ผู้เขียน หัวข้อ: ข้อควรรู้ก่อนใช้ Pinterest ในธุรกิจให้เกิดประสิทธิภาพ  (อ่าน 1450 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ wizard

  • Global Moderator
  • Full Member
  • *****
  • กระทู้: 140
  • พอยท์: 1
    • ดูรายละเอียด

ทุกวันนี้มี Social Media มากมายให้ผู้คนได้เลือกใช้ตามลักษณะความชอบและรสนิยมของตน ซึ่งอาจมี Facebook เป็น Application หลักในการติดตามเรื่องราวข่าวสารจากคนรอบตัว ใช้ Twitter เพื่อคอยติดตามข่าวสั้นๆ ในเรื่องที่เราสนใจ ใช้ Instragram เพื่อดูรูปจากคนที่เราติดตาม และล่าสุดที่กำลังมาแรงมาสักพักใหญ่ๆ (เริ่มเปิดตัวตั้งแต่ปี 2010) แล้วกับ Social Media อย่าง Pinterest ที่ปัจจุบันมีผู้ใช้แล้วถึง 70 ล้านคน และที่สำคัญ Pinterest นั้นยังได้รายได้จากการ Click เป็น 4 เท่าของ Twitter และยังมากกว่า Facebook ถึง 27% ข้อมูลเหล่านี้อาจจะสะกิดใจใครหลายคนว่าคงไม่เลวที่เราจะรู้จักข้อมูลสถิติต่างๆ ของ Social Media ตัวนี้กันสักหน่อยก่อนที่จะเริ่มใช้มันให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด


1.ใครใช้
Pinterest
กัน?


เนื่องจาก Content ส่วนมาก เน้นไปทางแฟชั่น ของใช้ เครื่องประดับและของ DIY น่ารักๆ ทำให้ไม่น่าแปลกใจเท่าไรว่าในจำนวนผู้ใช้ Pinterest กว่า 70 ล้านคนนั้น มีผู้ใช้เป็นเพศหญิงกว่า 56,000,000 คน หรือ 80% ของผู้ใช้ทั้งหมดเลยทีเดียว ทำให้เมื่อต้องการทำการตลาดบน Pinterest นั้น ก่อนอื่นควรจะมั่นใจก่อนว่ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเรานั้นเน้นไปทางผู้หญิงเป็นส่วนมากใช่หรือไม่ หรือหากเป็นสินค้าผู้ชายก็ต้องพิจารณาให้ดีว่าคุ้มค่าไหมสำหรับที่จะลงทุนใน Social Media ชิ้นที่มีกลุ่มเป้าหมายของเราเพียงแค่ 20% จากทั้งหมดเท่านั้น

นอกจากนี้แล้วผู้ใช้ Pinterest ส่วนมาก ยังเป็นแค่ User ทั่วๆ ไปที่เพียงต้องการนำเสนอรูปภาพหรือ Content ต่างๆ ที่ตัวเองสนใจเท่านั้น เพราะจริงๆ แล้วจากผู้ใช้ทั้งหมดนั้นมีกลุ่มธุรกิจลงทะเบียนอยู่เพียง 500,000 บัญชี ซึ่งนับว่าน้อยมากหากเทียบอัตราส่วนกับผู้ใช้ทั้งหมด นั่นหมายความว่ายังมีพื้นที่อีกมากที่เจ้าของธุรกิจที่มีกลุ่มเป้าหมายอยู่ใน Social Media อย่าง Pinterest จะสามารถลงไปทำการตลาดเพื่อหาลูกค้าจากกลุ่มเป้าหมายได้อีก

2.ทำไม
Pinterest
ถึงเหมาะกับธุรกิจ?


นอกจาก Pinterest จะมีกลุ่มผู้ใช้จำนวนมากอย่างที่กล่าวไว้ในหัวข้อข้างต้นแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ประกอบอีกอย่าง ระยะเวลาในการใช้ Pinterest ของผู้ใช้นั้นเฉลี่ยอยู่ที่ 98 นาทีต่อเดือน ซึ่งฟังดูแล้วอาจเป็นตัวเลขที่น้อยเพราะจริงๆ แล้วหากเฉลี่ยย่อยลงไปอีกจะเหลือแค่ประมาณ 3 นาทีต่อวันเท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าค่าเฉลี่ยของคนที่ใช้ Facebook ต่อวันอยู่มาก แต่หากมองลึกลงไปถึงประสิทธิภาพของการใช้นั้นถือว่าออกมาดี เพราะว่าแต่ละโพสท์ของ Pinterest นั้นจะถูก Repins (เหมือนการแชร์ซ้ำให้โพสท์ไปถึงกลุ่มคนได้กว้างขวางขึ้น) กว่า 80% และที่สำคัญนั้นสำหรับผู้ใช้ที่เป็นบัญชีธุรกิจในประเทศอเมริกานั้นจะมีรายได้จากการขายสินค้าอยู่ในช่วงประมาณ 140 – 180$ (4,500 – 6,000 บาท) ต่อ 1 การสั่งซื้อเลยทีเดียว

3.หมวดหมู่ไหนคนขายเยอะ?


ส่วนหนึ่งที่ทำให้ Pinterest มีประสิทธิภาพในการทำธุรกิจนั้นมาจากการที่แต่ละหมวดหมู่ของ Content นั้นเสมือนเป็นที่รวมตัวของกลุ่มคอมมิวนีตี้ ของคนที่ชื่นชอบในสิ่งเดียวกันอยู่แล้ว ทำให้อัตราการ Pins และ Repins นั้นค่อนข้างสูงเพราะเป็นเรื่องที่พวกเขาเองสนใจ ซึ่งก็แน่นอนว่ายิ่งเพิ่มโอกาสที่จะทำให้คนเห็น Content ของเราได้ไม่ยาก โดยสินค้าประเภทที่มีกลุ่มผู้ติดตามสูงสุดก็จะเป็นพวก Fashion & Accessories ซึ่งที่น่าสนใจก็คือแม้ว่าจะมีผู้คนสนใจใน Content กลุ่มนี้มากแต่กลับมีแบรนด์ สินค้าเพียงแค่ 18% เท่านั้น ต่างจากกลุ่ม Electronic ที่แม้จะมีผู้ให้ความสนใจน้อยกว่า แต่ทว่ากลับมีแบรนด์ ต่างๆ เข้ามาทำการตลาดกันเป็นจำนวนมาก ทำให้ก่อนจะทำการใช้เครื่องมือชิ้นนี้ ควรศึกษาให้ดีก่อนว่า สินค้าประเภทไหนที่เป็นที่นิยมในขณะนั้น และประเภทไหนที่มีคู่แข่งมากหรือน้อยกว่ากัน

4. Pins
แบบไหนได้
Engagement
เยอะกว่ากัน?


จากข้อมูลต่างๆ ที่ทาง Pinterest ระบุนั้นพบว่า หาก Pins ที่ว่านั้นเป็นแบรนด์สินค้า ที่มีการระบุราคาด้วยก็จะได้อัตราการกด Like ที่สูงกว่าถึง 36% และยิ่งถ้ามีการ Call to Action แล้วล่ะก็จะยิ่งเพิ่ม Engagement ของ Pins นั้นๆ ได้ถึงกว่า 80% เลยทีเดียว

ต่อมาในกรณีที่ Pins เป็นรูปภาพนั้น รูปภาพสีมักจะได้รับความสนใจในการ Repins ต่อมากกว่ารูปสีขาวดำถึง 3 เท่า และในกรณีที่เป็นภาพสีนั้นก็ยังมีการแยกย่อยไปอีกว่าหากสีที่ใช้เป็นสีกลุ่ม แดง เหลือง หรือน้ำตาลแล้วก็จะมีโอกาสในการถูก Repins มากกว่าโทนสีฟ้าถึง 2 เท่าเช่นกัน

และนอกจากตัว Content เองแล้วนั้น ช่วงเวลาในการ Pins ก็มีผลกับอัตรา Engagement เช่นกัน โดยช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการ Pin นั้น จะอยู่ที่ช่วง บ่าย 2 โมง ถึง 4 โมงเย็น และอีกช่วงเวลาหนึ่งคือช่วง 2 ทุ่มยาวไปจนถึงช่วงตีหนึ่ง

 • • •

นอกจากข้อมูลที่กล่าวมาในข้างต้นที่ควรนำมาปรับใช้แล้วนั้น อีกสิ่งหนึ่งสำหรับ Pinterest ที่ควรรู้ก็คือหลักการที่ว่ายิ่งเราไป Engage คนอื่นมากเท่าไร คนเหล่านั้นก็ยิ่งกลับมา Engage กับเรามากขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการ Repin, Like, Comment หรือคอยขอบคุณให้กับคนที่มา Pin หรือ Repin ให้กับเราอย่างสม่ำเสมอ  เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีบนโลกออนไลน์ และทำให้แบรนด์ของเรานั้นกลายเป็นที่สนใจของผู้ใช้ Pinterest มายิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งหากใครที่คิดจะลองใช้ Tool ตัวนี้ให้มามีส่วนช่วยในการทำธุรกิจแล้วล่ะก็ ลองนำข้อมูลเหล่านี้ไปปรับใช้กันดูได้เลยครับ


ที่มา: http://incquity.com/articles/use-pinterest-effectively-business-purpose
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 7 พฤศจิกายน 2016, 18:58:05 โดย wizard »