แจกของฟรี
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว:
หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ค้นหา
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
แจกของฟรี
»
Job
»
งาน
»
เทคนิคในการหางาน,สมัครงาน,สัมภาษณ์งาน
»
เคล็ดไม่ลับกับการหาจุดเด่นในตัวเอง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
ผู้เขียน
หัวข้อ: เคล็ดไม่ลับกับการหาจุดเด่นในตัวเอง (อ่าน 1515 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Master
[color=Turquoise][i]"อาจจะเหนื่อยล้าและมีผิดหวัง แต่ยังมีพรุ่งนี้ให้เราได้เริ่มกันใหม่ ทุกชีวิตที่อยู่ในเมืองนี้ สักวันก็คงได้สมดังใจ ... "[/i][/color]
Global Moderator
Sr. Member
กระทู้: 487
พอยท์: 0
เคล็ดไม่ลับกับการหาจุดเด่นในตัวเอง
«
เมื่อ:
20 พฤศจิกายน 2016, 21:55:17 »
ใน ช่วงที่ผ่านมาทีมงานJobmarketได้มีโอกาสออกไปพบปะน้องๆ ตามสถาบันต่างๆ มาหลายแห่ง และมีโอกาสได้ทราบคำถาม ข้อสงสัย จากน้องๆจำนวนมาก หนึ่งในคำถามยอดนิยม คือ กำลังเตรียมตัวหางาน เริ่มต้นเขียนประวัติส่วนตัวหรือเตรียมตัวเข้ารับการสัมภาษณ์ แต่หลายๆคนยังสับสนยังไม่ทราบว่า ตัวเองมีความถนัด คุณสมบัติเด่น หรือจุดแข็งอย่างไร ซึ่งเป็นประเด็นที่สำคัญมาก เพราะบันไดขั้นแรกของการประสบความสำเร็จ เป็นที่ยอมรับของผู้อื่นนั้น เราต้องรู้จักตัวเองให้มากที่สุดก่อน
ใน บทความนี้ จึงอยากเชิญชวนน้องมาลองค้นหาตัวเอง ผ่านประเด็นคำถามต่างๆ พร้อมๆกับลองวิเคราะห์จุดเด่นของตัวเองตามหลัก S-T-A-R ซึ่งแบ่งเป็นสถานการณ์ หรืองาน Situation/Task (S/T) การกระทำ หรือสิ่งที่ปฏิบัติ Action (A)และผลลัพธ์ที่ได้จากการกระทำนั้น Result (R)ที่ทีมงานได้ยกตัวอย่างสถานการณ์สมมติไว้ให้ เป็นแนวทางไปประยุกต์ใช้ในการเขียนประวัติ หรือสัมภาษณ์งาน ดังนี้
1.
ในระหว่างการเรียน หรือการทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อนๆมักร้องขอให้คุณช่วยเหลืองานในด้านใดบ้าง
ตัวอย่าง เช่น ในกรณีที่อาจารย์มอบหมายงานกลุ่ม คุณก็มักจะได้รับหน้าที่ในการนำเสนองานทุกๆครั้ง ดังนั้น สถานการณ์ (S/T) คือ เมื่อได้รับมอบหมายกิจกรรม หรือทำงานเป็นกลุ่ม งานที่ทำ(A) คือ การนำเสนอผลงานหน้าห้อง ผลลัพธ์ (R)คือ ได้รับคำชื่นชมจากเพื่อนร่วมชั้น หรืออาจารย์ รวมถึงงานชิ้นนั้นได้คะแนนอยู่ในระดับดีมาก หรือได้เกรดAในวิชานั้นๆ เป็นต้น
สรุปจุดเด่นข้อหนึ่งในที่นี้ก็คือ ทักษะในการสื่อความและนำเสนอ (Presentation skill)นั่นเอง
2.
ในการร่วมกิจกรรรมต่างๆ สมัยที่เป็นนักศึกษา กิจกรรมอะไรที่ชอบ ทำแล้วสนุก มีความสุข
ตัวอย่าง เช่น ตอนที่เรียนวิชาการตลาด ซึ่งมีกิจกรรมให้ดำเนินกิจการบริษัทจำลอง แห่งหนึ่ง โดยเราทำหน้าที่ผู้จัดการฝ่ายขาย (S/T) สินค้าที่บริษัทนำมาขาย คือ เครื่องเขียน อุปกรณ์การศึกษา โดยเรามีกลยุทธ์ที่ว่าจะเก็บสต๊อคสินค้าแต่เพียงน้อย แต่จะเน้นศึกษาความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก งานที่ทำ (A) คือ การออกเดินตลาด คือ สำรวจความต้องการ นำสินค้าใหม่ๆไปนำเสนอ ตามโรงอาหาร สถานที่พักผ่อนของนักศึกษาตามซุ้มที่นั่งเล่นต่างๆ (A) ซึ่งได้รับผลตอบรับอย่างดี เพราะ สินค้าตัวไหนที่เรายังไม่มี และมีลูกค้าเรียกร้องมากๆ เราก็สามารถสั่งซื้อจำนวนมากเข้ามาจำหน่ายได้ในราคาถูก ภายใต้รูปแบบ รุ่น สี ขนาด ที่ตลาดต้องการจริงๆ แม้ว่าจะเป็นกิจกรรมที่เหนื่อย แต่สนุกมาก บางวันได้คุยกับคนหลายสิบคนทั้งนักศึกษา อาจารย์ เจ้าหน้าที่และบุคคลภายนอก ซึ่งแต่ละคนจะให้ประสบการณ์ที่หลากหลายกับเรา ทำให้เราต้องเตรียมข้อมูลของสินค้า และแผนการนำเสนอเป็นอย่างดี และปรับปรุงการนำเสนอของตัวเองทุกๆครั้งเพื่อให้โดนใจลูกค้าแต่ละกลุ่ม ผลลัพธ์ (R)คือ บริษัทสามารถทำกำไรดี ภายในเดือนแรกของการเปิดกิจการ
สรุปจุดเด่นจากสถานการณ์นี้ คือ การมีทักษะการขายแบบที่ปรึกษา (Consultative Selling Skill)
3.
นึกถึงงานที่เคยทำและสร้างรายได้ระหว่างเรียน
ตัวอย่าง เช่น ช่วงปิดเทอม หลังจากศึกษาด้านโรงแรมและการท่องเที่ยว ในชั้นปีที่สาม ก็ได้ไปขอเรียนรู้งานกับบริษัทนำเที่ยวในประเทศแห่งหนึ่ง (S/T)โดยตอนแรก ก็ไม่ได้คาดหวังเรื่องค่าตอบแทน ขอแค่ได้เรียนรู้งาน แต่เมื่อไปทำแล้วได้มีโอกาสรับผิดชอบงานผู้ช่วยมัคคุเทศก์ ในการดูแลลูกทัวร์ ติดต่อประสานงานที่พัก ร้านค้า ช่วยลูกทัวร์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนญี่ปุ่นในการเจรจาซื้อของ เพราะได้เคยเรียนภาษาญี่ปุ่นมาในระดับสื่อสารได้ (A) จนพี่เจ้าของบริษัท เห็นความตั้งใจจึงแบ่งรายได้เป็นเปอร์เซ็นต์ ของยอดขายสินค้าที่ระลึกให้ด้วย (R)ทำให้รู้สึกภูมิใจมาก เป็นประสบการณ์ที่ประทับใจ
สรุปจุดเด่นที่แสดงออกมาในที่นี้ คือ ทักษะในการสื่อสาร การเจรจาต่อรอง และทักษะด้านการพูดภาษาญี่ปุ่น
4.
คนต้นแบบ
(
Role Model)
ของเราคือใคร เราทำอะไรบ้างเพื่อให้ประสบความสำเร็จเหมือนเขา
ตัวอย่าง เช่น จากการที่เรียนมาทางด้านนิเทศศาสตร์ วิชาเอกสื่อสารมวลชน ตั้งแต่ตอนเรียนรู้สึกประทับใจคุณสุทธิชัย หยุ่น ในการทำหน้าที่นักข่าว และพิธีกรอาชีพ โดยเฉพาะด้านภาษาอังกฤษ และยึดถือเป็นคนต้นแบบในอาชีพที่เราใฝ่ฝัน(S/T) จึงพยายามทำทุกๆอย่างเพื่อให้ฝันของตัวเองเป็นจริง โดยสิ่งที่ลงมือคือ(A)การหมั่นฝึกฝนภาษาอังกฤษอย่างหนัก ทั้งด้านการฟังพูด อ่าน เขียน เคยลองเขียนสคริปต์รายการที่จะทำตอนทำโปรเจคเทอมสุดท้าย เป็นภาษาอังกฤษ แล้วไปขอให้อาจารย์ฝรั่งช่วยตรวจให้ แรกๆมีแก้ไขแทบจะทุกบรรทัด แต่พอเขียนไปเรื่อยๆ ก็มีที่ต้องแก้ไขน้อยลง กระทั่งได้รับคำชมเชยจากอาจารย์ และให้กำลังใจเราในการพัฒนาต่อไป (R)นอกจากนั้น ยังขอโอกาสทางมหาวิทยาลัย เข้าไปคัดเลือกผู้ประกาศเยาวชน ที่จะทำหน้าที่อ่านข่าวในโทรทัศน์ ภายใน รวมถึงเป็นพิธีกรภาคสนามสำหรับประเด็นร้อนต่างๆ โดยใช้ความพยายามถึงสองครั้งใน (A)ในการคัดเลือกปีที่สองจึงได้เข้าไปทำหน้าที่ดังกล่าว (R)แม้ว่าจะไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆ แต่ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่ามากและคิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการทำงานใน สายอาชีพนี้ในอนาคต
สรุป จุดเด่นในที่นี้ ก็คือ ทักษะความสามารถในการเรียนรู้ (Learning Ability) และชอบเอาชนะปัญหาและอุปสรรค อดทนสูง มุ่งมั่นต่อผลสำเร็จ (Result Oriented)
5.
อุปสรรค หรือปัญหาชีวิตที่เคยเผชิญมาที่คิดว่าหนักที่สุด
ตัวอย่าง เช่น ตอนที่เรียนอยู่คณะบัญชี ปี 2 คุณพ่อได้จากไปด้วยโรคมะเร็ง ประกอบกันแฟนที่คบหากันมาตั้งแต่สมัยมัธยมก็มาบอกเลิก เพราะไปเจอคนใหม่ที่ถูกใจมากกว่า (S/T) แรกๆทำให้รู้สึกเศร้า ผิดหวังมาก แต่เมื่อมองย้อนกลับไปที่ครอบครัว ก็ยังมีคุณแม่ที่น่ารัก และคอยเป็นเสาหลักให้กำลังใจเรา ให้เราคิดได้ว่า ยังมีคนที่รักเรามากที่สุดอยู่อีกคนหนึ่ง และเมื่อมองไปรอบตัวยังมีคนอื่นที่ต้องเผชิญปัญหามากกว่าเรา แต่เค้าก็ยังต่อสู้ผ่านมาได้ ทำให้เราได้กำลังใจและมุ่งมั่นที่จะทำให้ชีวิตเราดีขึ้น ประสบความสำเร็จและเป็นที่พึ่งของครอบครัวในอนาคตให้ได้ อยากให้คุณพ่อคุณแม่ภูมิใจและต้องการมีอนาคตที่ดีขึ้น จึงทำให้เรามุ่งมั่นตั้งใจเรียนเต็มที่ (A) ผลลัพธ์ คือ สามารถจบการศึกษาด้วยคะแนนระดับเกียรตินิยม (R) มาได้
สรุป จุดเด่นในสถานการณ์นี้ คือ การมองโลกในแง่บวก (Positive Thinking) และความสามารถในการสร้างแรงจูงใจให้กับตัวเอง (Self-Motivated)
6.
ทำการทดสอบบุคลิกภาพ
อีกวิธีหนึ่งที่ง่ายวิธีหนึ่งในการหาจุดแข็งของบุคลิกภาพ
น้องๆ อาจค้นหาแบบทดสอบทางอินเทอร์เน็ตสำหรับการทดสอบบุคลิกภาพหรือการค้นหา ศักยภาพเด่นในตัวเอง (Strength Finder) หากมีเวลาควรทดลองทำหลายๆ แบบ หลายๆ ทฤษฎี เพื่อให้ได้มุมมองที่หลากหลาย
ตัวอย่าง เช่น เมื่อประเมินออกมาพบว่าเป็นคนที่มีอัธยาศัย ดี มีบุคลิกภาพแบบเปิด คุณอาจลองนึกไปหาเหตุการณ์หรือข้อมูลประกอบ ได้ว่าในช่วงที่ออกค่ายกับชุมนุมรักบ้านเกิด คุณได้เป็นเรี่ยวแรงหลักในการเข้าไปประสานกับทางชุมชน (A) ก่อนจะไปเริ่มโครงการต่างๆ เพื่อสอบถามปัญหา ความต้องการ และความเห็นอื่นๆ เมื่อถึงวันไปทำกิจกรรมจริง ก็ได้ ก็มีส่วนร่วมในการปรับปรุงห้องเรียน ห้องสมุดชุมชน หอกระจายข่าว ทำหน้าที่ครูอาสา อยู่เป็นเวลา 1 เดือนที่ได้เข้าไปใช้ชีวิตเป็นส่วนหนึ่งในชุมชน ทั้งชาวบ้าน ผู้นำชุมชน เด็กๆรวมถึงผู้ปกครอง ก็ไว้วางใจ ให้ความสนิทสนม แถมยังได้รับรางวัลจากการโหวตขวัญใจชาวค่าย มาอีกด้วย (R)
ข้อ ควรระวังในการระบุจุดเด่นของน้องๆ คือ แต่ละคนไม่จำเป็นจะต้องมีจุดเด่นที่ครบถ้วนเพียบพร้อมไปหมดเสียทุกๆด้าน เพราะอาจจะทำให้ขาดความโดดเด่นและตกเป็นเป้าโจมตีของกรรมการผู้สัมภาษณ์ได้ สิ่งที่เป็นจุดแข็งของคนหนึ่งๆ คือการที่บุคคลนั้นสามารถทำสิ่งนั้นๆ ได้ค่อนข้างสมบูรณ์แบบอย่างสม่ำเสมอ ทางออกที่ดี คือเลือกสิ่งที่คิดว่าเป็นตัวตนของตัวเองจริงๆ สักสองสามประเด็น ที่เกี่ยวข้องสอดคล้องกับคุณสมบัติที่ตำแหน่งนั้นๆ ต้องการ เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้งานให้มากยิ่งขึ้น โดยในการวิเคราะห์ทำความรู้จักตัวเองผ่านคำถามแต่ละประเด็นนั้น เป็นวิธีหนึ่งที่มีประสิทธิภาพสูง และเมื่อได้ข้อมูลออกมาแล้วสามารถนำไปใช้ต่อยอดได้อีกหลายอย่าง เช่น การนำเสนอตัวเองในการสัมภาษณ์งาน การพัฒนาสมรรถนะความสามารถในการทำงานของตัวเราด้วยการเน้นพัฒนาที่จุดแข็ง ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อไปในอนาคตได้อีกด้วย
ที่มา:
http://jobmarket.co.th/mustKnow/content_detail.php?dd=3547
บันทึกการเข้า
พิมพ์
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
แจกของฟรี
»
Job
»
งาน
»
เทคนิคในการหางาน,สมัครงาน,สัมภาษณ์งาน
»
เคล็ดไม่ลับกับการหาจุดเด่นในตัวเอง