1.ควรหางานประเภทอาสาสมัครทำไปก่อน ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เสียเวลาไปโดยปล่าวประโยชน์ และนอกจากนี้ยังทำให้เรามีความชำนาญ และมีประสบการณ์เพิ่มขึ้นอีกด้วย การทำเช่นนี้จะช่วยให้เรากระฉับกระเฉง และตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา และยังได้รับรู้สิ่งแปลก ๆ ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น และนายจ้างก็จะมองว่า เราใช้เวลาในช่วงนั้นอย่างมีคุณค่า
2.มีความมั่นใจในการไปสอบสัมภาษณ์เสมอ อย่าคิดว่าตัวเองต่ำต้อย หรือด้อยกว่าคนอื่น เพราะจะทำให้เราดูเป็นคนหมดราศี และยังเป็นการดูถูกตัวเองอีกด้วย
3.มีความพร้อมที่จะเข้ารับการสอบสัมภาษณ์อยู่ตลอดเวลา
4.หาความรู้เพิ่มเติม เช่น เรียนพิเศษในวิชาชีพต่าง ๆ เป็นต้นว่า เรียนคอมพิวเตอร์ พิมพ์ดีด หรือภาษาต่างประเทศ นอกจากนี้ก็ควรติดตามข่าวสารบ้านเมืองอยู่ตลอดเวลา อย่าทำตนล้าหลังไม่ทันโลก
5.พยายามติดต่อสื่อสารกับเพื่อนฝูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อน ๆ หรือ ญาติ ๆ ที่มีงานทำอยู่แล้ว และคอยสอดส่องดูว่ามีตำแหน่งงานที่เหมาะสมกับเรา ว่างบ้างหรือไม่
6.เข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่ทีรารู้จัก รวมทั้งครูอาจาร์ย เพื่อขอคำแนะนำจากเขาเหล่านั้น
7.มีกำลังใจกล้าแข็ง ไม่ท้อแท้ ต้องพยายามเอาชนะปัญหา พึงนึกไว้เสมอว่าความพยายามและความอดทนเท่านั้นที่จะเอาชนะอุปสรรคทั้งปวง
โดยปกติผู้ที่จะทำการสัมภาษณ์จะมาจากแผนกบุคคล หรือไม่ก็อาจจะเป็นบุคคลที่ผู้สมัครนั้น
จะต้องทำงานภายใต้การควบคุมดูแลของเขา แต่บริษัทใหญ่ ๆ บางบริษัทก็อาจจะมอบหมายให้แผนกบุคคลและหน่วยงานที่ต้องการบุคคลากรเพิ่มนั้นรับไปดำเนินการร่วมกัน แต่บางบริษัทก็อาจจะจ้างผู้เชี่ยวชาญพิเศษมาทำการสัมภาษณ์ผู้สมัครก็มี
ปัจจุบันนี้มีบริษัทที่รับบริการด้านการสรรหาและคัดเลือกบุคลากร สำหรับตำแหน่งต่าง ๆ ให้กับบริษัทที่ต้องการใช้บริการอยู่หลายแห่ง ซึ่งบริษัทประเภทนี้จะมีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ ในการเลือกเฟ้นบุคคลากรที่มีประสิทธิภาพ โดยผ่านขบวนการทดสอบต่าง ๆ ที่ได้มาตราฐาน ทั้งยังเป็นการคัดเลือกผู้สมัครที่ให้ความเป็นธรรมค่อนข้างมาก เพราะผู้สมัครใช้เส้นสายมาก และบริษัทที่ทำหน้าที่คัดเลือกผู้สมัครนี้เป็นเพียงคนกลางเท่านั้น ไม่ใช้บริษัทที่จะจ้างผู้สมัครเข้าทำงาน จึงไม่ได้มีส่วนได้หรือส่วนเสียกับตัวผู้สมัครโดยตรง และนับวันบริษัทประเภทนี้ก็กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะนอกจากจะให้ความสะดวกแล้ว ผู้ใช้บริการยังได้บุคคลากรที่มีประสิทธิภาพอีกด้วย
ที่มา:
http://www.jobenter.com/content/job_tips/detail.php?type=1&cid=181