ผู้เขียน หัวข้อ: ทานให้เป็นยา คุณสมบัติ“กล้วย”ที่คนไม่ค่อยทราบ!  (อ่าน 87 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ spammer

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 139,825
  • พอยท์: 100
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
คนเน้ำมืองไทยกับต้นกล้วยเป็นความผูกพันมายาวนาน แม้นวันนี้เราจะใช้ใบตองกล้วยน้อยลง หรือเลิกใช้เชือกกล้วยไปแล้วก็ตาม แต่ประเพณีชีวิตคนไทยกับต้นกล้วยยังแยกกันไม่ได้ ไม่ว่าพิธีขึ้นบ้านเรือนใหม่ หรือขบวนแห่ขันหมากเสท้ายแต่งงานก็จะขาดต้นกล้วยทำไมได้ ไปจนถึงพระราชพิธีพระบรมศพก็แล้วก็มีการแทงหยวกกล้วยเป็นลวดลายประกอบพระเมรุ  ที่สำคัญคือเครื่องบายศรีใหญ่น้อยทั้งหลายหน่ใช้ในพิธีศักดิ์สิทธิ์ล้วนทำมาจากใบตองที่นำมารีเป็นกลีบเป็นกรวยงดงาม

อันเป็นที่มาเครื่องใช้คำสำคัญที่ผูกพันชีวิตคนเน้ำมืองไทยกับต้นกล้วยว่า “พิธีรีตอง”
ข้างต้นเป็นเรื่องสรรพสิ่งกล้วยกับประเพณีประเทศไทย ในที่นี้จะขอพูดถึงการ “กินกล้วยเป็นอาหารพร้อมด้วยยา” ซึ่งดำรงอยู่ในวัฒนธรรมโภชนาการพร้อมกับแพทย์พื้นบ้านเรือนประเทศไทยมาแต่โบร่ำโบราณต่อเนื่องมาจนถึงทุกวี่ทุกวันนี้ คนประเทศไทยรู้จักกินกล้วยหลายชนิดแต่ที่ฮิตยิ่งขึ้นไปก็คือ “กล้วยน้ำว้า” นอกเหนือจากคุณประโยชน์ทางด้านอาหารแล้ว กล้วยยังมีคุณค่าอนันต์ในทางยา อย่างนั้น

  • หมอพื้นบ้านเรือนใช้ใบตองอ่อนที่ยังม้วนอยู่ นำมาอังไฟเกี่ยวกับประคบชอบพอษาอาการปวดหน้าอก อาการอักเสบพุพองข้าวของเครื่องใช้ผิวหนัง หรือนำมาต้มน้ำดื่มแก้ท้องสิ้นอายุขัย บิด แก้ผื่นคัน
  • สมัยที่ยาเพนิซิลินหายาก น้ำคั้นสดจากหยวกกล้วยช่วยเยียวยาโรคหนองใน ดื่มแก้ท้องร่วง ท้องสิ้นบุญ
  • น้ำคั้นสดจากหยวกกล้วย ใช้ชโลมหนังศีรษะและเส้นผมบ่อยๆ เพื่อรักใคร่ษาอาการผมร่วงพร้อมทั้งปลูกผม น้ำคั้นจากเหง้าเป็นยาปรับปรุง้พร้อมทั้งบำรุงร่างกาย
  • มีฤทธิ์คุ้มกันด้วยกันถูกชะตาษาแผลในกระเพาะอาหารในหนูทดลองหลายจำพวก ซึ่งศักยเทียบเคียงได้กับคน พบว่าผงกล้วยดิบในปเชิงาตร 5 กรัม/วัน (เพื่อที่จะหนูทดทดลอง) หรือราวๆ 250 กรัม/วัน เพราะว่าคน สามารถช่วยป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะได้ และถ้าเพิ่มปตีนาณสัดส่วน 7 กรัม/วัน (เพื่อที่จะหนูทดลอง) หรือราวๆ 350 กรัม/วันสำหรับคน จะช่วยเหลือบำรุงชอบพอษาแผลในกระเพาะที่เกิดจากการได้รับยาแอสไพริน  โดยพบว่ากล้วยจะไปกระตุ้นให้เซลล์ในเยื่อบุกระเพาะหลั่งสารเน้ำมือก (mucin) ออกมาเคลือบกระเพาะ เพิ่มความหนาด้วยกันความแข็งแรงสรรพสิ่งเยื่อบุกระเพาะ ลดความเป็นกรดในกระเพาะ กระตุ้นการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดมาโครฟาจ (macrophage) ซึ่งช่วยเหลือเร่งการสมานแผลในกระเพาะอาหารให้หายทันใจขึ้น
  • พบว่า ผงกล้วยดิบความจุ 40 กรัม/วัน เพื่อที่จะคนเป็นยารักใคร่ษาเบาหวานที่ได้ผลดีพร้อมกับมั่นคง โดยออกฤทธิ์กระตุ้นการสร้างอินซูลินกับกระตุ้นการใช้น้ำตาลกลูโคสในร่างกายด้วย
  • กล้วยดิบมีเส้นใยอาหารจำพวกเฮมิเซลลูโลส (hemicellulose) พร้อมทั้งนิวตรอลดีเทอร์เจนต์ (nutral detergent fiber-NDF) ซึ่งเป็นเส้นใยที่ร่างกายไม่เป็นได้ย่อยสลายได้ มีคุณลักษณะช่วยตรวจดแทรกซึมไขมันพร้อมด้วยคอเลสเตอรอลไว้แล้วขับออกมากับอุจจาระก้อนโตทำเอาร่างกายทัศนะดซึมซับคอเลสเตอรอลน้อยลง ส่งผลให้ปริมาณไขมันในเลือดด้วยกันเนื้อเยื่อด้อยด้วย
  • ยิ่งไปว่านั้นช่วยเหลือสั่งการความดันโลหิตให้อยู่ในค่าปกติแล้ว กล้วยดิบโดยเฉพาะกล้วยดิบปิ้งยังเป็นอาหารยาช่วยลดน้ำหนักได้ดีและหนักแน่น
  • มีการศึกษาฤทธิ์พึงพอใจษาตับข้าวของเครื่องใช้กล้วยในหนูที่ได้รับยาพาราเซตามอลซึ่งทำเอาเกิดความเป็นพิษต่อตับ ด้วยกันเมื่อป้อนอาหารที่มีส่วนประกอบเครื่องใช้ผงกล้วยเพียง 10% ให้หนู พบว่าผงกล้วยสนับสนุนกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่เครื่องใช้เซลล์ตักิจธุระี่ถูกทำลายจากยาพาราเซตามอลได้ กับยังคุ้มกันการเพิ่มขึ้นของใช้สารสีเหลืองบิลิรูบิล (bilirubin) ในเลือด เพราะว่าตับเสื่อมไม่เป็นได้ขจัดสารบิลิรูบิลได้


ในเวลานี้กล้วยถูกจัดเป็นสมุนไพรในสาธารณสุขพื้นฐานใช้ช่วยเหลืออาการท้องสิ้นบุญสไตล์ไม่รุนแรง โดยมีวิธีรับประทานเรียบง่ายเพราะเช่นนั้น ใช้กล้วยน้ำว้าห่ามสดครั้งละครึ่งถึงหนึ่งผล หรือผงกล้วยปั้นเม็ดลูกกลอนครั้งละ 4 เม็ด หรือใช้ผงกล้วยครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะ รับประทานวันละ 4 ครั้ง เนรมิต นอาหารกับดำเนินการนนอน  ถ้าจะให้ได้ผลดียิ่งขึ้นควรกินร่วมกับน้ำขิงเพื่อเสตีนฤทธิ์การขับลมช่วยลดอาการท้องขึ้นท้องพองท้องอืดได้มีศักยภาพมากขึ้น
เกรงไทยถ้ายังเป็นประเทศกำลังพัฒนามาหลายปีดีดัก แต่ก็ยังโชคดีที่มีกล้วยน้ำว้าสนนราคาถูกไว้เป็นอาหารกับยาชั้นดีสนับสนุนทัศน์แลสุขภาพคนประเทศไทยตั้งแต่วัยเด็กแรกเกิดจนถึงคนสูงอายุ
 
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : กล้วยตากอบน้ำผึ้ง

Tags : กล้วยตาก,กล้วยอบ,กล้วยตากอบน้ำผึ้ง