แจกของฟรี
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว:
หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ค้นหา
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
แจกของฟรี
»
Job
»
งาน
»
เทคนิคในการหางาน,สมัครงาน,สัมภาษณ์งาน
»
รวมข้อสงสัยที่นักศึกษาจบใหม่อยากรู้
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
ผู้เขียน
หัวข้อ: รวมข้อสงสัยที่นักศึกษาจบใหม่อยากรู้ (อ่าน 1581 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Master
[color=Turquoise][i]"อาจจะเหนื่อยล้าและมีผิดหวัง แต่ยังมีพรุ่งนี้ให้เราได้เริ่มกันใหม่ ทุกชีวิตที่อยู่ในเมืองนี้ สักวันก็คงได้สมดังใจ ... "[/i][/color]
Global Moderator
Sr. Member
กระทู้: 487
พอยท์: 0
รวมข้อสงสัยที่นักศึกษาจบใหม่อยากรู้
«
เมื่อ:
22 พฤศจิกายน 2016, 12:12:56 »
1 ผลการเรียน (เกรด) ไม่ดี จะมีโอกาสได้ทำงานบ้างไหม
ผู้บริหารของหลายๆองค์กรในปัจจุบันีความเห็นร่วมกันว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องรับพนักงานที่จบการศึกษาระดับเกียรตินิยม หรือเป็นผู้สมัครที่มีผลการเรียนดีเลิศเสมอไป ขอเพียงนักศึกษาที่เพิ่งจบมานั้นได้ศึกษาหาข้อมูล หรือมีความรู้ความเข้าใจในธุรกิจที่ตัวเองอยากจะทำงานมาบ้าง รวมไปถึงเรื่องของทัศนคติ เรื่องของความพร้อมในการปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมในองค์กร และที่สำคัญ ที่เป็นแนวโน้มที่มาแรงในยุคนี้ก็คือ เรื่องของจิตอาสา หรือจิตสาธารณะ เพราะหลายๆองค์กรมีการทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อแสดงถึงการแบ่งปัน และความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility; CSR) ผู้สมัครที่มีคุณสมบัติต่างๆเหล่านี้ ก็จะเป็นที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับองค์กรในยุคปัจจุบัน
อย่าง ไรก็ตามสำหรับวิชาชีพเฉพาะบางสาขา ตัวอย่างเช่น นักบัญชี วิศวกร สถาปนิก ผลการเรียนโดยเฉพาะวิชาหลักของสาขานั้นๆ ยังค่อนข้างมีส่วนมากต่อการพิจารณาของผู้คัดเลือก หากน้องๆยังพอมีโอกาสปรับปรุงก็ขอให้ตั้งใจให้ดี เพื่อผลการเรียนที่น่าพอใจ และอนาคตการทำงานที่สดใสในอนาคตอันใกล้ต่อไป
2 ทำอย่างไรดี ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการทำงานอะไร
ในยุคนี้มีคนทำงานจำนวนมาก ที่เริ่มต้นชีวิตการทำงานแบบผู้ที่ยังค้นหาตัวเองไม่เจอ คือไปลองทำงานที่นั่นนิด ที่นี่หน่อย แล้วก็ย้ายที่ทำงานไปเรื่อยๆ ซึ่งมันไม่ใช่แค่การเสียเวลาของบริษัทเท่านั้น แต่ยังเป็นการเสียเวลาของบุคคลนั้นๆเอง รวมถึงเป็นการทำลายประวัติการทำงานของตัวเองทางอ้อมอีกด้วย เพราะผู้ที่ทำหน้าที่คัดเลือกคงไม่พอใจกับผู้สมัครที่เปลี่ยนงานบ่อยๆมากนัก
สิ่ง แรกที่น้องๆควรทำก่อนที่จะตัดสินใจยื่นประวัติ หรือใบสมัครไปยังบริษัทนั้นๆ คือ น้องต้องศึกษาก่อนว่า ตำแหน่งงานนั้น มีขอบเขตความรับผิดชอบอย่างไรบ้าง มีเงื่อนไขในการทำงานอย่างไร ประกอบกับองค์กรนั้นๆ มีวัฒนธรรมในการทำงานแบบไหน กลุ่มคนส่วนใหญ่ที่นั่นมีพฤติกรรมทำงานอย่างไรซึ่งข้อมูลเหล่านี้เป็นเรื่อง ไม่ยากนักที่จะเข้าถึง เพราะสามารถศึกษาได้จากหลากหลายช่องทาง เช่น เว็ปไซต์ของบริษัท ตั้งกระทู้ถาม เว็ปบอร์ดเกี่ยวกับการหางานสำหรับคนทำงานต่างๆ รวมไปถึงข้อมูลจากบุคคลใกล้ชิด เพื่อนฝูง ครูอาจารย์ รุ่นพี่ ซึ่งเมื่อได้ข้อมูลมาแล้วจึงมาพิจารณากลั่นกรองอย่างรอบคอบอีกที
ทางออก เชิงป้องกันของปัญหานี้ คือ ปัจจุบันหลายองค์กรได้มีโครงการฝึกอบรม ฝึกงาน / ศึกษางาน แนะแนวอาชีพ เช่น โครงการสหกิจศึกษา โครงการทวิภาคี ค่ายเยาวชนที่มีศักยภาพสูง (Young Talent) หรือ Academy Program ต่างๆ ให้กับน้องๆในหลากหลายสถาบันอย่างต่อเนื่อง โดยมีวัตถุประสงค์หลัก คือต้องการส่งเสริมให้น้องมีประสบการณ์ และมีโอกาสได้เรียนรู้การทำงานจริงกับองค์กร และเข้าใจความต้องการในการทำงานและศักยภาพของตัวเองอย่างแท้จริง ซึ่งอาจแตกต่างจากสิ่งที่ได้เรียนรู้หรือศึกษาจากมหาวิทยาลัย ถือเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการทำงาน และให้นักศึกษาได้ค้นหางานที่ตัวเองชอบและถนัดจริงๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดทั้งแก่องค์กรและต่อตัวนักศีกษาเอง จึงอยากฝากไว้ว่าหากยังมีโอกาส เช่น เป็นนักศึกษาชั้นปี 3-4 ก็ให้หมั่นติดตามข่าวประชาสัมพันธ์โครงการเพื่อประโยชน์กับตัวน้องๆเอง
3 เวลาคัดเลือกเด็กจบใหม่ ดูที่อะไรกันบ้าง
ในเรื่องการคัดเลือกนักศึกษาจบใหม่นั้น จะว่าไปแล้วหลักเกณฑ์ของแต่ละองค์กร มีความแตกต่างกันไปตามแต่ประเภทธุรกิจ และลักษณะเฉพาะของแต่ละตำแหน่งงาน แต่ในภาพรวม คือ นอกจากการทดสอบความรู้เชิงเทคนิค หรือความรู้ในงาน ด้วยแบบทดสอบต่างๆแล้ว จะต้องมีการค้นหาตัวตนของน้องๆจากการสัมภาษณ์ กรรมการส่วนใหญ่จะดูจากภาพรวมของผู้สมัครในเรื่องความรู้ในงานส่วนหนึ่ง เรื่องที่สองก็คือการอยู่ร่วมกับคนอื่น การเข้ามาอยู่ในวัฒนธรรมองค์กรของแต่ละแห่ง ก็คือทัศนคติของน้องๆว่าเป็นอย่างไร นั่นหมายความว่าน้องๆควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทไปล่วงหน้า เรื่องความสามารถในการปรับตัว เป็นเรื่องที่สำคัญในการพิจารณา หากเด็กเรียนเก่งแต่มีโลกส่วนตัวสูง มีส่วนร่วมกับสังคมน้อยก็จะต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนอีกทีว่าเหมาะสมกับสาย อาชีพที่เขาทำหรือไม่
ที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าเรื่องอื่นๆ คือ ทักษะความสามารถทางด้านภาษาต่างประเทศ ผู้ที่จบปริญญาตรีโดยทั่วๆไป มักคิดว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญ แต่ที่จริงแล้ว เป็นเรื่องหลักที่ใช้ตัดสินเลยทีเดียวสำหรับองค์กรขนาดใหญ่หลายๆที่ หรือในบางประเภทธุรกิจ ที่มีโอกาสในการคัดเลือกคน (มีตัวเลือกให้เลือกเยอะ) เขาจึงมักเลือกคนที่มีคุณสมบัติพร้อมใช้งานจริงๆ น้องๆที่เก่งด้านภาษา ย่อมมีโอกาสที่เหนือกว่าถือเป็นแต้มต่อ และจะทำให้ประวัติของน้องๆ มีความโดดเด่นขึ้นมาทันที จึงขอฝากไว้ให้น้องๆมีการเตรียมตัวในเรื่องนี้ด้วย
4 จะสร้างความประทับใจครั้งแรกให้กรรมการที่คัดเลือกเรา ได้อย่างไร
ไป ถึงสถานที่นัดหมายก่อนเวลาอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง เพื่อเตรียมความพร้อม หากมีเหตุฉุกเฉินไม่สามารถไปตามเวลาได้ ต้องโทรศัพท์แจ้งล่วงหน้า เพราะการหายเงียบไปเลย หรือ เมื่อ HR ติดต่อไปไม่ยอมรับสาย หรือ รับสายแต่ไม่พูด ถือเป็นการเสียมารยาท และเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีให้กับตัวน้องๆ เอง
สำหรับ เรื่องการแต่งกาย นั้นอาจมีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับลักษณะงาน และประเภทธุรกิจขององค์กรที่ไปสมัคร แต่โดยทั่วไป สำหรับเด็กที่จบใหม่ยังไม่มีประสบการณ์ เพื่อภาพความประทับใจในครั้งแรก สำหรับผู้ชายควรเป็นเสื้อเชิ้ต กางเกงสแล็ค รองเท้าหนัง ผู้หญิงควรเป็นชุดแบบเสื้อสูทคู่กับกระโปรงสีและแบบสุภาพ มิดชิด หลีกเลี่ยงการใส่ชุดนักศึกษา (เพราะไม่ได้มาสมัครเรียน แต่มาสมัครทำงาน) และงดเว้นชุดแบบล้ำแฟชั่น เน้นส่วนสัด หรือชุดที่มีเครื่องประดับมากเกินสมควร
5 เรียนต่อปริญญาโทไปเลยดีไหมจะได้มีโอกาสมากขึ้น
สำหรับประเด็นนี้มีข้อพึงพิจารณาอยู่ว่า การศึกษาต่อ ถือเป็นเรื่องความต้องการหรือเป้าหมายเฉพาะบุคคล หากสาขาที่คุณคิดว่าจะไปศึกษาต่อจะเป็นประโยชน์โดยตรงกับสายงานที่คุณอยากจะ ทำก็เป็นเรื่องที่ดีมาก และเป็นที่ต้องการของตลาด แต่หากคุณต้องการเรียนต่อเพียงเพื่อยังไม่อยากทำงาน หรือเบื่อที่จะหางานระดับปริญญาตรี จึงไปเลือกเรียนสาขาทั่วๆไป ที่ใครๆเขาก็เรียนกันและจบออกมามากมายล้นตลาดแรงงาน ปัญหาที่จะเกิดขึ้นหลังจากการเรียนจบ คือ ความยากลำบากในการหางานทำอีกนั่นเอง เนื่องจากความที่ขาดประสบการณ์ และขาดความแตกต่างจากผู้สมัครทั่วๆไป
แต่สำหรับผู้ที่เรียนจบปริญญาตรีและทำงานไปได้ระยะหนึ่ง เรียกว่ามีประสบการณ์การทำงานบ้างแล้ว การกลับไปเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น เช่น ปริญญาโทในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับงานโดยตรง ถือเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มาก เพราะจะได้รับความรู้ที่เป็นปัจจุบัน ความรู้ใหม่ ๆ ที่นอกเหนือจากประสบการณ์ และสามารถมาต่อยอดกับงานได้ทันที พร้อมๆกับเครือข่ายเพื่อนฝูง ครูอาจารย์ที่จะเป็นประโยชน์สามารถมาต่อยอดต่อการทำงานในสายอาชีพนั้นๆได้ อีกด้วย
ที่มา:
http://jobmarket.co.th/mustKnow/content_detail.php?dd=2512
บันทึกการเข้า
พิมพ์
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
แจกของฟรี
»
Job
»
งาน
»
เทคนิคในการหางาน,สมัครงาน,สัมภาษณ์งาน
»
รวมข้อสงสัยที่นักศึกษาจบใหม่อยากรู้