ออกตัวก่อนนะคะ ว่าการเขียนกระทู้ในครั้งนี้ ไม่ได้ต้องการโจมตีใคร หรือต้องการทำให้ใครเดือดร้อน
แต่เขียนเพื่อแสดงความคิดเห็นส่วนตัวซึ่งอาจจะมีประโยชน์ สำหรับคุณช่างภาพและทุกๆ ท่าน
ที่กำลังหาช่างภาพในงานสำคัญซึ่งอาจจะเกิดขึ้นไม่บ่อยนักในชีวิตคุณ
:: ฝากไว้สำหรับคุณช่างภาพนะคะ ::คุณช่างภาพคะ ช่วยอ่านความคิดเห็นเหล่านี้ด้วยใจเป็นกลางนะคะ (อย่าเพิ่งด่าคนเขียน เพราะห้องนี้เป็นห้องของช่างภาพ 55+ )
สำหรับความคิดเห็นเหล่านี้ ใครอ่านดูก็จะรู้ว่าเป็นข้อควรกระทำให้ทุกอาชีพอยู่แล้ว แต่อยากมาเขียน
เผื่อว่ามีช่างภาพบ้างท่านยังไม่ทราบนะคะหรืออาจลืมไปบ้าง
ความคิดเห็นเหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากที่ดิฉันต้องหาช่างภาพเพื่อถ่ายรูปตัวเองในงานรับปริญญา (ซึ่งอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว)
แต่แล้วก็พบกับความผิดหวังและสมหวัง
มาอ่านกันดูนะคะ ว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่ดิฉันในฐานะลูกค้าอยากฝากไว้ค่ะ หวังว่าอ่านแล้วคงจะไม่โกรธกันนะคะ
เพราะโดยเจตนาของดิฉันนั้น อยากให้ลูกค้าทุกท่านได้ช่างภาพดีๆ และอยากให้มีช่างภาพที่ดีๆ เต็มไปหมดจ้า
1. ตรงต่อเวลา
คุณควรรักษาเวลาค่ะ สำคัญมากนะคะเรื่องนี้ เช่น นัด 8.00 คุณควรมาก่อนลูกค้านิดหน่อย (เผื่อลูกค้าบ้าเห่อมาเร็วกว่าปกติ) อาจจะมาสัก 07.30 หรือ 07.45
หรืออาจจะตรงเวลาเป๊ะ คือ 08.00 มาตรงเวลาเป็นสิ่งดีค่ะ ไม่ใช่ให้ลูกค้ามารอคุณ เพราะลูกค้าคุณ เขาอาจจะวางแผนต่างๆ ไว้หมดแล้ว เช่น นัดเพื่อนหรือ
อาจจะมีญาติผู้ใหญ่มาในงาน หรือคนสูงอายุมางานรับปริญญา ลูกหลาน ต้องมาเดินคอยช่างภาพ มันก็ไม่ใช่เรื่องนะคะ
ยิ่งงานแต่งงานยิ่งสำคัญใหญ่ ลูกค้าอาจจะมีฤกษ์สวมแหวน ฤกษ์แห่ขบวนขันหมาก ซึ่งถ้าคุณมาไม่ทันในเวลาสำคัญต่างๆ เหล่านี้
คุณคิดว่าลูกค้าของคุณจะรู้สึกอย่างไร คุณอาจจะบอกว่า คุณยืดเวลาชดเชยให้ อย่าพูดแบบนี้เลยค่ะ เหตุการณ์สำคัญมันผ่านไปแล้ว
คุณจะมาให้เค้าสวมแหวนกันใหม่เพื่อให้คุณถ่ายรูปเหรอคะ อารมณ์ความรู้สึกช่วงเวลานั้นๆมันต่างกันค่ะ
ที่ดิฉันเจอมานะคะ นัด 8 โมง มา 9 โมง นัด บ่ายโมง มา บ่ายสอง การอ้างเหตุผลใดๆ ในสถานการณ์นี้ มันฟังไม่ขึ้นจริงๆ นะคะ
แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ คุณช่างภาพไม่ได้เป็นแบบนี้กันทุกคนนะคะ ส่วนน้อยมากๆ ที่เป็นแบบที่ดิฉันเขียน (บังเอิญว่าดิฉันโชคไม่ดี)
เพราะว่าช่างภาพของเพื่อนน่ารักมาก นัด 11 โมง มาตั้งแต่ 8 โมงเช้า หรือ ช่างภาพของเราเองท่าน (อีกท่าน) เรานัด 8 โมง แต่ 7.30 น.
คุณช่างภาพก็มาแล้ว คนดีๆ แบบนี้ น่าชื่นชมและสรรเสริญ ควรแก่การแนะนำต่อเป็นอย่างยิ่ง จริงๆ นะคะ
2. ส่งงานตามกำหนดเวลา
เมื่อคุณนัดส่งงานแล้ว คุณควรส่งงานตามกำหนดเวลาที่คุยกับลูกค้า คุณบอกว่า 2 สัปดาห์ส่งงาน ระหว่างนั้น ลูกค้ารอค่ะไม่โทรไปเร่ง
เราเข้าใจว่าคุณส่วนใหญ่ ทำงานประจำ (เราเข้าใจว่าคุณส่วนใหญ่ทำงานประจำ) ดังนั้นเราจะไม่รบกวน (ถ้าไม่จำเป็น) 2 สัปดาห์ผ่านไป
คุณเงียบหาย ไม่โทร ไม่หือ ไม่อือ
เรารอค่ะ อีก 2 วันผ่านไป คุณก็ยังไม่โทรมา เราก็โทรไป คุณก็บอกว่า เดี๋ยววันจันทร์นัดกัน ได้ๆ ไม่มีปัญหา เสาร์-อาทิตย์
คุณก็ยังไม่โทรมานัดว่าจะส่งของที่ไหน จนวันจันทร์คุณก็ยังไม่โทร เราต้องโทรไปตาม คุณตอบกลับมาว่า เอาที่อยู่มา เดี๋ยวส่ง EMS ให้
โอเคได้ ไม่มีปัญหา เรารีบส่งที่อยู่ไปให้ทางอีเมล์ แต่คุณไม่ตอบกลับว่าได้รับหรือไม่ เรารอ จนกระทั่งวันรุ่งขึ้น เราโทรไปอีกรอบ
ลูกค้า: คุณช่างภาพ คุณได้รับ email เรามั้ย เราส่งไปเมื่อวาน
คุณช่างภาพ: อ๋อ ได้รับครับ เนี้ย ผมเพิ่งเปิดเดี๋ยวนี้เอง
ลูกค้า: อ้าวเหรอคะ แล้วส่งรูปมาหรือยังคะ?
คุณช่างภาพ: ยังเลยครับ ผมยุ่งมากเลย ไปรษณีย์ก็อยู่ไกลมาก ผมไปส่งให้ไม่ได้ ผมเคยส่งแล้วโดนตีกลับด้วย
ลูกค้า: (เอ่อออ แบบว่าอึ้ง) อ้าววววว แล้วคุณเอาที่อยู่ไปทำไม ถ้าคุณจะไม่ส่งให้เรา
คุณช่างภาพ: (เงียบ)
จริงๆ แล้วที่เราอยากจะแนะนำสำหรับข้อนี้ คุณจะเผื่อเวลาเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อย เราไม่ว่าอะไรค่ะ แต่จะนัดมั่วๆ แล้วมาเลื่อนกันภายหลัง
มันดูไม่ดี จริงๆ นะคะ บอกกันตรงๆ เราเข้าใจว่าคุณอาจจะมีงานประจำทำและเราก็ทำงาน อาจจะมีเวลาเหลื่อมหรือว่าเร่งรีบในช่วงๆ หนึ่ง
อย่าสร้างความหวังให้รอแล้วผิดหวังเลยนะคะ
3. บอกความจริงกับลูกค้าถึงเรื่องฝีมือ
คุณควรจะบอกความจริงกับลูกค้า ว่าฝีมือคุณอยู่ในระดับไหน อย่าสร้างความคาดหวังแก่ลูกค้าเลยค่ะ เพราะการจ้างคุณนั้น พูดกันตรงๆ ก็ไม่ได้ถูก
ถ้าจ้างคุณแล้ว ได้งานเหมือนให้เพื่อนช่วยถ่ายในกล้อง compact คุณอย่ารับงานเลยค่ะ จริงๆ นะคะ สงสารคนจ้างบ้าง คุณควรให้โอกาสเขาไปจ้างคนอื่น
เพราะวันสำคัญแบบที่เขาจะจ้างคุณนั้น บางครั้งมีครั้งเดียว เช่น งานแต่งงาน หรือ งานรับปริญญา จริงๆ แล้ว ราคาอาจจะเป็นสิ่งที่บอกได้ว่า
คุณภาพของคุณอยู่ในระดับไหน ถ้าคุณไม่เก่งมาก อยู่ในช่วงที่คุณเก็บชั่วโมงบิน คุณก็อย่าเก็บลูกค้าแพง และบอกลูกค้าไปเลย ว่าให้จ้างช่างหลักอีกท่าน เป็นต้น สำหรับลูกค้าแล้ว เอาเข้าจริงๆ พวกเรายอมจ่ายค่ะ ถ้างานคุณเยี่ยมจริงๆ
4. ตรวจสอบรูปหลังจากถ่ายเสร็จบ้างค่ะ
ควรใช้ความสามารถของกล้องดิจิตอลให้เป็นประโยชน์ เข้าใจว่าเดี๋ยวนี้คุณช่างภาพส่วนใหญ่ ใช้กล้องดิจิตอลกันหมดแล้ว
ดังนั้นอยากให้คุณช่างภาพช่วยใช้ความสามารถของกล้องดิจิตอลบ้าง คือ ตรวจสอบรูปหลังถ่ายเสร็จบ้าง เพราะถ้ามาดูรูปตอนส่งงาน
ก็จะเห็นว่ามันเสียทุกรูปที่คุณถ่ายที่มุมนั้น อีกทั้งช่วยให้คุณเข้าใจว่าลูกค้าชอบแนวไหนค่ะ ดิฉันไม่ได้สอนสังฆราชอ่านหนังสือนะคะ
แต่ว่าบังเอิญดิฉันเจอมาแบบนี้จริงๆ
การเรียกลูกค้ามาดูผลงานในกล้องคุณบ้าง หลังถ่ายมุมนั้นไปแล้ว ดิฉันคิดมีข้อดีหลายอย่าง เช่น คุณจะรู้ว่า ลูกค้าชอบหรือไม่ชอบลักษณะรูปแบบนั้น
หรือคุณก็จะเห็นว่ามันเบลอนะ หรือโฟกัสผิดตำแหน่ง ยิ่งคุณส่งงานแล้วให้ลูกค้าเห็นความผิดพลาดได้มากแค่ไหน มันยิ่งแสดงให้เห็นถึงความไม่มีคุณภาพของคุณ
ไม่มีลูกค้าคนไหน อยากเห็นรูปตัวเองหัวขาด แม้กระทั่งตอนที่คุณตั้งใจถ่ายหน้าตรงๆ หรือเบลอแม้กระทั่ง เรากำลังนั่งเฉยๆ นะคะ
ดังนั้นถ้างานคุณเป็นแบบนี้ ใครอยากแนะนำคุณให้เพื่อนฝูง ญาติมิตร เผลอๆ อาจจะพูดว่า ถ้าแกจ้างคนนี้ ให้ชั้นถ่ายให้ดีกว่า
5. ให้คำแนะนำลูกค้าและทำการบ้านบ้าง
การแนะนำลูกค้า อาทิเช่น แสงช่วงไหนสวยไม่สวย ถ่ายเวลานี้ดีกว่าเพราะ? แนะนำไปเลยค่ะ ลูกค้าไม่ทราบ ถ้าคุณไม่พูด
อีกอย่างการแนะนำจะแสดงถึงความเป็นมืออาชีพของคุณ ว่าคุณมีความรู้บ้าง ไม่ใช่มาพูดภายหลัง แล้วใช่เป็นข้ออ้าง หลังจากที่งานออกมาไม่ดี
การทำการบ้าน โดยส่วนใหญ่คุณช่างภาพรับงานล่วงหน้าอยู่แล้ว ดังนั้น คุณควรขอดูรูปลูกค้าก่อน ว่ามุมไหนงาม มุมไหนไม่งาม
หรืออาจจะถามก็ได้ ว่าชอบรูปแบบไหนเป็นพิเศษ และควรแสดงความคิดเห็นค่ะ
6.บางครั้งแบบที่ลูกค้าชอบอาจจะไม่ได้ดีเสมอไป
จริงๆ แล้ว ลูกค้าอาจจะชอบรูปบางแบบเป็นพิเศษ แต่คุณควรดูตามความเหมาะสม และมีรูปตามแบบที่เขาชอบบ้าง
บางครั้ง ลูกค้าบอกว่าชอบหน้าชัดๆ คุณก็โฟกัสที่แต่หน้า ทั้ง 500 รูป ที่คุณถ่าย เอ่อออออ อันนี้ก็เกินไปนะคะ หรือ
คุณโฟกัสแต่หน้า แต่ศีรษะด้านบนของลูกค้าขาด หายไป แล้วพอถาม คุณบอกว่า คุณโฟกัสหน้า T___T โฟกัสหน้ามันก็ถูกค่ะ
แต่องค์ประกอบของรูป ไม่ควรเสียนะคะ หรือ ถ่ายรูปหมู่กับเพื่อนๆ คนรอบข้างดูไม่จืด เราสวยคนเดียว มันก็ไม่ใช่อะค่ะ
เพราะว่าเดี๋ยวตอนหลังเขาก็แลกรูปกัน ผลก็คือ รูปของคุณดูไม่จืดที่สุด เพราะคุณไม่สนใจองค์ประกอบรอบๆ เพื่อนๆ ศีรษะหายไป หลับตา หรือหันหลังอยู่ เป็นต้น
ที่กล่าวมาทั้งหมด บางท่านอาจจะคิดว่า คุณรับจ้างด้วยราคาแค่นี้ จะเอาอะไรกันหนักหนา ถ้าอยากได้สวยๆ ก็ไปจ้างคนที่เข้าคิดวันละหมื่นซิ T_T
ความจริงแล้วในมุมมองของลูกค้า การจ้างถ่ายรูป ไม่มีคำว่าถูกหรือแพง มีแต่คำว่า คุ้มหรือไม่คุ้ม คุ้มในที่นี้ ไม่ได้หมายความว่า ถ่ายเยอะมากๆๆๆ
แต่หมายถึงผลงานคุณออกมาดีแค่ไหน คุ้มกับที่จ่ายไปหรือไม่ ถ้าจ้าง 3000-5000 (เรทเฉลี่ยงานรับปริญญา) แล้วงานเหมือนเพิ่งหัดถ่ายรูป
อันนี้ก็เกินไปนะคะ หรือไม่ก็ มีดีแค่กล้อง แต่มุมมองและการจัดวางองค์ประกอบของภาพไม่ได้เรื่อง
หรือคุณอาจจะบอกว่า ที่ไม่สวยเพราะนางแบบไม่สวย วางท่าไม่เป็น พวกเราไม่ได้ต้องรูปที่ออกมาแล้ว สวยจนจำไม่ได้ เรายังอยากเป็นตัวเองค่ะ แต่ขอให้คุณภาพของรูปออกมาแล้วรู้ได้ว่า เกิดจากการถ่ายภาพของคนที่ศึกษาและรู้จักกล้องในมือ พร้อมทั้งตั้งใจถ่ายภาพออกมาอย่างดีที่สุดก็พอค่ะ
อีกอย่างดิฉันคิดว่าพวกท่านคงจะปรับราคากันขึ้นเรื่อยๆ อยู่แล้ว เมื่อพวกท่านเจ๋งมากยิ่งขึ้น ซึ่งผลงานของท่านจะช่วยให้ลูกค้าไม่เสียใจเลย
ที่จ้างพวกท่านในราคาที่สูงกว่าปกติ แต่ถ้างานของท่านไม่ได้ดีมากแถมยังมีนิสัยในการทำงานไม่น่ารัก ก็คงจะยากที่คุณจะเติบโตในอาชีพที่คุณรัก
คุณอ่านกันแล้ว อาจจะคิดว่าคนเขียนไม่ได้มีความรู้เรื่องกล้องเลย (ซึ่งก็จริง) แต่คงมีอีกหลายๆ คน ที่เป็นเหมือนกับดิฉัน ดังนั้นดิฉันถึง
ได้ต้องพึ่งพาคุณช่างภาพไงคะ ดังนั้นโดยโปรดอย่าย่ำยีความไว้วางใจจากพวกเราเลยค่ะ แล้วเรารับประกันว่า ถ้างานคุณดีจริง
พวกเราจะโฆษณาให้คุณเอง จริงๆ นะคะ คนทำดีแล้วได้ดี มีจริงค่ะ
:: ฝากไว้สำหรับคุณลูกค้าที่กำลังหาช่างภาพในงานต่างๆ ::1. เผื่อใจไว้บ้างนะคะ ถ้าเป็นงานที่สำคัญมากๆ จริงๆ ควรจ้างคุณช่างภาพเพิ่มค่ะ เว้นเสียแต่ว่า คุณคุ้นเคยกับช่างภาพของคุณดี
เคยจ้างงานกันมาก่อน แล้วงานถูกใจจริงๆ
2. บางครั้งรูปบนเว็บที่คุณเห็น ตามพวกเว็บโชว์รูปทั้งหลาย (ส่วนใหญ่ประมาณ 40 รูป ต่อ 1 อัลบั้ม และมีหลายๆ อัลบั้ม)
อาจจะเป็นรูปที่ดีที่สุดจาก 600 รูป ก็ได้ ถ้าคุณรับได้ ก็สามารถจ้างได้เลยค่ะ ดังนั้นอยากบอกว่า ดูเยอะๆ เลือกเยอะๆ ค่ะ
ดูว่าคุณช่างภาพที่คุณกำลังจะเลือกนั้น ถ่ายรูปได้อยู่มุมเดียวหรือเปล่า ซึ่งบางครั้ง อาจจะเป็นมุมเก่งของเขา แต่.... เราคงไม่อยากสวยมุมเดียว
อ้อ... อีกอย่างค่ะ หาคนช่วยดูนะคะ ยังไง 4 ตา หรือ 6 ตา ก็ยังดีกว่า 2 ตา ค่ะ
3. ตกลงเรื่องเวลากันให้ดีค่ะ และควรย้ำนะคะ ว่าเราต้องการคนที่ตรงต่อเวลา และช่วงเวลาทำงานของคุณช่างภาพ ว่าเริ่มกี่โมง เลิกกี่โมง
พักช่วงไหน หรือถ้าคุณลูกค้าเจอคุณช่างภาพที่รู้งาน คุณช่างภาพจะตกลงกับคุณเอง
4. สอบถามเรื่องการชำระเงินกันด้วยนะคะ ว่าจ่ายกันตอนไหน ของดิฉัน มัดจำ 1000 บาท และจ่ายตอนหลังถ่ายรูปเสร็จ
แต่มีของเพื่อนๆ บอกว่าจ่ายกันตอนได้รูป อันนี้ก็แล้วแต่คุยกันจ้า
สุดท้ายนี้ขอให้คุณช่างภาพที่สร้างผลงานที่มีคุณภาพคับแก้วและทำตัวน่ารักๆ มีงานเยอะๆ มีเงินแยะๆ เจริญรุ่งเรืองต่อไปเรื่อยๆ
และหวังว่า คุณช่างภาพที่งานยังไม่ดีแถมทำตัวไม่น่ารัก จะปรับปรุงตัวโดยด่วน อย่าให้มีเหตุว่า คุณสร้างความไม่พอใจให้กับลูกค้า
จนลูกค้าต้องมาแสดงผลงานของคุณกันในห้องกล้อง ณ พันทิฟ กันเลยนะคะ และขออวยพรให้ทุกๆ ท่านที่กำลังหาช่างภาพ เจอช่างภาพที่ถูกใจ
สร้างผลงานดีๆ ให้กับวันสำคัญของพวกคุณนะคะ
ด้วยความเคารพ
ที่มา:
http://www.khonkaenwedding.com/news/News.htm