ผู้เขียน หัวข้อ: ตอนที่ 2 : การเลือกขนาดสายไฟฟ้าให้เหมาะสมกับการใช้งาน  (อ่าน 3558 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ anastasia

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 107
  • พอยท์: 0
    • ดูรายละเอียด
ในการเลือกขนาดสายไฟฟ้าให้มีความเหมาะสมกับการใช้งานนั้นเราจะดูที่ พิกัดการทนกระแสไฟฟ้าของสายไฟฟ้าเป็นสำคัญ กล่าวคือถ้าอุปกรณ์ไฟฟ้ากินกระแสไฟฟ้ามากเราก็ต้องเลือกใช้ขนาดสายไฟฟ้าใหญ่ถ้าอุปกรณ์ไฟฟ้ากินกระแสไฟฟ้าน้อยเราก็ใช้สายไฟฟ้าที่มีขนาดเล็กลงมา  โดยดูได้จากตารางแสดงดังนี้
 
snap.jpg height=513


เราจะใช้ตารางด้านบน เลือกขนาดสายไฟฟ้าให้มีความเหมาะสมกับการใช้งานแบบง่ายๆ โดยให้ดู 2 ช่องหลักดังแสดงด้วยลูกศรแดงกับน้ำเงินดังนี้

 snap1.jpg height=121
 
ยกตัวอย่างเช่น   สายไฟฟ้าชนิด VAF ขนาด 2.5 sq.mm  จะมีพิกัดการทนกระแสไฟฟ้าได้ 21 แอมป์ ( A )  หรือ สายไฟฟ้าขนาด 25 sq.mm จะมีพิกัดการทนกระแสไฟฟ้าได้ 91 A  จะเห็นได้ว่า ขนาดของสายไฟฟ้ายิ่งมากเท่าไหร่ อัตราพิกัดการทนกระแสไฟฟ้าก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นเราจะต้องเลือกใช้ขนาดของสายไฟฟ้าให้เหมาะสมกับขนาดของโหลดอุปกรณ์ไฟฟ้า

ขั้นตอนง่ายๆในการหาขนาดของสายไฟฟ้าให้มีความเหมาะสมกับอุปกรณ์ไฟฟ้า มีดังนี้

1.ต้องรู้ค่ากระแสไฟฟ้าของอุปกรณ์ไฟฟ้า  สำหรับค่ากระแสไฟฟ้านั้นหาได้จากแผ่นป้ายที่ติดอยู่ที่โครงอุปกรณ์ไฟฟ้า
 snap2.jpg height=379


จากรูป อุปกรณ์ไฟฟ้าได้แก่เครื่องปรับอากาศ ( รูปซ้ายมือ ) จะเห็นว่าแผ่นป้ายที่บอกข้อมูลทางไฟฟ้าของเจ้าเครื่องปรับอากาศเครื่องนี้ อยู่ด้านข้างของเครื่อง ดังแสดงรูปขวามือ  จะเห็นว่าจากแผ่นป้ายจะบอกไว้ว่าเครื่องปรับอากาศจะกินกระแสไฟฟ้า มีค่า 10.50 แอมป์ ( A  )   

หมายเหตุในกรณีที่แผ่นป้ายของอุปกรณ์ไฟฟ้านั้นๆไม่บอกค่ากระแสไฟฟ้ามา พี่น้องก็ไม่ต้องตกใจเกินเหตุ เพราะมีวิธีคำนวณเพื่อหาค่ากระแสไฟฟ้าด้วยวิธีง่ายๆ คือ นำค่ากำลังไฟฟ้า( หน่วยเป็นวัตต์,w ) หารด้วย ค่าแรงดันไฟฟ้า ( หน่วยเป็นโวลท์ , V )  ถ้าเขียนเป็นสูตรก็จะได้ว่า

=   P / U
                   
กำหนดให้   I   =   ค่ากระสไฟฟ้าของอุปกรณ์ไฟฟ้า      มีหน่วยเป็น   แอมป์( A  )
               P   =   ค่ากำลังไฟฟ้าของอุปกรณ์ไฟฟ้า     มีหน่วยเป็น   วัตต์   ( W  )
               U   =   ค่าแรงดันไฟฟ้าที่อุปกรณ์ไฟฟ้าใช้งาน มีหน่วยเป็น   โวลท์( V )

           ถ้าเครื่องปรับอากาศดังรูป ไม่บอกค่ากระแสไฟฟ้ามาให้ เราลองมาคำนวณหาค่ากระแสไฟฟ้าดังนี้
         จากแผ่นป้ายจะได้    ค่ากำลังไฟฟ้า( P )  = 2330 วัตต์ ( W )  ,  ค่าแรงดันไฟฟ้าในบ้านเรา ( U ) = 220 โวลท์ ( V )
          แทนค่าในสูตรด้านบนจะได้
                                                           I  =   2330 W /  220 V
                                                              =   10.60  A
จะเห็นว่าค่ากระแสไฟฟ้าที่คำนวณได้จะมีค่าใกล้เคียงกับค่ากระแสไฟฟ้าที่ระบุในแผ่นป้าย
2
. เผื่อค่ากระแสไฟฟ้า อีก 25 %   โดยทั่วไปวัสดุและอุปกรณ์ไฟฟ้าเมื่อทำงานติดต่อกันเกินกว่า 3  ชั่วโมงขึ้นไปประสิทธิภาพการทำงานจะลดลงเหลือประมาณ 80 % ดังนั้น  สายไฟฟ้าที่เราจะนำมาใช้งานก็เช่นเดียวกัน เมื่อใช้งานติดต่อกันเกินกว่า
3 ชั่วโมงประสิทธิภาพในการทนกระแสก็จะลดลงเหลือประมาณ 80%เพื่อเป็นการชดเชยประสิทธิภาพในการทนกระแสไฟฟ้าของสายไฟฟ้าในส่วนที่หายไป  ก็เลยต้องมีการเผื่อค่ากระแสไฟฟ้าเพิ่มอีก 25 %ก่อน   แล้วนำค่ากระแสไฟฟ้าที่ได้ นำไปหาขนาดสายไฟฟ้าในขั้นตอนต่อไป

        จากขั้นตอนที่1       ค่ากระแสไฟฟ้า มีค่า   10.55  แอมป์
  ( ทำการเผื่ออีก 25 % ) ค่ากระแสไฟฟ้า มีค่า    10.55 X 1.25 ( คิดที่ 125 %  )
                                             
                                                       มีค่า = 13.18 A

3 .
นำค่ากระแสไฟฟ้า เปิดตารางหาขนาดสายไฟฟ้า   เราจะนำค่ากระแสไฟฟ้าที่ได้ทำการเผื่อไว้แล้ว 25% หรือพูดอีกแบบหนึ่งก็คือค่ากระแสไฟฟ้าที่ 125 %  ซึ่งมีค่าเท่ากับ 13.18 A  นำไปเทียบกับตารางพบว่า เราจะต้องใช้สายไฟฟ้าที่มีขนาด 1.5 sq.mm ( ทนพิกัดกระแสไฟฟ้าได้ 21 A ) มาใช้ในการเดินสายไฟฟ้าให้กับเครื่องปรับอากาศดังรูป ทั้งนี้เนื่องจากสายไฟฟ้า มีอัตราพิกัดการทนกระสไฟฟ้าได้มากกว่าค่ากระแสไฟฟ้าที่ไหลจริงในวงจร จะทำให้สายไฟฟ้าไม่ร้อน และเกิดอุบัติเหตุอัคคีภัยได้

         
บทสรุป
            ในการเลือกขนาดสายไฟฟ้าขนิด VAF ให้มีความเหมาะสมกับการใช้งานนั้น จะมีขั้นตอนในการหาทั้งหมด 3 ขั้นตอน ดังนี้
 
snap3.jpg height=444

หวังเป็นอย่างยิ่ง ผู้มาเยี่ยมเยียนคงจะได้ความรู้ในการหาขนาดสายไฟฟ้าให้มีความเหมาะสมกับการใช้งานนะครับ อย่างน้อยจะได้มีข้อมูลเอาไว้คุยกับช่างเดินสายไฟฟ้าได้เวลาที่เราต้องการต่อเติมการใช้ไฟฟ้าภายในวิมานนกกระจอกของเรา.......ยังมีอีกนิดนึงคือการเลือกขนาดของอุปกรณ์ป้องกันระบบไฟฟ้าหรือที่เราคุ้นเคยกันดีว่า
เซอร์กิตเบรกเกอร์ ขอเก็บเอาไว้บอกเล่ากันในคราวหน้า นะครับ
 
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
ประสิทธิ์   พิทยพัฒน์  ,  การออกแบบระบบไฟฟ้า
Website ของ Bangkok  Cable
 
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนนะครับว่า....ในการนำสายไฟฟ้ามาใช้ต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าเข้ากับระบบไฟฟ้าเพื่อให้อุปกรณ์ไฟฟ้านั้นๆทำงานได้สมความตั้งใจอยากของเจ้าของสตางค์นั้น ไม่ใช่นึกจะนำสายไฟฟ้าขนาดอะไรก็ได้มาต่อใช้งานนะครับ.....
อันตรายที่สุดนะครับ!!!!!ติดตามไปเรื่อยๆ...แล้วจะทราบเหตุผลนะครับ 


ที่มา: http://www.tatc.ac.th/external_newsblog.php?links=136
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23 มีนาคม 2017, 01:01:30 โดย anastasia »