ผู้เขียน หัวข้อ: การจัดการกับประวัติส่วนตัวในกรณีมีช่วงว่างงานในประวัติการทำงาน  (อ่าน 1415 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Master

  • [color=Turquoise][i]"อาจจะเหนื่อยล้าและมีผิดหวัง แต่ยังมีพรุ่งนี้ให้เราได้เริ่มกันใหม่ ทุกชีวิตที่อยู่ในเมืองนี้ สักวันก็คงได้สมดังใจ ... "[/i][/color]
  • Global Moderator
  • Sr. Member
  • *****
  • กระทู้: 487
  • พอยท์: 0
    • ดูรายละเอียด
 ใช่ว่าทุกคนจะมีงานทำตลอดช่วงชีวิตการทำงาน หลายคนคงเคยประสบกับช่วงเวลาที่ว่างงาน บางครั้งอาจจะเป็นระยะเวลาสั้นๆ เช่น 1-2 เดือน หรือบางคนอาจจะเป็นปีๆ  หลายๆคนต่างเจอช่วงเวลาเหล่านั้นในชีวิต แล้วเมื่อคุณอยากกลับมาทำงานอีกครั้ง คุณจะทำอย่างไรกับประวัติการทำงานที่มีช่องว่างเหล่านั้น วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องเหล่านี้กัน

     อันดับแรก คุณต้องอ่านและตรวจสอบดูก่อนว่าประวัติการทำงานที่ผ่านมาของคุณได้ใส่ประวัติครบถ้วนแล้วหรือไม่ พยายามใส่รายละเอียดของงานที่คุณมีหน้าที่รับผิดชอบให้กระชับและตรงประเด็น อย่าบรรยายมากจนเกินไป หรือเขียนวนไปวนมาจนไม่สามารถจับใจความได้ เมื่อประวัติการทำงานของคุณไม่ต่อเนื่อง แน่นอนว่านายจ้างหรือพนักงานฝ่ายบุคคลย่อมเกิดคำถามว่าคุณทำอะไรมาในช่วงเวลาที่ขาดหายไป ยิ่งเป็นระยะเวลานานๆคุณเองก็ควรจะต้องเขียนชี้แจ้งว่าช่วงเวลาเหล่านั้นคุณมีความจำเป็นหรือทำอะไรมาบ้าง ไม่ใช่เพิกเฉยที่จะเว้นช่วงเวลาเหล่านั้นไปเฉยๆ มันจะทำให้ประวัติการทำงานของคุณมีความน่าสนใจน้อยลง และโอกาสที่คุณจะเป็นผู้ที่ได้รับโอกาศในการมาสัมภาษณ์งานใหม่ๆก็จะน้อยลง

     อันดับถัดมา ช่วงเวลาที่คุณไม่ได้ทำงานที่บริษัทนั้น เกิดมาจากสาเหตุใดได้บ้างแล้วคุณจะมีวิธีจัดการกับประวัติการทำงานที่มีช่องว่างนี้ได้อย่างไร

1. สาเหตุจากสุขภาพส่วนตัว เช่น คนที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด หรือ รักษาตัวจากอุบัติเหตุหรือโรคเรื้อรังเป็นระยะเวลานานๆ  ไม่เพียงแต่คุณต้องอธิบายว่าคุณเป็นอะไรแล้ว คุณยังควรชี้แจ้งด้วยว่าคุณได้รับการรักษาและฟื้นฟูจนหายดีแล้ว เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากผู้ว่าจ้างของคุณ

2. สาเหตุจากการตั้งครรภ์ คุณแม่หลายๆท่านต้องเสียสละออกจากงานเพื่อที่จะมาเลี้ยงลูกน้อย แต่ก็ยังอยากที่จะกลับเข้ามาทำงานตามบริษัทต่างๆ เมื่อเจ้าตัวน้อยโตขึ้นได้ซักระยะแล้ว แน่นอนว่านายจ้างอาจจะมองว่าทักษะในการทำงานของคุณนั้นจะลดน้อยลงไปจากเดิมไหม แต่คุณสามารถดึงทักษะดีๆ ที่คุณได้จากการเลี้ยงลูกขึ้นมาชี้แจง เช่น ความอดทนมากขึ้น  ความใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ เป็นต้น

3. สาเหตุจากการออกมาทำธุรกิจส่วนตัว เชื่อว่าหลายๆคนคงมีช่วงเวลาที่อยากลองทำอะไรเป็นของตนเอง แต่โชคไม่ดีที่ไม่ประสบความสำเร็จและต้องยุติไป สิ่งที่คุณควรจะทำก็คือ ใส่รายละเอียดของธุรกิจส่วนตัวคุณลงไป พร้อมทั้งระบุตำแหน่งและรายละเอียดของงานเหมือนคุณอยู่ที่บริษัท ควรอธิบายว่าคุณทำธุรกิจเกี่ยวกับด้านไหน คุณมีหน้าที่รับผิดชอบอะไร ต้องประสานงาน หรือ จัดการธุรกิจส่วนตัวคุณอย่างไร

4. สาเหตุจากครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นโดนครอบครัวขอร้องให้ออกจากงานเนื่องจากคุณพ่อคุณแม่ไม่ชอบงานที่เราทำ หรือ ต้องออกมาดูแลสมาชิกในครอบครัวที่เจ็บป่วยหนัก คุณก็ควรจะอธิบายว่าคุณมีความจำเป็นเช่นไร และ คุณได้แก้ไขหรือปัญหาเหล่านั้นได้ผ่านไปอย่างไร เป็นการเรียกความเชื่อมั่นกับนายจ้างกลับมาว่าเหตุการณ์เหล่านั้นจะไม่เกิดขึ้นอีก คุณเองก็สามารถทำได้เหมือนที่แนะนำไว้ในข้อที่ 3 ข้างต้น

5. สาเหตุจากการเข้ารับการเกณฑ์ทหาร  สาเหตุข้อนี้มักจะไม่ใช้ปัญหาใหญ่ในสังคมไทยเพราะเป็นความจำเป็นตามกฎหมายไทย แต่สิ่งที่เลี่ยงไม่ได้คือ นายจ้างอาจจะขาดความเชื่อมั่นว่าคุณจะยังมีทักษะในการทำงานดีเท่าเดิมหรือไม่หรือ จำเป็นต้องมีการสอนงานมากน้อยแค่ไหน คุณก็ควรจะพูดถึงข้อดีหรือทักษะที่คุณได้เพิ่มขึ้นมาจากการเกณฑ์ทหาร เช่น ความมีระเบียบวินัย  ความอดทน เป็นต้น

6. สาเหตุจากการถูกเลิกจ้าง  แน่นอนว่าไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับประวัติการทำงานของเรา สิ่งที่เราจะสามารถนำมาใช้ในการอธิบายได้ คือ ความจำเป็นของนายจ้างเก่า ว่าทำไมเขาถึงต้องเลิกจ้างพนักงาน ต้องพยายามชี้แจงว่าไม่ใช่เพราะเรามีปัญหาในการทำงาน แต่เพราะปัญหาด้านการเงิน หรือ การปรับโครงสร้างของบริษัทรึเปล่า การอธิบายในส่วนนี้ต้องอธิบายตามความเป็นจริง อย่าโกหกหรือบิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะว่าสาเหตุนี้สามารถถูกตรวจสอบได้โดยง่าย คุณควรจะกล้าที่จะยอมรับพร้อมทั้งชี้แจงเลยว่าคุณนั้นได้พยายามหางานทำมากแค่ไหนเมื่อรู้ว่าตัวเองอาจจะถูกเลิกจ้าง นี้จะทำให้เห็นถึงความพยายามและความขยันของคุณได้เป็นอย่างดี

     สิ่งที่กล่าวไปแล้วข้างต้นอาจเป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆน้อยๆ ที่ช่วยให้คุณสามารถนำเอาไปประยุกต์ใช้ได้ ในการเขียนหรืออธิบายประวัติการทำงานที่มีช่องว่างของคุณ แต่เหนือสิ่งอื่นได้คุณควรที่จะแสดงให้เห็นถึงความซื่อสัตย์ต่อผู้อื่น ไม่ควรดัดแปลงหรือบิดเบือนประวัติการทำงาน เพราะจะยิ่งเป็นผลเสียต่อตัวคุณเอง หรือ อาจจะทำให้คุณถูกเลิกจ้างงานได้ อันเนื่องมาจากการให้ข้อมูลที่เป็นเท็จ  ไม่ใช่ทุกคนที่จะดีพร้อมหรือมีประวัติดีเลิศตลอดชีวิต แต่สิ่งที่คุณสามารถหยิบยกแง่ดีในข้อเสีย หรือ พยายามแก้ไขมันแล้วต่างหากละที่จะชี้ให้เห็นถึงแง่มุมในด้านบวก ซึ่งจะทำให้คุณดูน่าสนใจทัดเทียมกับผู้สมัครคนอื่นๆได้เป็นอย่างดี  ดังคำกล่าวที่ว่า.....
   
อ้างถึง
หากเพ่งมองทุกสิ่งอย่างพิเคราะห์ เราจะพบว่ามีความจริงทั้งสองด้านรวมอยู่ในตัวมันเองเสมอ
    ต่างแต่ว่าเราจะเลือกหยิบด้านใดขึ้นมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดเท่านั้น
    โดยท่าน ว.วชิรเมธี


ที่มา: http://www.manpowerthailand.com/tris/content/detail/172-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%B5%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95