ผู้เขียน หัวข้อ: เทคนิคน่ารู้เกี่ยวกับกระเบื้องมุงหลังคาและการมุงหลังคา  (อ่าน 1069 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ anastasia

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 107
  • พอยท์: 0
    • ดูรายละเอียด
ช่วงนี้เข้าหน้าฝนแล้วฝนตกแทบทุกวันเลยผมจึงมีบนความเกี่ยวกับหลังคา และการมุงหลังคามาให้เป็นความรู็ในการดูแลรักษาหลังคาไม่ให้รั่วในหน้าฝน เช่นนี้นะครับ
  • โครงหลังคา
โครงหลังคาเป็นโครงสร้างที่ทำหน้าที่รับน้ำหนักของวัสดุมุงหลังคา โดยทำหน้าที่ยึดมุงหลังคาอย่าง เช่นกระเบื้องมุงหลังคาให้อยู่ในลักษณะที่มั่นคงแข็งแรงและเป็นระเบียบ ในขณะเดียวกันก็จะทำหน้าที่ยึดตัว หลังคา ทั้งหมดให้เชื่อมต่อกับโครงสร้างของเสาและคานของตัวบ้านอย่างแข็งแรง โครงหลังคาที่ดีนอกจากจะต้องมีการเชื่อมต่อหรือเกาะยึดอย่างแข็งแรงแล้วยัง มีความคงทนต่อดินฟ้าอากาศและสภาพกาลเวลาที่ผ่านไป อีกทั้งการสร้างจะต้องกระทำอย่างประณีตและถูกต้องในแง่ของขนาดและระยะต่าง ๆ เพื่อให้แนวหลังคาที่มุงเสร็จอยู่ในลักษณะเข้าที่เรียบร้อย โครงหลังคาที่ใช้ในบ้านเรือนทั่วไปอาจแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ตามวัสดุที่ใช้ กล่าวคือ

1.โครงหลังคาไม้

โครงหลังคาที่ทำด้วยไม้นิยมใช้กันมากในสมัยก่อน เพราะต้นทุนของวัสดุต่ำ ขั้นตอนการปลูกสร้าง ก็ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องใช้เครื่องมือมาก อีกประการหนึ่งบ้านในสมัยก่อนยังนิยมปลูกเป็นบ้านไม้ การเชื่อมต่อระหว่างโครงหลังคากับโครงสร้างของเสาและคานที่ทำด้วยไม้เหมือน กันสามารถทำได้โดยสะดวก แต่ในปัจจุบันบ้านเรือนส่วนใหญ่จะปลูกเป็นตึก ประกอบกับไม้เป็นวัสดุที่หายากและมีราคาแพงขึ้น โดยเฉพาะไม้คุณภาพดีที่ให้ความแข็งแรงทนทานและคงรูปก็ยิ่งหายากและมีราคาแพง นอกจากนี้ โครงหลังคาไม้ยังอาจมีปัญหาของปลวกเกิดขึ้นได้ในภายหลัง ฉะนั้นโครงหลังคาไม้จึงไม่เป็นที่นิยมทำกันในปัจจุบัน สำหรับอาคารบ้านเรือนทั่วไปที่เป็นตึก แต่ยังมีใช้กันอยู่สำหรับบ้านไม้

2.โครงหลังคาเหล็ก
โครงสร้างหลังคา
โครงหลังคาที่ทำด้วยเหล็กเป็นโครงหลังคาที่นิยมใช้กันทั่วไปสำหรับอาคาร บ้านเรือนใน ปัจจุบัน เพราะเหล็กเป็นวัสดุที่หาง่ายในท้องตลาด อีกทั้งมีรูปแบบและขนาดต่าง ๆ ให้เลือกมากมายเพื่อ ให้เหมาะสมกับการรับน้ำหนักและรูปทรงที่แตกต่างกันของบ้านเรือนแต่ละหลัง นอกจากนี้ เหล็กยังเป็นวัสดุ ที่ให้ความแข็งแรงและความคงรูปเป็นอย่างดี ปราศจากปัญหาเรื่องปลวก ในแง่ของความคงทนและอายุการ ใช้งานนั้นเหล็กที่ผ่านกรรมวิธีป้องกันสนิม เช่น การชุบสังกะสีหรือการเคลือบสีอย่างดีจะมีอายุการใช้งาน ยาวนานหลายสิบปีในสภาพใช้งานปกติ

ข้อสังเกตเกี่ยวกับการทำโครงหลังคาและวัสดุที่ใช้ทำโครงหลังคา
 1. วัสดุที่นำมาใช้จะต้องอยู่ในสภาพเรียบร้อยและมีขนาดตามที่ระบุไว้ในแบบ ถ้าเป็นไม้จะต้องไม่มีรอยแตกมาก ไม่บิดคดหรือโก่งงอมาก และจะต้องเป็นไม้ที่ผ่านการทาน้ำยากันปลวกเพื่อป้องกันปลวก เอาไว้แล้ว ถ้าเป็นเหล็กจะต้องไม่มีรอยสนิมและต้องเป็นเหล็กที่ผ่านกรรมวิธีการป้องกัน สนิม
 2. การเชื่อมต่อหรือเกาะยึดของโครงหลังคาเองก็ตามหรือระหว่างโครงหลังคากับเสา และคานของตัวบ้านก็ตามจะต้องทำอย่างมั่นคงแข็งแรงและครบถ้วนทุกจุด โดยเฉพาะโครงหลังคาที่ทำด้วยเหล็กรอยเชื่อมทุกจุดจะต้องทำอย่างแน่นหนา และต้องมีการทาสีกันสนิมเพิ่มเติมตรงรอยเชื่อมเหล่านี้ด้วยเพราะจุดเหล่านี้ สามารถเกิดสนิมได้ง่าย
 
  • วัสดุมุงหลังคา
วัสดุที่ใช้มุงหลังคามีอยู่มากมายหลายแบบ วัสดุมุงหลังคาที่ทำด้วยใบจากก็ยังคงพบเห็นได้ตามชนบทซึ่งให้ความร่มเงาได้ ดี แต่คุ้มกันฝนได้ไม่ดีนัก หลังคาบ้านที่ทำด้วยสังกะสีก็ยังพอพบเห็นได้บ้างเนื่องจากปลูกสร้างง่าย น้ำหนักเบา และมีราคาถูก แต่จะมีปัญหาเรื่องความร้อนเมื่อถูกแสงแดดและมีเสียงดัง เมื่อฝนตก สำหรับวัสดุมุงหลังคาที่ใช้กันมากในปัจจุบันจะทำด้วยกระเบื้องเป็นส่วนใหญ่ เพราะให้ความสวย งาม คงทน ไม่ติดไฟ และคุ้มแดดคุ้มฝนได้เป็นอย่างดี กระเบื้องมุงหลังคาที่นิยมใช้กับอาคารบ้านเรือนทั่วไปสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
 1. กระเบื้องคอนกรีตมุงหลังคา ( concrete roofing tile )
 กระเบื้องคอนกรีตมุงหลังคา ซึ่งมักจะเรียกกันทั่วไปว่ากระเบื้องโมเนีย เป็นกระเบื้องมุงหลังคา ที่นิยมใช้กันมากโดยเฉพาะบ้านอยู่อาศัยเพราะมีความแข็งแรง ป้องกันความร้อนได้ดี เสียงไม่ดังเวลาฝนตก ให้ความสวยงามเพราะมีให้เลือกหลายสี แต่มีข้อเสียอยู่บ้างคือมีน้ำหนักมากและราคาแพงกว่ากระเบื้องมุง หลังคาชนิดอื่น

 2. กระเบื้องซีเมนต์ใยหินมุงหลังคา ( asbestos cement roofing tile )
 กระเบื้องซีเมนต์ใยหินมุงหลังคา ซึ่งมักจะเรียกกันทั่วไปว่ากระเบื้องลอนคู่หรือกระเบื้องลูกฟูกลอนเล็ก เป็นกระเบื้องมุงหลังคาที่นิยมใช้กันมากเช่นกัน มีความแข็งแรงและสวยงามน้อยกว่ากระเบื้องคอนกรีต แต่มีน้ำหนักเบาและราคาถูกกว่า มักใช้กับบ้านอยู่อาศัยที่ต้องการประหยัด และเนื่องจากการที่มีน้ำหนักเบากระเบื้องชนิดนี้สามารถใช้กับโครงสร้างของ หลังคาขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่กว้างๆได้ เช่น อาคารโรงงาน กระเบื้องชนิดนี้มีขนาดของลอนให้เลือก 2 ขนาดคือ ลอนขนาดใหญ่หรือที่เรียกว่ากระเบื้องลอนคู่ และลอนขนาดเล็กหรือที่เรียกว่ากระเบื้องลูกฟูกลอนเล็ก

นอกจากนี้ยังมีวัสดุมุงหลังคาแบบอื่นอีกที่ผลิตขึ้นเพื่อเน้นคุณสมบัติเฉพาะ ตัวหรือเพื่อวัตถุประสงค์พิเศษในการใช้งาน เช่น หลังคาพลาสติกใสเพื่อให้แสงสว่างสามารถผ่านเข้าไปในตัวอาคารได้ หลังคากระเบื้องดินเผาเพื่อเน้นศิลปะเฉพาะตัวแบบโบราณ หรือหลังคาเหล็กเคลือบสีเพื่อลดน้ำหนักของโครงสร้าง เป็นต้น ซึ่งวัสดุมุงหลังคาเหล่านี้มักมีที่ใช้เฉพาะด้านจึงไม่ค่อยพบเห็นกันมากนัก
 
  • เทคนิคน่ารู้เกี่ยวกับกระเบื้องมุงหลังคาและการมุงหลังคา
  • กระเบื้องที่ใช้มุงหลังคาจะต้องอยู่ในสภาพที่ดีไม่มีรอยแตกหักหรือชำรุดอันอาจเป็นสาเหตุให้ เกิดการรั่วซึมได้ในภายหลัง
  • การผูกยึดแผ่นกระเบื้องเข้ากับโครงหลังคาจะต้องทำให้ครบถ้วนตามหลัก เพื่อให้การเกาะยึด ของ แผ่นกระเบื้องมีความมั่นคง เรื่องนี้ถ้าเป็นไปได้ควรหาโอกาสสอบถามหรือพูดคุยกับผู้ควบคุมงานหรือ ผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับการมุงหลังคาเพราะบางครั้งการผูกยึดกระเบื้อง คอนกรีตหรือกระเบื้องโมเนีย อาจทำการ ผูกยึดเป็นแนวสลับแนวเพื่อให้สามารถถอดกระเบื้องออกได้ในภายหลังเวลาที่ต้อง การเปลี่ยนหรือซ่อมแซม แต่ ถ้าเป็นหลังคาที่มีความชันมากเกินกว่า 45 องศา อาจจำเป็นต้องผูกยึดทุกแนวเพื่อป้องกันไม่ให้กระเบื้อง เลื่อนหล่นลงมาเป็นต้น
  • การวางแนวกระเบื้องควรจะวางเป็นแนวตรงสวยงามไม่คดเป็นงูเลี้อยซึ่งอาจ เป็นสาเหตุทำให้กระ เบื้องแตกชำรุดได้ง่าย เนื่องจากการวางซ้อนกันไม่สนิททำให้กระเบื้องแต่ละแผ่นขาดความสมดุลใน การกระจายน้ำหนัก สำหรับกระเบื้องคอนกรีตหรือกระเบื้องโมเนียการวางกระเบื้องในแต่ละแถวที่ อยู่ติดกันควรจะสลับแนวรอยต่อกันเพื่อป้องกันมิให้น้ำฝนไหลซึมเข้าตามร่อง ได้โดยง่ายและความชันของหลังคาที่มุงด้วยกระเบื้องชนิดนี้ไม่ควรต่ำกว่า 20 องศาโดยมีระยะทับซ้อนของกระเบื้องแผ่นบนและล่างอยู่ในช่วง 7-10 เซนติเมตร เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำฝนไหลย้อนขึ้นตามร่องที่กระเบื้องวางซ้อนกัน
  • ในกรณีที่เป็นกระเบื้องคอนกรีตจะต้องมีการก่อปูนทรายเพื่อครอบรอยต่อของ หลังคาตามแนวสันของหลังคา การครอบกระเบื้องตามรอยต่อจะต้องทำอย่างประณีต เพราะจุดเหล่านี้จะเป็นจุดอ่อน ถ้าทำไม่ดีหรือมีรอยแตกจะทำให้น้ำฝนรั่วไหลลงไปได้ และการซ่อมแซมก็มักจะทำได้ลำบากเนื่องจากอยู่ ในที่สูง นอกจากนี้ การปีนขึ้นไปซ่อมหลังคาบางจุด ถ้าช่างซ่อมขาดความระมัดระวังหรือไม่ชำนาญพอก็ อาจทำให้หลังคาจุดอื่นแตกชำรุดได้อีก
  • หลังคาที่อยู่ส่วนชั้นบนสุดจะเป็นส่วนที่ถูกแสงแดดมากและเกิดความร้อน ภายในห้องตรงบริเวณ ที่หลังคานั้นครอบคลุมอยู่ หากต้องการใช้วัสดุกันความร้อนเพื่อลดความร้อนดังกล่าวก็ควรจะปรึกษากับผู้ ออกแบบหรือกับผู้รับเหมาและระบุไว้ตั้งแต่แรก เพราะวัสดุป้องกันความร้อนบางชนิดจะต้องปูแนบกับตัวกระเบื้องมุงหลังคาเพื่อ ที่ช่างมุงหลังคาจะได้ปูวัสดุป้องกันความร้อนไปพร้อม ๆ กันกับขั้นตอนของการมุงหลัง คาเลยทีเดียว ไม่ต้องหาวิธีแก้ไขในภายหลัง
  • ในกรณีที่ใช้กระเบื้องลอนคู่หรือกระเบื้องลูกฟูกลอนเล็กมุงหลังคา การเรียงต่อของแผ่นกระ เบื้องตรงแนวลอนจะต้องทาบลอนซ้อนกัน ถ้าเป็นไปได้ก่อนการมุงกระเบื้องควรจะดูทิศทางของลมฝนก่อน เวลามุงกระเบื้องจะได้ซ้อนกระเบื้องตรงแนวลอนได้ถูกทิศทาง โดยให้แผ่นที่ซ้อนทับลอนด้านบนอยู่เหนือ ลมฝนเพื่อป้องกันมิให้ฝนสาดเข้าตรงรอยต่อดังกล่าว และหลังคาที่มุงด้วยกระเบื้องชนิดนี้ควรมีความชันไม่ น้อยกว่า 10 องศา เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำฝนไหลย้อนขึ้นตามร่องกระเบื้องที่วางซ้อนกัน
ที่มา  thaiinteior
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 1 ธันวาคม 2016, 16:54:01 โดย anastasia »