในการทำให้อากาศบริสุทธิ์ และผู้ที่มีเงื่อนไข หรือต้องการ แก้ปัญหา ที่เกี่ยวกับ มลพิษทางอากาศ สามารถซื้อ เพื่อฟอกอากาศที่บ้านได้ อย่างไรก็ตาม ควรให้ความสนใจกับการเลือกซื้อด้วย ว่าตรงกับจุดประสงค์ของคุณหรือไม่
เครื่องฟอกอากาศ (
Air Purifier ) บางชนิด ที่สามารถกำจัด ฟอร์มัลดีไฮด์ และ Pm 2.5 หรือแม้ กระทั้ง ไวรัสโคโรน่า ทำให้ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) จึงมีบทบาทในเวลานี้ ต่อไปนี้เป็นการแนะนำ ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ ผู้ที่มีความต้องการนี้ สามารถเรียนรู้ทักษะในการเลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ได้อย่างตรงจุด
1. ดูหน่วยงานตรวจสอบก่อนซื้อ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) เมื่อซื้อ
เครื่องฟอกอากาศ (
Air Purifier ) คุณควร ตรวจสอบก่อนว่า มีรายงาน การตรวจสอบ ที่ยืนยันโดยหน่วยงาน ตรวจสอบที่มีสิทธิ์ และตรวจสอบความถูกต้อง เกี่ยวกับการผลิต เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) และความถูกต้อง ของหน่วยงานการทดสอบ บนอินเทอร์เน็ตว่า หน่วยงานเหล่านั้น มีความน่าเชื่อถือหรือไม่
2. ความสามารถในการฟอกอากาศของ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) จากตรวจสอบของหน่วยงานที่ได้มาตรฐาน มาตรฐานที่ เลือกซื้อ
เครื่องฟอกอากาศ (
Air Purifier ) ในปัจจุบัน คือการดูค่า CADR ( อัตราส่วน ของปริมาณ อากาศที่สะอาด ) บริษัท ไม่สามารถทำ เครื่องหมาย CADR ได้โดยพลการ และจะต้องผ่านการทดสอบ อย่างเข้มงวด จากห้องปฏิบัติการ ที่กำหนดโดย AHAM หรือ Association of Home Appliance Manufacturers ( สมาคมผู้ผลิต เครื่องใช้ในครัวเรือน ของประเทศอเมริกา ) เพื่อให้ เข้าใกล้เคียง กับสถานการณ์จริง ในปัจจุบัน โดยมลพิษ ที่ใช้ในการทดสอบ
เครื่องฟอกอากาศ (
Air Purifier ) จะแบ่งออกเป็นสามประเภท คือ ควัน ฝุ่น และละอองเกสร AHAM หรือ Association of Home Appliance Manufacturers ( สมาคมผู้ผลิต เครื่องใช้ในครัวเรือน ของประเทศอเมริกา ) เชื่อว่าเครื่องที่มีค่า CADR 350 หรือมากกว่านั้นสามารถพิจารณาเลือกซื้อได้ เพราะสามารถ กรองฝุ่นละออง ได้อย่างยอดเยี่ยม ในขณะที่เครื่องที่มีค่า CADR 100 หรือน้อยกว่านั้นถือเป็นความล้มเหลวในการเลือกซื้อของผู้บริโภค ตามคำแนะนำของ AHAM
เครื่องฟอกอากาศ (
Air Purifier ) ที่ดี จะต้องสามารถ เปลี่ยนอากาศในห้อง อย่างน้อย 5 ครั้ง ภายในหนึ่งชั่วโมง เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ส่วนใหญ่ จะคำนวณ CADR นี้ ตามข้อกำหนด เนื่องจาก หน่วยของค่า CADR คือ ระบบภาษาอังกฤษ ก่อนอื่น ให้แปลงเป็นระบบเมตริก ก่อนตัวอย่างเช่น ค่า CADR ของ
เครื่องฟอกอากาศ (
Air Purifier ) คือ 375 ซึ่งแสดงว่า สามารถกรองอากาศได้ 375 ลูกบาศก์ฟุตต่อนาที ตัวเลขนี้ ถูกคูณด้วย 0.0283 แล้วคูณด้วย 60 เรารู้ว่า
เครื่องฟอกอากาศ (
Air Purifier ) เครื่องนี้ สามารถกรองอากาศ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือ 637 ลูกบาศก์เมตร ต่อชั่วโมง ตัวเลขนี้หารด้วย 5 แล้ว หารด้วยความสูงมาตรฐานของบ้านทั่วไป คือ 2.36 เมตร ผลที่ได้คือ 54 แสดงว่าเครื่องนี้เหมาะสำหรับห้องขนาด 54 ตารางเมตร เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ค่านี้คำนวณ จากคุณภาพอากาศ จากต่างประเทศ ในโซน อเมริกา และประเทศอื่น ในทวีปต่าง ๆ เช่น ประเทศไทย ก็จำเป็น ต้องทำการปรับเปลี่ยน ที่เหมาะสม ตามสถานการณ์มลพิษในภูมิภาค หากคุณพิจารณาว่า ค่า CADR ถูกวัด เมื่อเปิดเครื่อง ในระดับสูงสุด จะไม่ค่อยใช้ในเวลาปกติ ดังนั้น เครื่องประเภทนี้อาจเหมาะสำหรับ ห้องที่มีพื้นที่ ต่ำกว่า 40 ตารางเมตร ในพื้นที่ ที่มีมลพิษสูง AHAM หรือ Association of Home Appliance Manufacturers ( สมาคมผู้ผลิต เครื่องใช้ในครัวเรือน ของประเทศอเมริกา ) เสนอแนวคิด CADR เป็นครั้งแรกขีด จำกัดสูงสุด คือ 450 อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมลพิษทางอากาศที่ รุนแรงมากขึ้น ในบางประเทศ และภูมิภาค สิ่งนี้ทำให้ความต้องการ
เครื่องฟอกอากาศ (
Air Purifier ) สูงขึ้น ดังนั้นผู้ผลิตบางราย ได้ผลิต เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ที่มีค่า CADR สูงกว่า 450 มาก
3. ประเภท เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ที่เหมาะกับการใช้งานของคุณ มีหลายวิธี ในการทำให้อากาศบริสุทธิ์ และผลของการทำให้บริสุทธิ์ จะแตกต่างกัน
เครื่องฟอกอากาศ (
Air Purifier ) ชนิดต่าง ๆ มีข้อควรระวัง ที่แตกต่างกันเล็กน้อย ระหว่างกระบวนการซื้อและใช้ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier )
เครื่องฟอกอากาศ (
Air Purifier )
ประเภทตัวกรอง เครื่องฟอกอากาศ (
Air Purifier ) ประเภทนี้ ใช้วัสดุตัวกรอง ที่มีรูพรุน เพื่อดักจับ และรวบรวมอนุภาค ที่ลอยอยู่ในอากาศ โดยทั่วไป จะใช้แผ่นกรอง HEPA หรือที่เรา เรียกกันว่า แผ่นกรองคาร์บอน กับ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ประเภทตัวกรอง ซึ่งสามารถกรอง อนุภาคขนาดเล็ก และดูดซับ ก๊าซที่เป็นอันตราย เช่นฟอร์มัลดีไฮด์ เบนซินแอมโมเนีย และมีอายุการใช้งาน เพียงประมาณ 6 เดือน ขึ้นอยู่กับการใช้งาน ซึ่ง เฉลี่ย 6 ถึง 8 ชั่วโมงต่อวัน และต้องเปลี่ยนไส้กรอง ในปัจจุบันนี้
เครื่องฟอกอากาศ (
Air Purifier ) ส่วนใหญ่ ก็มีไฟแสดงสถานะ หาก เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ไม่ได้เปลี่ยนไส้กรอง เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) จะไม่สามารถทำงาน ได้อย่างที่ควรจะเป็น หรือไม่สามารถ กรองอากาศได้เต็มที่ ทำให้ภายในอาคาร ยังมีมลพิษในอากาศอยู่ได้ นอกจากนี้
เครื่องฟอกอากาศ (
Air Purifier ) ประเภทนี้ โดยทั่วไป จะมีหลายชั้น ของการกรองระวัง อย่าติดตั้งตัวกรอง ในสิ่งที่ตรงกันข้าม หรือ ใช้แผ่นกรองที่ผิดไป มิฉะนั้น จะส่งผลกระทบ ต่อผลการทำให้อากาศบริสุทธิ์ และลดอายุการใช้งานของ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier )
เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ประเภทไฟฟ้าสถิต เครื่องฟอกอากาศ (
Air Purifier ) ไฟฟ้าสถิต มีแรงดันไฟฟ้าสูง หลายพันโวลต์ ภายใน เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) สามารถประจุอนุภาค ผ่านไอออนไนซ์ แล้วดูดซับ เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ดังกล่าว โปรดตรวจสอบ ใบรับรอง การรับรอง ผลิตภัณฑ์ หรือรายงาน การตรวจสอบ ความสอดคล้อง ที่ออกโดยศูนย์ควบคุม และตรวจสอบ คุณภาพเครื่องใช้ เพื่อหลีกเลี่ยงอันตราย เนื่องจากคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ที่ไม่เหมาะสม
เครื่องฟอกอากาศ (
Air Purifier ) ประเภทนี้ เป็นแผ่นโลหะ ที่ค่อนข้างคม ซึ่งง่ายต่อการได้รับบาดเจ็บ หรือเกี่ยวบาดมือ ในระหว่าง การทำความสะอาด และไม่แนะนำ สำหรับผู้สูงอายุ
เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ประเภท photocatalyst เครื่องฟอกอากาศ (
Air Purifier ) ประเภท photocatalyst หรือ Photocatalytic Oxidation (PCO) เป็นการใช้รังสี อัลตราไวโอเล็ต ควบคู่กับแผ่น Titanium Dioxide (TiO2) ซึ่งกระบวนการนี้ จะทำให้เกิด Hydroxyl radical ซึ่งจะไปรวมตัวกับ แบคทีเรีย และเชื้อโรคในอากาศ แล้วเกิดการย่อยสลาย กลายเป็น คาร์บอนไดออกไซด์ และน้ำ เทคโนโลยีนี้ ได้รับการพิสูจน์ จากมหาวิทยาลัยชื่อดัง ในประเทศสหรัฐอเมริกา แล้วว่า สามารถฆ่าเชื้อโรค ได้เกือบ 100%
เครื่องฟอกอากาศ (
Air Purifier ) photocatalyst เป็นผลิตภัณฑ์ที่ สะดวกในการทำความสะอาด และบำรุงรักษา และสามารถใช้งานได้ กับคนวัยกลางคน และผู้สูงอายุ
เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ประเภทไอออนลบ เครื่องฟอกอากาศ (
Air Purifier ) ประเภทไอออนลบ นี้ในขณะที่อุปกรณ์ไอออนลบ สร้างประจุลบ มันจะผลิตโอโซน ในปริมาณที่แน่นอน หากความเข้มข้น ของโอโซนสูงเกินไป อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ดังนั้นเมื่อผู้บริโภคซื้อ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ที่มีฟังก์ชั่น ไอออนลบ พวกเขาจะต้องใส่ใจ กับความเข้มข้นของโอโซน ที่สร้างโดย
เครื่องฟอกอากาศ (
Air Purifier ) ซึ่งไม่ควรสูงเกินไป หนึ่งสิ่ง ที่สังเกตได้ คือกลิ่น ถ้ากลิ่นฉุนหนักมาก ก็หมายความว่า ความเข้มข้นของโอโซน อาจเกินมาตรฐาน อย่างที่สองคือ การตรวจสอบรายละเอียดใ นคู่มือการใช้งาน ถึงคุณสมบัติต่าง ๆ ถึง เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ประเภทนี้ ว่าผู้ที่ใช้งาน ที่มีประวัติแพ้ ควรพยายามหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวหรือไม่
เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ประเภทรังสีอัลตราไวโอเลต เครื่องฟอกอากาศ (
Air Purifier ) ประเภทรังสีอัลตราไวโอเลต จะมีการจับดักเชื้อโรค และฝุ่นนละออง หาก เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) มีการผลิต รังสีอุลตร้าไวโอเลต ที่มากเกินไป สามารถทำให้เกิดปฏิกิริยาโฟโตเคมี ซึ่งสามารถทำให้ เกิดการเปลี่ยนแปลง ในการทำงาน ของร่างกายมนุษย์ โดยเฉพาะกับผิวหนัง ดวงตารวมไปถึง ระบบภูมิคุ้มกัน ดังนั้นเมื่อซื้อ และใช้ผลิตภัณฑ์
เครื่องฟอกอากาศ (
Air Purifier ) ประเภทรังสีอัลตราไวโอเลต โปรดทราบว่า คุณจะต้องมีการตรวจสอบวิธีการใช้งานให้ดร ไม่ควรมีการรั่วไหล ของแสงอัลตราไวโอเลต จากบทความนี้ ก็ทำให้เราพอที่จะทราบ ถึงฟังก์ชั่น
เครื่องฟอกอากาศ (
Air Purifier ) ประเภทต่าง ๆ หรือเกี่ยวกับ ระบบการใช้งาน และประเภท เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ที่แตกต่างออกไป ซึ่งเป็นอีกส่วนหนึ่ง ในการตัดสินใจ ของผู้บริโภค ที่จะเลือกซื้อ ผลิตภัณฑ์
เครื่องฟอกอากาศ (
Air Purifier ) ที่ได้รับฟังก์ชั่นที่สอดคล้องตามความต้องการได้ ซื้อ, ติด, เครื่อง, ฟอก, อากาศ, กรอง, แมนเนเจอร์, airpurifier, air purifier, เครื่องฟอกอากาศ, sharp, xiaomi, เครื่องกรองอากาศ, ราคา, ยี่ห้อไหนดี, บ้าน, กรองอากาศ, ไส้กรอง, ฝุ่นละออง, pm2.5, air pollution