ผู้เขียน หัวข้อ: สาเหตุและวิธีการแก้ไขปัญหาหลังคารั่ว ตอนที่ 2  (อ่าน 1150 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ anastasia

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 107
  • พอยท์: 0
    • ดูรายละเอียด
สวัสดีค่ะ เมื่อตอนที่แล้วบล้อกบ้านแสนรักได้นำเสนอบทความเกี่ยวกับสาเหตุและ วิธีการแก้ไขปัญหาหลังคารั่ว ตอน ที่ 1 ไปแล้วนะคะ ซึ่งจริง ๆ นอกจากสาเหตุแห่งปัญหาของหลังคารั่วจุดต่าง ๆ ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ก็ยังมีสาเหตุอีกหลายประการที่ทำให้เกิดอาการหลังคารั่วได้ ในวันนี้บล้อกบ้านแสนรักจึงขอนำเสนอบทความเกี่ยวกับสาเหตุและวิธีการแก้ ปัญหาหลังคารั่ว อีกครั้ง เป็นตอนที่ 2 ค่ะ ซึ่งในตอนนี้นอกจากจะมีข้อมูลโดยคร่าวคล้ายกับตอนที่ 1 แล้ว ยังมีรายละเอียดสำคัญอีกบางประการที่บล้อกบ้านแสนรักอยากจะกล่าวถึงอีกด้วย มาดูกันนะคะ ว่าสาเหตุและวิธีการแก้ปัญหาหลังคารั่วในตอนนี้ มีสาระน่ารุ้อย่างไรบ้าง
 
  สาเหตุที่ทำให้หลังคารั่วมีดังนี้
 
 1. เนื่องจากโครงสร้างหลังคาในส่วนที่เป็น แป แอ่น แนวท้อง แป ตกท้องช้าง ทำให้กระเบื้องหลังคาไม่อยู่ในระนาบ เกิดอาการแอ่นไปมา การซ้อนทับกันของแผ่นกระเบื้องหลังคาจึงไม่สนิทกัน
 
 เรื่องของเรื่องอาจจะมาจาก ความอยากประหยัด ลดต้นทุนในการก่อสร้างนั่นล่ะนะคะ จึงทำให้มีการวางระยะห่างระหว่างจันทันมากจนเกินไป หรือใช้ขนาดของแปที่เล็กเกินไป งานนี้การแก้ไขทำได้ยากมากค่ะ และแพงเสียด้วย ดังนั้นเจ้าของบ้านก็ควรดูแลตั้งแต่ต้นเมื่อเริ่มทำการก่อสร้าง ไม่ใช่หลังจากมุงกระเบื้องหลังคาเสร็จแล้ว เพราะการจะเพิ่มขนาดแปนั้น ก็จำเป็นต้องรื้อกระเบื้องมุงหลังคาออกเสียก่อน และอาจจะต้องทำความเสียหายให้ในอีกหลาย ๆ ส่วนที่เกี่ยวข้องหรือต่อเนื่องกัน
 
  ส่วนคำถามที่ว่า แล้วจะแก้ปัญหาด้วยการเพิ่มจำนวนจันทันได้หรือไม่ คำตอบและคำเตือนก็คือ การจะเพิ่มจำนวนจันทันนั้นก็ต้องตรวจสอบขนาดโครงสร้างเดิมเสียก่อนล่ะนะคะ ว่า สามารถรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นได้อีกหรือไม่ และยังอาจจะต้องรื้ออะไรต่อมิอะไรให้วุ่นวายไปอีกมากมาย เสียหายทั้งเงินทั้งของ จากความโลภที่คิดลดต้นทุนค่าก่อสร้างในสิ่งที่ไม่ ควรในตอนแรกนั่นเองล่ะนะคะ
 
 

2. การ มุงกระเบื้อง มีระยะซ้อนทับน้อยเกินไป
หรือวางการซ้อนทับผิดทิศทางลมฝน กระเบื้องมุงหลังคาโดยทั่วไปนั้น เป็นการวางแผ่นกระเบื้องหลังคา ซึ่งเป็นชิ้นส่วนย่อย ๆ ประกอบขึ้นเป็นผืนหลังคาทั้งหมด ย่อมก่อให้เกิดรอยต่อระหว่างการซ้อนทับของแผ่นกระเบื้องมุง ระยะซ้อนทับหรือทิศทางการซ้อนทับนี้ เป็นจุดหนึ่งที่มักก่อให้เกิดน้ำฝนย้อนเข้ามาใต้ผืนหลังคาได้ค่ะ ทั้งนี้เนื่องจากระยะซ้อนทับอาจไม่มากพอ ไม่สัมพันธ์กับองศาความลาดชันของผืนหลังคา หรือทิศทางการซ้อนทับไม่สัมพันธ์กับทิศทางลมฝน หรืออีกเหตุนึงก็คือต้องการประหยัดวัสดุมุงหลังคาจึงลดระยะการซ้อนทับของ แผ่นกระเบื้องมุงหลังคา
 
 ในส่วนรอยต่อด้านข้างระหว่างแผ่นกระเบื้องนั้น ถ้าหากว่าเป็นกระเบื้องใยหินลอนต่างๆนั้นต้องดูทิศทางลมฝนที่เกิดขึ้นเป็น ประจำในถิ่นด้วยนะคะ เพราะรอยต่อด้านข้างของแผ่นกระเบื้องลอนดังกล่าวนี้จะเป็นจุดที่น้ำฝนสามารถ ย้อนเข้าไปได้ ถ้าหากว่าวางอยู่ในทิศทางที่ปะทะกับลมฝน จึงต้องมุงกระเบื้องลอนในทิศทางที่ย้อนกับทิศทางลมฝน เพื่อให้รอยต่อด้านข้างระหว่างแผ่นกระเบื้องลอนได้มีส่วนสันกระเบื้องซึ่ง อยู่สูงกว่ารอยต่อนี้ เป็นตัวสร้างเงาฝน ไม่ให้ลมฝนปะทะรอยต่อโดยตรง ซึ่งในการแก้ไขปัญหา เฉพาะ หน้านอกจากการเอาถังพลาสติกไปรองรับน้ำฝน หรือการเอาผ้ายางคลุมหลังคานั้น ก็มีการใช้วัสดุพวกเทปกาวยางปิดรอยรั่วเป็นการชั่วคราวก่อนที่จะต้องมีการ รื้อหลังคาและมุงใหม่ให้ถูกต้องเป็นการถาวรต่อไป
 
 3. ความลาดชันของผืนหลังคาน้อยเกินไป เนื่องจากกระเบื้องแต่ละประเภทจะมีกำหนดองศาของความลาดชันของผืนหลังคาที่ แตกต่างกัน เพื่อป้องกันปัญหาน้ำฝนย้อนเข้าไปตามรอยต่อ ซึ่งผู้ผลิตจะกำหนดระยะซ้อนทับ และความลาดเอียงของผืนหลังคาที่เหมาะสม และแนะนำให้ใช้ตามที่ระบุ แต่ในบางครั้งที่จำเป็นต้องเลือกใช้วัสดุมุงหลังคาซึ่งไม่เหมาะสมกับความลาด ชันของผืนหลังคา จำเป็นต้องเพิ่มระยะซ้อนทับระหว่างแผ่นกระเบื้อง เพื่อป้องกันปัญหาน้ำฝนย้อนเข้าใต้กระเบื้องหลังคาค่ะ
 
 การแก้ไขนั้น ถ้าหากว่าไม่สามารถเปลี่ยนวัสดุมุงหลังคาให้เหมาะสมกับองศาความชันของผืน หลังคาแล้ว ก็จำเป็นต้องรื้อวัสดุมุงหลังคาออกมาจัดระยะแปใหม่ เพื่อเพิ่มระยะซ้อนทับระหว่างแผ่นกระเบื้อง แต่ก็ควรระวัง ถ้าหากว่าแปมีระยะที่ใกล้กันมากขึ้น จำนวนแถวกระเบื้องย่อมเพิ่มขึ้นและเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้กับโครงสร้าง หลังคา ซึ่งถ้าหากว่าจำนวนแถวกระเบื้องที่เพิ่มขึ้นมีมากกว่าร้อยละยี่สิบของแถว เดิมแล้วควรปรึกษาวิศวกรในเรื่องการรับน้ำหนักของโครงสร้างหลังคา เพราะโดยปกติแล้วโครงสร้างหลังคาจะถูกออกแบบมาให้รับน้ำหนักตัวมันเอง แรงลมและน้ำหนักคนเดินอีกนิดหน่อยเท่านั้นอ่ะนะคะ
 

4. ปัญหาจากการยึดติดกระเบื้อง
โดย ปกติแล้วกระเบื้องคอนกรีตจะมีรูที่ด้านบนแผ่นกระเบื้องสำหรับยึดกับแปด้วย สกรูหรือตะปู แล้วแต่ว่าแปนั้นเป็นไม้หรือเป็นเหล็ก แต่สำหรับกระเบื้องใยหินลอนต่างๆนั้นจะต้องมีการเจาะรูกระเบื้อง ถ้าหากว่าเป็นการยึดกระเบื้องกับแปด้วยสกรูหรือตะปู แต่ถ้าหากว่าเป็นการยึดกระเบื้องกับแปด้วยขอเกี่ยวแล้ว ก็ไม่ต้องเจาะรูกระเบื้อง โดยปกติการเจาะรูกระเบื้องนั้น ควรจะใช้สว่านเจาะ เพราะด้วยความคมของดอกสว่านความเร็วรอบของการหมุนดอกสว่าน และการเจาะรูที่ไม่สร้างแรงกระแทกรุนแรงนั้น จะไม่ทำให้กระเบื้องแตกร้าวเป็นแนวยาวได้ ซึ่งจะเป็นจุดที่ก่อให้เกิดน้ำรั่วเข้าได้ซึ่งการซ่อมแซมก็เป็นได้แบบง่ายๆ ตั้งแต่เอาวัสดุพวกเทปกาวยางสำหรับอุดรอยรั่วหลังคามาปิดรูหรือรอยแตกที่ว่า นี้หรือจะเลือกวิธีเปลี่ยนกระเบื้องแผ่นใหม่ก็ได้
 
 5. ถ้าหากหลังคามุงด้วยกระเบื้องใยหิน ซึ่งมีราคาถูกกว่ากระเบื้องคอนกรีทแต่ก็จะมีโอกาสรั่วมากขึ้นตามการติดตั้ง เช่น ในการติดตั้งกระเบื้องใยหิน ซึ่งจะมีการซ้อนทับบริเวณมุมกระเบื้องเป็นจำนวน 4 แผ่นซึ่งจะต้องมีการตัดมุมกระเบื้องออก 2 แผ่น เนื่องจากช่องว่างที่เกิดจากการซ้อนทับของกระเบื้องที่ไม่ตัดมุมจะทำให้รอย ต่อระหว่างแผ่นกระเบื้องดังกล่าว เกิดเป็นช่องว่างระหว่างแผ่นทำให้เป็นการเปิดช่องให้น้ำฝนสามารถรั่วเข้าไป ได้โดยง่าย การเจาะรูเพื่อยึดแผ่นกระเบื้องใยหินกับแป จะต้องเจาะให้ทะลุกระเบื้องทั้ง 2 แผ่น ที่ซ้อนทับกันอยู่ และยึดกระเบื้องทั้งสองแผ่นเข้ากับแปในรูเดียวกัน ในกรณีที่เจาะยึดเพียงกระเบื้องแผ่นเดียวและเอาอีกแผ่นไปวางทับหัวน็อตไว้ จะทำให้เกิดช่องว่างระหว่างแผ่นกระเบื้องที่ซ้อนทับ และกระเบื้องอีกแผ่นจะมีโอกาสที่จะขยับเลื่อนตกจากแปได้
 
 การขันน็อตยึดกระเบื้องใยหินแน่นเกินไปก็ไม่ดีนะคะ เพราะแรงบีบของน็อตชุดดังกล่าวจะทำให้กระเบื้องแอ่นจนเกิดช่องว่างระหว่าง แผ่นกระเบื้อง หรืออาจแน่นจนกระเบื้องแตกเป็นจุดที่ทำให้น้ำฝนสามารถรั่วเข้าไปใต้หลังคา ได้ อุปกรณ์ตัวยึดกระเบื้องใยหินต้องครบสมบูรณ์เช่นกันค่ะ เช่น ต้องมีฝาสังกะสีครอบรับหัวน็อต ต้องมีแหวนยางรองรับที่มีสภาพสมบูรณ์ไม่ฉีกขาด หรือเสื่อมสภาพ เพราะฝาสังกะสีครอบหัวน็อตและแหวนยางดังกล่าวเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันน้ำ ฝนไหลเข้าไปใต้แผ่นกระเบื้องที่ ขนาดพื้นที่หลังคาไม่สัมพันธ์กับลักษณะลอน และความลาดชันของผืนหลังคา โดยมี ข้อควรทำดังนี้
 
 หลังคาที่มีพื้นที่มาก ควรใช้กระเบื้องที่มีลอนใหญ่ หากอยากได้ลอนเล็กต้องเพิ่มความลาดชันของหลังคาให้มากกว่าปกติมาก ๆ เพราะขนาดลอนกระเบื้องที่ใหญ่ จะเป็นตัวเพิ่มพื้นที่รองรับน้ำฝนที่ไหลมาเป็นปริมาณมาก ๆ ได้ เหมือนกับรางน้ำที่มีขนาดใหญ่ ย่อมสามารถรองรับปริมาณน้ำได้มากกว่ารางน้ำขนาดเล็ก ซึ่งในแก้ปัญหาน้ำรั่วเข้าหลังคาในกรณีปัญหาเกิดจากการติดตั้งกระเบื้อง ใยหินดังกล่าวมาแล้ว
 ควรแก้ไขไปตามสาเหตุแห่งปัญหา แต่กรณีที่พื้นหลังคาไม่สัมพันธ์กับลักษณะลอนและความลาดชันของผืนหลังคาอาจ จะต้องมีการแก้ไขใหญ่ ซึ่งอาจจะเลือกเปลี่ยนวัสดุมุง หรือปรับเปลี่ยนความลาดชันของผืนหลังคาก็แล้วแต่จะเลือกวิธีการ ซึ่งอาจจะขึ้นอยู่กับงบประมาณ หรือ ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น
 
 6. ในกรณีที่บนหลังคามีรางระบายน้ำหรือตะเฆ่ราง ปัญหาการรั่วซึมอาจไม่ได้มาจากกระเบื้องมุงหลังคาเพียงอย่างเดียวนะคะ แต่อาจเกิดจากรางระบายน้ำหรือตะเฆ่ราง ได้เช่นกัน
 
 ตะเข้รางมีความกว้างหรือความลึกไม่เพียงพอ ทำให้รางรับน้ำรองรับปริมาณของน้ำฝนที่ตกลงมาไม่ทันค่ะ ยิ่งผืนหลังคามีพื้นที่มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องมีรางรับน้ำที่กว้างและลึกมากขึ้นเป็นสัดส่วนที่สัมพันธ์กัน บางแห่งอาจจะแก้ไขปัญหาน้ำฝนไหลเข้ามาทางตะเฆ่รางนี้ ด้วยการพอกปูนปิดทับตะเฆ่รางนี้ด้วยหวังว่าจะทำให้น้ำฝนไม่ต้องไหลเข้าไปใน รางรับน้ำดังกล่าว และไหลไปความลาดเอียงของแนวปูนที่พอกทับไว้นี้ ซึ่งก็ไม่ค่อยจะได้ผลเพราะปูนดังกล่าวก็มักจะแตกร้าว และเกิดช่องว่างให้น้ำฝนเข้าไปได้ เนื่องจากปัญหาการยึดเกาะและการยืดหดตัวที่ไม่เท่ากันระหว่างเนื้อปูนกับ ผิวกระเบื้องและรางรับน้ำและได้ทำให้การแก้ไขปัญหาที่ตามมาเกิดความยุ่งยาก มากขึ้นไปอีกหลายเท่าเลยทีเดียว
 
 ในกรณีเช่นนี้ จึงควรเปลี่ยนรางรับน้ำในตะเฆ่รางให้มีขนาดที่สามารถรองรับปริมาณน้ำฝนได้ มากขึ้นนะคะ กรณีที่หลังคามีรางรับน้ำโดยรอบชายคา ต้องหมั่นตรวจสอบดูด้วยว่ารางรับน้ำหรือท่อระบายน้ำของรางมีอะไรมาอุดตัน หรือไม่ เพราะถ้าอุดตันจะทำให้น้ำล้นรางเข้าสู่อาคารได้
 
 สำหรับ รางน้ำสังกะสี ควรทำฝาตะแกรงครอบกันใบไม้ไม่ให้ร่วงเข้าไปอุดตัน ส่วน รางรับน้ำ คสล.ตัว รับน้ำลงท่อน้ำฝนควรใช้ตัว ROOF DRAIN แทนที่จะใช้ FLOOR DRAIN (ที่เราเห็นตามพื้นห้องน้ำทั่วไป)เพราะ ROOF DRAIN มีอุปกรณ์ฝาครอบกันใบไม้อุดตันเป็นส่วนหนึ่งของ ROOF DRAIN แต่ถ้าหากว่าได้มีการติดตั้ง FLOOR DRAIN แทนที่จะติดตั้ง ROOF DRAIN แล้ว และการเปลี่ยนหัว DRAIN นั้นเป็นไปได้โดยยาก ก็อาจจะเลือกทำตะแกรงทรงกระบอกสูงครอบทับเหนือ FLOOR DRAIN ดังกล่าวและยึดติดกับบริเวณที่ติดตั้งให้แน่นหนา เพื่อป้องกันใบไม้อุดตันหัว DRAIN และป้องกันน้ำพัดพาตะแกรงดังกล่าวหลุดไปจากบริเวณหัว DRAIN
 
 7. น้ำรั่วซึมเข้ามาเนื่องจากอาคารไม่มีปีกนก (FLASHING) ในส่วนที่หลังคาเข้ามาชนกับผนังอาคาร
 ปัญหาจากครอบสันหลังคา ครอบตะเฆ่สัน ครอบข้าง หรือปีกนก ซึ่งทำด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กแตกร้าว
 ในช่วงสมัยหนึ่งของการก่อสร้าง ได้ใช้คอนกรีตเสริมเหล็กในการทำส่วนต่างๆ ข้างต้น และต่อมาอาคารบางแห่งก็เกิดการแตกร้าวของส่วนต่าง ๆ ดังกล่าว ทั้งอาจจะเนื่องจากสภาพลมฟ้าอากาศและแสงแดด หรือฝีมือช่างก็แล้วแต่ ก็ทำให้น้ำรั่วเข้ามาใต้หลังคาได้
 
 กรรมวิธีในการแก้ไขปัญหานี้ มีทั้งแบบง่าย ๆ คือ เอาวัสดุพวกแผ่นสังกะสีอย่างหนา แผ่น Metal Sheet หรือ แผ่นเหล็กสแตนเลส มาดัดเข้ารูปกับลักษณะครอบส่วนต่างๆ ติดปิดทับส่วนเดิม และยึดให้แน่นหนา อาจจะยึดด้วยการล็อคกันของกรรมวิธีการพับ หรือยึดด้วยหมุดหรือสกรูที่ด้านข้างของครอบ
 เพราะถ้าไปเจาะรูยึดด้านบนของครอบ ก็อาจจะเป็นจุดที่ทำให้น้ำฝนไหลเข้าไปได้โดยง่ายอีกเช่นกัน
 ในส่วนของปีกนกที่ปิดทับแนวรอยต่อกระเบื้องหลังคากับผืนผนังนั้น คงต้องเซาะร่องที่ผืนผนังเพื่อฝังขอบแผ่นวัสดุที่เราใช้ ยึดแผ่นวัสดุใหัแน่นหนากับผนังและเก็บความเรียบร้อยรอยต่อผนังกับแผ่นวัสดุ ด้วยซิลิโคนเพื่อป้องกันน้ำเข้าอีกทางหนึ่ง
 
 8. กรณีการต่อเติมอาคาร ให้อาคารใหม่ชนกับอาคารเดิม ควรทำปีกนก (FLASHING) บริเวณรอยต่อระหว่างผืนหลังคากับผนังอาคารด้วย ห้ามใช้ปูนทรายพอก และควรเผื่อรายละเอียดสำหรับการแก้ไขปัญหาน้ำรั่วเข้า เนื่องจากการทรุดตัวของอาคาร 2 ส่วนไม่เท่ากัน ซึ่งถ้าใช้วิธีพอกปูนทรายปิดรอยต่อดังกล่าว นอกจากจะเป็นการทำไม่ถูกวิธีแล้ว ก็จะทำให้ปูนทรายแตกร้าวเป็นจุดรั่วได้ ซึ่งการทำปีกนกนอกจากจะช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้ว ต่อไปเมื่ออาคารใหม่เกิดการทรุดตัว และเกิดช่องว่างระหว่างกระเบื้องหลังคาและใต้ปีกนกมากขึ้น
 
 ในการแก้ไขปัญหาน้ำรั่วเข้าบริเวณดังกล่าว อาจจะเลือกใช้รูปแบบ ปีกนก ที่เป็นวัสดุพวกสังกะสีอย่างหนา Metal Sheet หรือ แผ่นเหล็กสแตนเลส ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งได้โดยง่ายเมื่ออาคารเกิดการทรุดตัว
 
 9.กรณีปัญหาน้ำรั่วชึมเข้ามาใต้หลังคาเนื่องจากแรงลม ที่ปะทะกับผืนหลังคาและก่อให้เกิดแรงดันอากาศภายนอกสูงกว่าแรงดันอากาศใต้ ผืนหลังคานั้น เป็นปัญหาที่มักเกิดจากสภาพพื้นที่ และลักษณะอาคาร ซึ่งในการแก้ไขปัญหานี้นั้นนอกจากจะแก้ไขปัญหาตามสภาพที่เกิดขึ้นแล้ว อาจจะต้องเรียกสถาปนิกให้เข้าไปช่วยตรวจสอบเพื่อหาวิธีปรับแรงดันอากาศใต้ ผืนหลังคา และแรงดันอากาศภายนอกให้ใกล้เคียงกัน เพราะอาจจะต้องตรวจสอบในหลายปัจจัย ทั้งเรื่องสภาพแวดล้อม ลักษณะอาคาร รายละเอียดของอาคารเพื่อที่จะทำช่องเปิดในการปรับแรงดันได้ถูกจุด และไม่ก่อให้เกิดปัญหากลายเป็นจุดที่น้ำฝนจะสาดเข้าไปได้ค่ะ
 
 บล้อกบ้านแสนรักก็หวังว่า บทความเกี่ยวกับปัญหาและวิธีการแก้ไขปัญหาหลังคารั่วที่นำมาฝากกันในวันนี้ จะเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อน ๆ บล้อกทุกท่านบ้างนะคะ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชมบล้อกบ้านแสนรักเสมอมาค่ะ


ที่มา: http://baansanruk.blogspot.com/2011/06/2_29.html
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11 ธันวาคม 2016, 00:40:35 โดย anastasia »