-Secretary (เลขานุการ)
-Telephone Opertor (พนักงานตอบรับโทรศัพท์)
-Receptionist (พนักงานต้อนรับ)
-Trade Correspondent (เจ้าหน้าที่โต้ตอบจดหมายการค้า
-Personnel Officer (เจ้าหน้าที่บริหารงานบุคคล)
-Accountant (สมุห์บัญชี)
-Tour Guide (มัคคุเทศก์)
-Female Flight Attendant (พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินหญิง)
-QC Inspector (ผู้ตรวจสอบคุณภาพ)
Secretary(เลขานุการ)
Having read an advertisement for the position of a secretary in the newspaper. Miss manee realized that she was eligible to apply for the position as her current job did not seem to give her an opportunity for advancement and she was so tired of traveling a long way from home to office. She thus sent an application letter to the company and now she is called for an interview.Here is the interview taking place :
หลังจากได้อ่านโฆษณาสำหรับตำแหน่งเลขานุการในหนังสือพิมพ์ น.ส. มานี ตระหนักดีว่าเธอเองมีสิทธิที่จะสมัครงานในตำแหน่งนี้ เพราะว่างานที่เธอทำอยู่ทุกวันนี้ดูเหมือนจะไม่เปิดโอกาสให้เธอได้มีความเจริญก้าวหน้า และเธอเองก็เบื่อหน่ายต่อการเดินทางไกลจากบ้านไปที่ทำงาน ดังนั้นเธอจึงส่งจดหมายสมัครงานไปยังบริษัทแห่งหนึ่ง และตอนนี้เธอถูกเรียกตัวเข้ารับการสอบสัมภาษณ์ และนี่คือการสอบสัมภาษณ์ซึ่งมีขึ้นดังนี้
Interviewer : Good morning. Please sit down. Miss manee.
(สวัสดีครับ โปรดนั่งซิครับคุณมานี)
Candidate : Good morning. Sir. Thank you.
(สวัสดีค่ะท่าน ขอบคุณค่ะ)
Interviewer : Did you have any difficulty in traveling to our office ?
(คุณประสบกับความยุ่งยากในการเดินทางมายังสำนักงานของเราหรือไม่)
Candidate : Not at all. Sir. In fact. Your office is just a 30 minute drive
From my home. So. I can arrive in good time and will
Have more time to concentrate on the job.
(ไม่เลยค่ะท่าน ที่จริงแล้วสำนักงานของท่านอยู่ห่างจากบ้านของดิฉันเพียงขับรถแค่ 30
นาที ดังนั้นดิฉันจึงมาถึงได้ตรงเวลาดี และยังมีเวลามากกับการทุ่มเทให้กับงานอีกด้วย)
Interviewer : Very good. Miss manee. L’ve gone through your Resume.
And your qualifications and experiences are impressive.
But you’re still with this real estate company. Right?
What is your work?
(ดีมากคุณมานี ผมได้อ่านประวัติย่อของคุณแล้ว และคุณสมบัติกับประสบการณ์ของ
คุณดูหน้าประทับใจ แต่ว่าคุณก็ยังทำงานอยู่กับบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งนี้ใช้ไหมคุณ
ทำงานอะไรบ้าง)
Candidate : I’m currently working with a real estate company in
Suburban Bankok. My work mainly involves organizing
The filing system. Planning my boss’s meetings and
Handling routine correspondence in both Thai and
English.
(ปัจจุบันนี้ดิฉันทำงานอย่กับบริษัทอสังหาริมทรัพย์อยู่ชานเมืองกรุงเทพฯ งานของดิฉัน
ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับระบบเอกสาร วางแผนการพบปะของเจ้านายและทำหน้าที่โต้ตอบ
จดหมายประจำวัน ทั้งที่เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ)
Interviewer : What makes you want to leave your present job and work
with us?
(อะไรที่ทำให้คุณต้องการออกจากงานปัจจุบัน และมาทำงานกับเรา)
Candidate : I’ve decided to leave the position mainly because the
Company is a family-run business. So the opportunity
For advancement and greater responsibilities are limited
While another reason is that I’m really tired of traveling
A long way to work.
Interviewer : What other languages can you speak?
(ภาษาอื่น ๆ มีอะไรที่คุณพูดได้บ้าง)
Candidate : I can speak some Japanese.
(ดิฉันพอพูดภาษาญี่ปุ่นได้บ้าง)
Interviewer : Very well. As mentioned in our ad. Our firm is a Thai-
Japanese joint venture company. So our regular visitors
Are Japannese.
(ดีมากเลย ดังที่ระบุไว้ในโฆษณาของเรา บริษัทของเราเป็นบริษัทร่วมลงทุนไทยกับ
ญี่ปุ่น ดังนั้นแขกประจำของเราจึงเป็นชาวญี่ปุ่น)
Interviewer : Well! Do you have any questions about this position ?
(เอ้อ! คุณมีคำถามอะไรอื่นเกี่ยวกับตำแหน่งนี้ไหม)
Candidate : Yes. Sir. Do I have to work overtime ?
(มีค่ะท่าน ดิฉันต้องทำงานล่วงเวลาบ้างไหมค่ะ)
Interviewer : Only occasionally. But you’ll get paid for that. Anyway.
As you know from the ad. We urgently need a person to
fill in the vacancy. How soon can you start work?
(ก็มีเป็นเพียงบางโอกาส แต่คุณก็จะได้รับเงินสำหรับการทำงานนั้น อย่างไรก็ตาม ก็
ดังที่คุณทราบจากทางโฆษณาว่า เราต้องการบุคคลเข้าบรรจุในตำแหน่งนี้โดยเร็ว แล้ว
คุณเริ่มงานได้เร็วแค่ไหนหละ)
Candidate : Not until the end of this month. Sir. I have to notify my
present employer at least one week in advance so that
They will be able to find someone to replace me. Indeed.
I want to leave the company correctly.
(คงไม่เร็วไปกว่าปลายเดือนนี้ค่ะท่าน ดิฉันต้องแจ้งให้นายจ้างปัจจุบันทราบอย่างน้อย
หนึ่งสัปดาห์ล่วงหน้า เพื่อที่ว่าเขาจะได้หาคนมาแทนฉันได้ และแน่นอนที่สุดดิฉันต้อง
ต้องการลาออกจากบริษัทอย่างถูกต้องค่ะ)
Interviewer : Well! You’re very good employee. Miss Manee. Then.
What else would you like to know about the prospect for
Advancement in the company?
(อ้อ! คุณเป็นพนักงานที่ดีมากเลยนะคุณมานีแล้วมีอะไรอื่นอีกไหมที่คุณอยากจะทราบ
เกี่ยวกับบริษัทของเรา)
Candidate : Thank you for your kind words. Sir. What about the
Prospect for advancement in the company?
(ขอบคุณมากค่ะสำหรับคำชมของท่าน แล้วโอกาสสำหรับความก้าวหน้าในบริษัทเป็น
อย่างไรบ้างค่ะ)
Interviewer : Here we offer an attractive salary as mentioned in the ad.
And excellent benefits to the successful candidate. More
Over. An annual salary adjustment is made on the basis
Of the some time. An annual bonus is also given to the
Employee on the same basis. Well. Miss Manee.I’ll end
The interview here. Thank you for your interest in our
Company. I have a few more candidate to interview.
After careful consideration. I will let you know very
soon. Thank you and goodbye.
( ที่นี่เราให้เงินเดือนดีเหมือนที่ระบุไว้ในโฆษณาและมีสวัสดิการดีมากสำหรับผู้สมัครที่
ผ่านการคัดเลือก ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังมีการปรับเงินเดือนประจำปี โดยตัดสินจากผลงาน
และความวิริยะอุตสาหะของตัวพนักงานเอง ในขณะเดียวกันนี้เอ่อ ! คุณมานี ผมจะยุติ
การสัมภาษณ์แต่เพียงเท่านี้ขอบใจมากที่คุณให้ความสนใจในบริษัทเรา ผมยังมีผู้สมัคร
อีก 2-3 คนที่รอการสัมภาษณ์ หลังจากมีการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว ผมจะแจ้งให้
คุณทราบอย่างเร็วที่สุด ขอบใจและลาก่อนนะ)
Candidate : Thank you for your kindness in granting me an
interview. It has been really interesting. Goodbye. Sir.
( ขอบคุณมากค่ะ ที่ท่านกรุณาให้ดิฉันเข้ารับการสอบสัมภาษณ์ ซึ่งหน้าสนใจมาก
จริง ๆ ค่ะ ลาก่อนค่ะ)
Telephone Opertor(พนักงานตอบรับโทรศัพท์)
Miss sivaporn lumlog has just received a vocational certificate
in public Relations From D-D Commercial College in pratumthani
Province. Now she is in Bankok to seach for a suitable job. After
Applying she is called to have an interview. Here if is.
(น.ส. ศิวพร ล้ำเลิศ เพิ่งได้รับใบประกาศนียบัตรวิชาชีพในสาขาวิชาประชาสัมพันธ์ จากวิทยาลัยพานิชการดี-ดี จังหวัด ปทุมธานี ตอนนี้เธอมาหางานทำที่เหมาะสมในกรุงเทพฯ หลังจากยื่นใบสมัครแล้ว เธอก็ได้รับการเรียกตัวเข้ารับการสอบสัมภาษณ์ ซึ่งจะยกตัวอย่างดังนี้)
Interviewer : Hello. Miss Sivaporn. Please come in and have a seat.
(สวัสดี นางสาว ศิวพร โปรดเข้ามานั่งสิ)
Candidate : Thank you. Sir.
(ขอบคุณค่ะท่าน)
Interviewer : Well! What brings you to apply for a job in Bankok?
(เออ! อะไรให้คุณมาดลใจมาสมัครในกรุงเทพฯ)
Candidate : As you know. Job opportunities in the countryside are
Very limited and vacancy is rarely available. Here in
Bankok. There is a better chance to get a good job and at
the same time. I can also further my studies after work.
(ก็อย่างที่คุณทราบนั้นแหละ โอกาสที่จได้งานทำต่างจังหวัดนั้นมี จำกัดมาก และ
ตำแหน่งงานว่างก็ไม่ค่อยจะมี ไม่เหมือนในกรุงเทพฯ ซึ่งมีโอกาสดี ๆ ที่จะได้งานดี ๆ
ทำ และในขณะเดียวกัน ดิฉันก็ยังมีโอกาสได้เรียนต่อหลังจากเวลาเลิกงานแล้วอีกด้วย)
Interviewer : oh! I see! Here we also encourage our employees to study
After work. But where do you live Bankok?
(โอ่! อย่างนั้นหรือ ที่นี่เราก็ส่งเสริมให้พนักงานของเรา เรียนหลังจากเลิกงานแล้ว
เหมือนกัน แต่ว่าคุณอยู่ที่ไหนในกรุงเทพฯ)
Candidate : I live with my relatives whose house is not far from your
Company.
(ดิฉันอยู่กับญาติ ซึ่งมีบ้านอยู่ไม่ไกลจากบริษัทของท่าน)
Interviewer : How do you find lift in Bankok?
(คุณพบว่าชีวิตในกรุงเทพเป็นอย่างไร)
Candidate : Well! It’s very hectic and full of competition. People have
To work head to survive. But it provides better opportunity
for getting a good job and educationใ
(เอ่อ! มันช่างรีบเร่ง และเต็มไปด้วยการแข็งขันค่ะ ผู้คนต้องทำงานหนักเพื่อความอยู่รอด
แต่มันก็ให้โอกาสดีกว่าในการที่จะได้งานดีและการศึกษาดี ๆ)
Interviewer : How did you find this vacancy?
(แล้วคุณพบได้อย่างไรว่ามีตำแหน่งงานว่างหละ)
Candidate : A relative who is working in the Sales Department of
your company told me about the vacancy. She
encouraged me to apply for the job.
(ญาติคนหนึ่งซึ่งทำงานในแผนกขายของในบริษัทท่าน บอกกับดิผแนเกี่ยวกับตำแหน่ง
ว่างนี้ เธอยังสงเสริมให้ดิฉันสมัครงานในตำแหน่งนี้ด้วย)
Interviewer : Oh, your relative has told you about our company’s
policy. Rules and procedures. Am I right?
(โอ! ญาติของคุณคงบอกเกี่ยวกับนโยบาย กฏระเบียบและระเบียบการของบริษัทแล้ว
ใช้ไหม)
Candidate : Not much. Sir. But it has helped me to decide to apply.
(ก็ไม่มากนักหรอกค่ะท่าน ตาก็มีส่วนช่วยในการตัดสินใจสมัครงานครั้งนี้ด้วย)
Interviewer : Will you have any problem with late work?
(คุณจะมีปัญหาเกี่ยวกับการเลิกงานช้าไหม)
Candidate : No.sir. I’m ready for that and I’ll be very pleased to help
if can. Sir
(ไม่หรอกค่ะท่าน ดิฉันพร้อมสำหรับสิ่งนั้น แต่จะดีใจมากถ้าหากดิฉันพอช่วยด้วยค่ะ
ท่าน )
Interviewer : Miss sivaporn! Why can you speak such good English?
(คุณศิวพร ทำไมคุณจึงพูดภาษาอังกฤษได้ดีเช่นนั้นหละ)
Candidate : Thank you. Sir. I like English and always practice
speaking whenever possible.
(ขอบคุณมากค่ะท่าน ดิฉันชอบภาษาอังกฤษและฝึกพูดอยู่เสมอเมื่อมีโอกาสค่ะท่าน)
Interviewer : If you are selected. When can you start work?
(ถ้าหากว่าคุณได้รับการคัดเลือก คุณสามารถเริ่มงานได้เมื่อไหร่)
Candidate : I can start immediately. Sir.
(ดิฉันสามารถเริ่มงานได้ทันทีเลยค่ะท่าน)
Interviewer : Very well. Then. Thank you for coming. I’ll let you
know our decision next week. Goodbye Miss Sivaporn.
(ดีมากเลย ขอบใจที่มารับการสอบสัมภาษณ์ เราจะแจ้งการตัดสินใจของเราให้คุณทราบ
สัปดาห์หน้า ลาก่อนคุณ ศิวพร)
Candidate : Thank you. Sir. Goodbye.
(ขอบคุณมากค่ะท่าน ลาก่อนค่ะ)
Receptionist(พนักงานต้อนรับ)
Having graduated from ABC University in the Faculty of Public
Relations majoring in English. Miss Pranee Sukhchai then applied for a
Job in a famous and prestigious hotel for the position of receptionist.
Now. She is called to have an interview and on arriving at the hotel. She
Has no idea as to where the interviewing room is. Then. Comes the
conversation :
( หลังจากรับปริญญาจากมหาวิทยาลัย เอบีซี ในคณะประชาสัมพันธ์ เอกวิชาภาษาอังกฤษแล้ว
น.ส. ปราณี สุขใจ จึงยื่นใบสมัครงานกับโรงแรมที่มีชื่อเสียงและมีเกียรติในตำแหน่งพนักงานต้อนรับ ตอนนี้
เธอถูกเรียกตัวเข้ารับการสอบสัมภาษณ์และเมื่อมาถึงโรงแรมเธอไม่รู้ว่าห้องสอบสัมภาษณ์อยู่ที่ไหน และแล้ว
บทสนทนาก็เริ่มขึ้น)
Condidate : Good morning. I have come for a job interview with the
Personnel Manager. Could you tell me where he is ?
(สวัสดีค่ะ ดิฉันมาเข้าสอบสัมภาษณ์งานกับผู้จัดการฝ่ายบุคคล คุณช่วยกรุณาบอกหน่อย
ได้ไหมว่าเขาอยู่ที่ไหน)
Reception : Oh! I see. Please walk straight to the end of this building
and then turn right. Then you’ll see the Personnel Office.
(โอ่! หรือค่ะ โปรดเดินตรงจนถึงมุมตึกนี้ แล้วจึงเลี้ยวขวา นั่นแหละคุณจะพบ
สำนักงานฝ่ายบุคคล)
Condidate : Thank you very much.
(ขอบคุณมากค่ะ)
Reception : You’re welcome.
(ด้วยความยินดีค่ะ)
….Knocking at the door!....
(เคาะที่ประตู)
Manager : Come in. please!
(โปรดเข้ามาสิ)
Condidate : Good morning. Sir. I’m Pranee.
(สวัสดีค่ะท่าน ดิฉันชื่อปราณีค่ะ)
Manager : Good morning. Well! Miss Pranee! You are the fist
candidate to be interviewed this morning. How was
your journey?
(สวัสดี เอ่อ! คุณปราณี คุณเป็นผู้สมัครงานคนแรกที่ถูกสัมภาษณ์ในเช้านี้ การเดินทาง
ของคุณเป็นอย่างไรบ้าง)
Condidate : My journey was fine. I left home early and arrived in
good time.
(การเดินทางของฉันราบรื่นดีค่ะ ดิฉันออกจากบ้านแต่เช้าตรู่และมาถึงในเวลาที่เหมาะสม
ดี)
Manager : Good. So please introduce yourself briefly.
(ดี ถ้าอย่างนั้น โปรดแนะนำตัวคุณเองอย่างย่อ ๆ ให้ผมฟังหน่อยซิ)
Condidate : I’m Pranee Sukhchai. I’m 24 years old and have just
graduated from ABC University in the Faculty of Public
Relations majoring in English. I have no work
experience. But last Summer I worked as a trainee in the
Public Relations Department at BB Hotel in the North.
Also in addition to English. I can speak some French.
(ดิฉันชื่อปราณี สุขใจค่ะ อายุ 24 ปี และเพิ่งจบจากมหาวิทยาลัยเอบีซี ในคณะ
ประชาสัมพันธ์ เอกวิชาภาษาอังกฤษ ดิฉันไม่มีประสบการณ์ในการทำงานมาก่อน แต่
ว่าเมื่อฤดูร้อนที่แล้ว ดิฉันได้ฝึกงานในแผนกประชาสัมพันธ์ที่โรงแรมบีบีในภาคเหนือ
และนอกจากพูดภาษาอังกฤษได้แล้ว ดิฉันยังพอพูดภาษาฝรั่งเศสได้ด้วย)
Manager : That’s fine. Do you know the responsibilities of a
Receptionist?
(นั่นก็ดีเลย คุรรู้ไหมว่าพนักงานต้อนรับมีความรับผิดชอบด้านใดบ้าง)
Trade Correspondent (เจ้าหน้าที่โต้ตอบจดหมายการค้า)
Having been with a shipping company as a correspondent for 3 years. Miss Kanokorn Wilaiphan has realized that she now needs greater she has no more thing to learn and the work is quite small with 4-5 employees. Above all. The decides to leave the present employer to join a bigger company with a good reputation. Today she is called to have an interview as follows:
(หลังจากอยู่บริษัทส่งของในตำแหน่งเจ้าหน้าที่โต้ตอบจดหมายมาเป็นเวลา 3 ปี นาง. กนกกร วิไลพันธ์ ได้ตระหนักว่าตอนนี้เธอต้องการความรับผิดชอบที่มีมากกว่านี้และหน้าที่ที่มีความท้าทายมากกว่า ที่นี่เธอไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ที่จะเรียนรู้อีกแล้ว และงานก็จะเกี่ยวข้องกับหน้าที่ซ้ำซากเท่านั้นเอง เพราะบริษัทค่อนข้างเล็กมีพนักงานเพียง 4-5 คน ยิ่งไปกว่านั้น เครื่องใช้สำนักงานก็ล้าหลัง ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจลาออกจากนายจ้างปัจจุบัน เพื่อไปทำงานในบริษัทที่ใหญ่กว่าที่ชื่อเสียงดี และวันนี้เธอได้ถูกเรียกตัวเข้ารับการสอบสัมภาษณ์ดังนี้)
Candidate : Good morning. Sir. May I come in ?
(สวัสดีค่ะท่าน ดิฉันเข้าไปได้ไหม)
Interviewer : Yes. Please. Good morning. Have a seat. What
time did you arrive here ?
(อ้อ ! เข้ามาสิ สวสดีครับ เชิญนั่งสิ คุณมาถึงที่นี่เวลาเท่าไหร่ล่ะ)
Candidate : I arrived at 8:00 a.m. sharp as today’s traffic is
very light. So. I could reach the company one
hour before this appointment
(ดิฉันมาถึงเวลา 8.00น. ตรง เพราะการจราจรในวันนี้เบาบางมากเลย
ดังนั้นดิฉันจึงสามารถมาถึงบริษัทได้หนึ่งชั่วโมงก่อนเวลานัดหมายค่ะ)
Interviewer : Good! Why did you leave ABC Shipping
Company ?
(ดีครับ ทำไมคุณจึงลาออกจากบริษัทส่งของเอบีซีเสียหล่ะ)
Candidate : I Left the company voluntarily and my employer
understood my intention to join a larger
organization where I could learn many things to
broaden experiences and to have a better prospect
of career advancement.
(ดิฉันลาออกจากบริษัทด้วยความสมัครใจ และนายจ้างของฉันทราบความ
ตั้งใจของดิฉันที่จะทำงานในองค์กรใหญ่ ๆ ซึ่งดิฉันสามารถเรียนรู้หลาย
อย่างเพื่อเพิ่มประสบการณ์และมีความก้าวหน้าในอาชีพการงานที่ดีกว่า)
Interviewer : Miss Kanokorn! What special qualifications do
you have ?
(คุณกนกกร คุณมีคุณวุฒิพิเศษอะไรบ้างครับ)
Candidate : In addition to my Higher Vocational Certificate
in Secretarial Duties. I have a good command of
both spoken and written English. Good typing
skills. And a good PC knowledge. I’m able to
send E-mail through internet to customers all
over the world on my own initative.
(นอกจากดิฉันจะได้รับใบประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงทางด้านเลข่นุการ
แล้ว ดิฉันยังพูดและเขียนภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี มีทักษะในการ
พิมพ์ดีดเป็นอย่างดี และมีความรู้ด้านใช้คอมพิวเตอร์ด้วย ดิฉันสามารถส่ง
อีเมล์ทางอินเตอร์เน็ตไปยังลูกค้าได้ทั่วโลกด้วยความคิดริเริ่มของตนเองค่ะ)
Interviewer : What will you do if you aren’t successful in this
application ?
(แล้วคุณจะทำอย่างไหร่ ถ้าหากคุณไม่ประสบความสำเร็จในการสมัครงาน
นี้)
Candidate : Oh! That’ll be very sad. But I’ll never lose my
enthusiasm to learn new things and if I’m not
successful in this application. I may decide to
continue my studies for a bachelor degree. After
graduation. I’ll reapply again if the vacancy
arises.
(โอ่! นั่นก็จะน่าเสียใจมากค่ะ แต่ดิฉันก็ไม่หมดความกระตือรือล้นที่จะ
เรียนสิ่งใหม่ ๆ หรอกค่ะ และถ้าหากว่าดิฉันไม่ประสบความสำเร็จในการ
สมัครงานนี้ ดิฉันอาจจะตัดสินใจเรียนต่อให้จบปริญญาตรี หลังจากจบ
ปริญญาแล้วดิฉันจะมาสมัครใหม่อีก ถ้าหากว่ามีตำแหน่งวางค่ะ)
Interviewer : Oh! You seem to have a good impression on our
company. But what experience did you get from
your previous employment ?
(โอ่! คุณดูเหมือนมีความประทับใจที่ดีในบริษัทของเรานะ แต่ว่าคุณได้รับ
ประสบการณ์อะไรมาบ้างจากงานเก่าของคุณ)
Candidate : While working there. I was assigned to handle
all correspondences indepependently for
example writing letters of enquiry. Reply and
complaint and sometimes negotiating with
foreign agents in case of loss or damange to
products in transist.
(ในขณะทำงานอยู่ที่นั้น ดิฉันได้รับมอบหมายให้ทำทำหน้าที่โต้ตอบ
จดหมายโดยตามลำพัง เช่น การเขียนจดหมายสอบถาม จดหมายตอบ และ
จดหมายร้องเรียน และบางครั้งก็ช่วยเจรจากับตัวแทนต่างประเทศในกรณี
เกิดมีการสูญหายหรือเกิดการชะรุดกับสินค้าในขณะขนส่งอีกด้วย)
Interviewer : Why didd you leave your old job before getting a
new one ?
(ทำไมคุณจึงลาออกจากงานเก่า ก่อนที่จะได้รับงานใหม่เสียด้วยซ้ำไป)
Candidate : Well! I wanted to have more time for better
preparrration for a new job.
(เอ่อ! คือดิฉันต้องการมีเวลามากขึ้นสำหรับการเตรียมตัวที่ดีในการสมัคร
งานใหม่ค่ะ)
Interviewer : Your experiences and answers are impressive.
But I have a few more candidates to interview.
I’ll contact you in the next couple of weeks.
Thank you for coming. Goodbye.
(ประสบการณ์และคำตอบของคุณน่าประทับใจดี แต่ว่าผมยังมีผู้สมัครอีก
2-3 คน รอการสอบสัมภาษณ์อยู่ ผมจะติดต่อคุณในอีกสองสัปดาห์น่ะ
ขอบใจมากที่มารับการสัมภาษณ์ลาก่อน)
Candidate : I do enjoy the interview. Sir. Thank you and
goodbye.
(ดิฉันพอใจกับการสัมภาษณ์ค่ะท่าน ขอบคุณและลาก่อนค่ะ)
Personnel Officer (เจ้าหน้าที่บริหารงานบุคคล)
Mr. Mana Uthaising has recently graduated from ABC University in the Faculty of Public Administration. He then applied for a job in the position of Personnel Officer with a reputable international company and today he is called for an interview with the Personnel Manager himself. Here is the interview:
(นาย มานะ อุไทสิงห์ เพิ่งจะจบจากมหาวิทยาลัยเอบีซี ในคณะบริหารรัฐกิจ เขาจึงไปสมัครงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารงานบุคคลกับบริษัทข้ามชาติที่มี ชื่อเสียงแห่งหนึ่ง และวันนี้เขาได้รับการเรียกตัวเดข้ารับการสอบสัมภาษณ์กับผู้จัดการฝ่ายบุคคล เองเลย การสอบสัมภาษณ์มีดังนี้)
Interviewer : Hello! Please come in and take a seat here.
(สวัสดีเข้ามานั่งที่นี้สิครับ)
Candidate : Good morning. Sir. Thank you.
(สวัสดีครับท่าน ขอบคุณครับ)
Interviewer : Mr. Mana! Where did you grow up?
(คุณมานะ คุณเติบโตที่ไหนครับ)
Candidate : Actually. I grew up and received a secondary education in
Suphan Buri Province.
(แท้จริงแล้ว ผมเติบโตและเรียนจบระดับชั้นมัธยมที่จังหวัดสุพรรณบุรีครับ)
Interviewer : Then. How did you feel about your family life?
(แล้วคุณรู้สึกอย่างไร เกี่ยวกับชีวิตครอบครัวของคุณบ้าง)
Candidate : Frankly speaking. My family life was very warm. Full of
love and understanding. Even though we were not a rich
family. Everbody worked to support our family’s unsteady
income since school days.
(พูดตามตรงเลยนะครับ ชีวิตในครอบครัวของผมอบอุ่นมากเต็มไปด้วยความรักและความ
เข้าใจ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ใช้ครอบครัวที่ล่ำรวย ทุกคนต่าง ๆ ทำงานเพื่อช่วยจุนเจือรายได้ที่
ไม่คงที่ของครอบครัวเรา โดยเริ่มทำงานมาตั้งแต่สมัยอยู่โรงเรียนแล้ว
Interviewer : How would you describe yourself during your high school
years ?
(คุณจะอธิบายตัวคุณอย่างไร ระหว่างเรียนอยู่ในระดับมัธยม)
Candidate : I was a very studious student who always scored good
marks almost all the subjects. I was also an active member
of School’s Sports Club. I played football even when
studying at university.
(ผมเป็นนักเรียนที่ขยันมาก ผู้ซึ่งสอบได้คะแนนดีในเกือบทุกวิชาเสมอ นอกจากนี้ผมยัง
เป็นสมาชิกที่ขยันขันแข็งของชมรมกีฬาของโรงเรียนอีกด้วย ผมเล่นฟุตบอลจนกระทั่ง
เรียนมหาวิทยาลัยก็ยังคงเล่นอยู่)
Interviewer : Well! What do you think should be the necessary
qualifications of a Personnel Officer ?
(เอ่อ! อะไรที่คุณคิดว่าเป็นคุณสมบัติจำเป็นของเจ้าหน้าที่บริหารงานบุคคลบ้าง)
Candidate : I think he should know how to manage valuable human
resources wisely. How to deal with interpersonal conflicts
compromisingly. He should not have bias or take sides
with any party. At the same time. While taking care of
employers’assistance and the welfare of the humanitarian
assistance and the welfare of the employees as a whole. He
should skillfully negotiate to bring the conflicting parties
to reach agreement.
(ผมคิดว่าเขาคงใช้ทรัพยากรมนุษย์อย่างชาญฉลาด ทราบวิธีการแก้ไขความคัดแย้งระหว่าง
บุคคลอย่างประนีประนอมเขาควรจะไม่มีอคติหรือเข้าข้างใดข้างหนึ่งในขณะเดียวกันใน
ขณะที่รักษาผลประโยชน์ของนายจ้างเขาก็ควรคำนึงถึงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรรม
และสวัสดิการของลูกจ้างทั้งหมดด้วย เขาควรเจรจาอย่างชาญฉลาด เพื่อนำฝ่ายที่คัดแย้งกัน
ให้ลงรอยกันได้)
Interviewer : Fine! But how would you categorise your overall
personality type-very aggressive. Somewhat aggressive or
passive ? Why?
(ดี แต่ว่าคุณจะจัดลักษณะบุคคลิกทั้งหมดของคุณอย่างไร เป็นต้นว่า ก้าวร้าวมากค่อนข้าง
จะก้าวร้าวหรือว่ามีความอดทน ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น)
Candidate : Frankly speaking. I would consider myself asa person of
passive personality since I prefer compromise to conflict.
(พูดตามตรงน่ะครับ ผมจะจัดตัวผมเองว่าเป็นคนมีบุคคลิกไปในทางมีความอดทน เพราะ
ผมชอบการประนีประนอมมากกว่าความคัดแย้งกันครับ)
Interviewer : Well! How soon do you need to hear from us ? Why ?
(เอ่อ! คุณต้องการทราบข่าวจากเราแร็วแค่ไหน ทำไมหรือ)
Candidate : As soon as pooible. Sir. Because if I’m not successful in
this application. I’ll be able to prepare my future plans. For
example. Continuing my studies or trying to find a suitable
job to gain work experience.
(เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ครับ เพราะว่าถ้าผมไม่ประสบความสำเร็จในการสมัครงานนี้
ผมจะได้เตรียมแผนการในอนาคตได้ เช่นเรียนต่อหรือพยายามหางานอื่นทำเพื่อหา
ประสบการร์ไปก่อน)
Interviewer : Are there any questions you’d like to ask ?
(คุณมีคำถามอื่นที่อยากจะถามบ้างไหม)
Candidate : Yes. Sir. Does the company have any plans to expand ?
(มีครับท่าน ทางบริษัทมีแผนการที่จะขยับขยายบ้างหรือไม่ครับ)
Interviewer : Yes. Of course. We plan to build our third factory in
Chonburi Province next year.
(อ้อ! มีแน่นอน เราวางแผนที่จะสร้างโรงงานแห่งที่สามของเราขึ้นที่จังหวัดชลบุรีในปี
หน้านี้)
Candidate : Than if I’m selected. Will I be relocated to a new plant ?
(ถ้าเช่นนั้น ถ้าหากว่าผมได้รับการคัดเลือก ผมจะต้องย้ายไปอยู่ที่โรงงานใหม่ไหมครับ Interviewer : Yes. Probably. But we may recruit people around there as
well. Will you have any problems ?
(ครับ ก็อาจจะเป็นได้ แต่ว่าเราอาจจะบรรจุคนแถว ๆ นั้นก็ได้ แล้วคุณจะมีปัญหาอะไร
ไหมหล่ะ)
Candidate : No. sir. Not at all. If it’s for the sake of my career
advancement.
(ไม่เลยครับท่าน ถ้าหากเป็นการโยกย้ายเพื่อความก้าวหน้าในอาชีพการงานครับ)
Interviewer : That’s fine. Then if you have no other questions to ask
me. I’ll end the interview here. We’ll contact you again
on Monday. Thank of coming. Goodbye for now.
(นั่นก็ดีเลย ถ้าหากคุณไม่มีคำถามอื่น ๆ ที่จะถามผมแล้วผมก็จะยุติการสัมภาษณ์แต่เพียง
เท่านี้ ผมจะติดต่อคุณอีกในวันจันทร์ ขอบใจที่มารับการสอบ ตอนนี้ลาก่อนน่ะ)
Candidate : Thank you very much for calling me for this interview.
See you on Monday. Sir. Goodbye.
(ขอบคุณมากครับที่ท่านเรียกผมมาเข้ารับการสอบสัมภาษณ์ พบกันวันจันทร์น่ะครับ ลา
ก่อนครับ)
Accountant(สมุห์บัญชี)
Miss Jatuporn Vorakunchai is 24 years old. Single and a graduate of BBC Univercity in the Faculty of Commerce and Accountancy. Though she has studies. She received a valuable 3-month trining on the computerized accounting system and related responsibilities for a would-be accountant from a prestigious company. After granduation. She then applied for a position of junior accountant and now she is called to have an interview as follows:
(นางสาวจตุพร วรกุลชัย อายุ 24 ปี เป็นโสดและจบปริญญาจากมหาวิทยาลัยเอบีซี ในคณะพานิชยศาสตร์และการบัญชี ถึงแม้ว่าเธอจะไม่มีประสบการณ์การทำงานมาก่อนเลยแต่ว่าในปีสุดท้ายของการเรียน เธอได้รับการฝึกอบรมที่มีประโยชน์เป็นเวลา3เดือน ในด้านการทำระบบบัญชีทางคอมพิวเตอร์และด้านความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องสำหรับผู้ที่จะมาเป็นสมุห์บัญชีจากบริษัทที่มีเกียรติแห่งหนึ่ง หลังจากจบปริญญาแล้ว เธอจึงไปสมัครงานในตำแหน่งผู้ช่วยสมุห์บัญชี และตอนนี้เธอถูกเรียกตัวเข้ารับการสอบสัมภาษณ์ ดังนี้)
Interviewer : Sa-wat- dee- krab! Please sit down.
(สะ- วัส-ดี-ครับ โปรดนั่งลงสิ)
Candidate : Sa-wat-dee-ka! Thank you. Oh! You can speak
thai as well ?
(สะ-วัส-ดี-ค่ะ โอ่! คุณพูดภาษาไทยได้เหมือนกันน่ะ)
Interviewer : Oh! No! Just a little. Now you’re Miss Jantuporn.
Right ?
(โอ่! ไม่หรอก เพียงแค่นิดหน่อยเท่านั้นเองครับ คุณชื่อนางสาวจตุพร
ถูกต้องไหมครับ)
Candidate : Yes. Sir. I’m Jatuporn.
(ใช่ค่ะท่าน ดิฉันชื่อจตุพรค่ะ)
Interviewer : I’ve gone through your Re’sume. But why don’t
you apply for this position elsewhere ?
(ผมได้อ่านประวุติย่อของคุณหมดแล้ว แต่ว่าทำไมคุณจึงไม่สมัครตำแหน่ง
นี้ที่อื่นบ้างหละ)
Candidate : Sir. Frankly speaking. Though candidates for
this position are frequently sought by
employers. Many candidates want to work in
your company which is well-established and
listed as one of the best companies in the
country. I’ll have many things to learn here.
(ท่านค่ะ พูดตามตรงเลยนะค่ะ ถึงแม้ว่าผู้สมัครในตำแหน่งนี้ จะเป็นที่
ต้องการของนายจ้างอยู่เสมอ ผู้สมัครหลายคนต้องการทำงานในบริษัทของ
ท่าน ซึ่งมีความมั่นคงและจัดว่าเป็นบริษัทยอดเยี่ยมบริษัทหนึ่งในประเทศ
ดิฉันจะได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างที่นี่)
Interviewer : Oh! Really? What do you do during your free
time ?
(โอ่! จริงหรือ แล้วคุณทำอะไรในช่วงเวลาว่าง)
Candiddate : I like sewing and knitting.
(ดิฉันชอบการเย็บปัก และทักร้อยค่ะ)
Interviewer : Did you work full-or part-time while in
university ?
(คุณได้ทำงานนอกเวลาหรือเต็มเวลาในระหว่างเรียนบ้างไหม)
Candidate : No full time because I wanted to concentrate on
my studies only and that’s why I scored good
marks in almost all the subjects.
(ไม่มีการทำงานเต็มเวลาเลยค่ะ เพราะว่าดิฉันต้องการทุ่มเทให้กับการ
เรียนแต่เพียงอย่างเดียว และนั่นคือเหตุผลที่ดิฉันได้คะแนนดีในเกือบจะ
ทุกวิชาเลยค่ะ)
Interviewer : Well! How did you pay for your university
education then ?
(เอ่อ! แล้วคุณเอาเงินที่ไหนจ่ายค่าเล่าเรียนล่ะ)
Candidate : My parents paid for all education fees. But I
spent it very carefully.
(บิดามารดาของดิฉันจ่ายค่าเล่าเรียนให้ทั้งหมด แต่ว่าดิฉันก็ใช้จ่ายอย่าง
ระมัดระวังมากเลยค่ะ)
Interviewer : I see! What special qualification do you haave
for this position ?
(อ้อ! อย่างนั้นหรือ แล้วคุณมีคุณวุฒิอะไรสำหรับตำแหน่งนี้หรือ)
Candidate : In addition to my Bachelor’s Degree in
Commerce and Accountancy. I received a 3-
month training on computerized accounting
system. I have a good command of both spoken
and written English.
(นอกจากจบพานิชย์ศาสตร์และการบัญชีแล้ว ดิฉันยังได้รับการฝึกอบรม
เป็นเวลา 3 เดือน เกี่ยวกับระบบการทำบัญชีโดยคอมพิวเตอร์ด้วย ดิฉัน
พูดและเขียนภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี)
Interviewer : DO you enjoy responsibility ?
(คุณพอใจในหน้าที่รับผิดชอบไหม)
Candidate : Yes. I do because I believe that responsibility
is a key to successful career.
(ค่ะ ดิฉันพอใจ เพราะดิฉันเชื่อว่าความรับผิดชอบเป็นกุญแจไปสู่
ความสำเร็จในอาชีพการงาน)
Interviewer : Well! I’ll end the interview here or do you
have any questions to ask me ?
(เอ่อ! ผมจะยุติการสัมภาษณ์ไว้แต่เพียงเท่านี้ก่อน หรือคุณมีคำถาม
อะไรที่จะถามผมบ้างไหม)
Candidate : No. sir. Your ad. Already gave all the details I
wanted to know.
(ไม่มีค่ะท่าน โฆษณาของท่านได้ให้รายละเอียดที่ดิฉันต้องการจะทราบ
แล้วค่ะ)
Interviewer : Thank you and goodbye. Sir.
(ขอบคุณค่ะ และลาก่อนค่ะท่าน)
Tour Guide(มัคคุเทศก์)
After graduating from dusit University in the Faculty of Arts majoring in English and minoring in Fench. Mr. Prasit Uthaisri then applied for a short course on professional tourist guide run by the university under the supervision of the Tourism Authority of Thailand (TAT). At the end of the course. He then applied for job with a leading for an interview.
(หลังจากเรียนจบปริญญาจากมหาวิทยาลัยดุสิต ในคณะศิลปศาสตร์ เอกวิชาภาษาอังกฤษ และภาษาฝรั่งเศสเป็นวิชาโท นาย.ประสิทธิ์ อุทัยยศรี จึงสมัครเข้าอบรมหลักสูตรระยะสั้นด้านการเป็นมัคคุเทศก์อาชีพ จัดขึ้นโดยมหาวิทยาลัยภายใต้การตรวจสอบของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) หลังจากจบหลักสูตรเขาก็ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพมัคคุเทศก์จาก ททท. เขาจึงสมัครงานกับบริษัทท่องเที่ยวชั้นนำแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และตอนนี้เขาก็ได้ถูกเรียกตัวเข้ารับการสอบสัมภาษณ์)
Interviewer : Good moring. Mr. Prasit! Please come in and take a seat.
(สวัสดีคุณประสิทธิ์ โปรดเข้ามานั่งสิ)
Candidate : Good moring. Sir. Thank you.
(สวัสดีครับท่านขอบคุณครับ)
Interviewer : Now L’ve read your Application Letter. You have no work
experience at all. Will you be able to do the job
successfully ?
(ตอนนี้ ผมได้อ่านจดหมายสมัครงานของคุณแล้ว คุรไม่มีประสบการณ์การทำงานมา
ก่อนเลย แล้วคุณจะสามารถทำงานได้อย่างประสบผลสำเร็จหรือ)
Candidate : Sir. Though I have no work experience. I have completed
a professional tourist guide course approved by the TAT
and I possess aa licence to do the job. Besides. Having a
pleasant and outgoing personality. I have a strong
determination to learn new thing and I am adaptable to
change.
(ท่านครับถึงแม้ว่าผมจะไม่มีประสบการณ์ทำงานมาก่อนก็ตาม ผมได้เรียนจบหลักสูตร
มัคคุเทศก์อาชีพ อนุมัติโดย ททท. และมีใบอนุญาตประกอบอาชีพ นอกจากนี้ นอกจาก
จะเป็นคนร่าเริงและชอบพบปะผู้คนแล้ว ผมมีใจแน่วแน่ที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และปรับตัว
เข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้
Interviewer : Since the work involves frequent traveling upcountry. Are
you willing to do that ?
(เนื่องจากงานนี้เป็นงานเดินทางไปต่างจังหวัดอยู่บ่อย ๆ คุณเต็มใจที่จะทำอย่างนั้นหรือ)
Candidate : Yes. Sir. I have no problem at all as I like traveling to see
new things and meeting different people. Above all. I’m
single. So I have no family commitment to worry about.
(เต็มใจครับท่าน ผมไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ เพราะว่าผมชอบการเดินทางไปดูสิ่งใหม่ ๆ
และพบปะผู้คนหลากหลายยิ่งไปกว่านั้น ผมเป็นโสด ดังนั้นจึงไม่มีพันธะทางครอบครัวให้
ต้องคอยกังวลครับ)
Interviewer : Well! Would you like to ask me any questions ?
(เอ่อ! แล้วคุณหยากจะถามอะไรผมบ้งาไหม)
Candidate : Yes. Sir. What will be my responsibilities ?
(มีครับท่าน ผมจะต้องมีความรับผิดชอบอะไรบ้างคับท่าน)
Interviewer : Fine! After being briefed on the company’s policy and
important information to prepare in advance. You’ll be
assigned to guide our foreign tourists to different places of
historical. Cultural and religious attractions in and around
Bangkok. The trip takes place according to an arranged
schedule and the assigned dutty will be rotated among our
professional guides.
(ดีครับ หลังจากได้รับการบอกเล่าแบบคร่าว ๆ เกี่ยวกับนโยบายของบริษัทและข้อมูลที่
สำคัญที่ควรเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าแล้ว คุณก็จะได้รับมอบหมายให้นำนักท่องเที่ยวชาว
ต่างประเทศออกไปชมสถานที่ต่าง ๆ ทางด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และศาสนา ทั้ง
ในและรอบ ๆ กรุงเทพ ฯ การออกทัวร์ก็จะหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงกันไปทำในหมู่
มัคคุเทศก์เอง)
Candidate : That’s very good. Sir.
(นั่นดีมากเลยครับท่าน)
Interviewer : If you’re successful in this application. How soon can you
start work then ?
(ถ้าหากคุณประสบความสำเร้จในการสมัครงานนี้ คุณจะเริ่มงานได้เร็วแค่ไหน)
Candidate : I’m ready to start work immediately. Sir.
(ผมพร้อมที่จะเริ่มงานได้ท่านทีเลยครับท่าน)
Interviewer : Oh! Really ? Well! I think it’s enough for me to know
about you. I’ll contact you again next week. Thank for
coming today. Goodbye.
(โอ่ ! จริงหรือ เอ่อ ! ผมคิดว่าเป็นการเพียงพอแล้ว สำหรับผมที่จะทราบเกี่ยวกับตัวคุณ
ผมจะติดต่อคุณอีกสัปดาห์หน้าขอบใจที่มาสอบในวันนี้ ลาก่อนครับ)
Candidate : Thank you for interviewing me. I hope to hear good news
from you. Sir. Goodbye.
(ขอบคุณมากครับที่สัมภาษณ์ผม ผมหวังว่าจะทราบข่าวดี จากท่านน่ะครับ ลาก่อนครับ)
ที่มา:
http://www.jobenter.com/content/job_tips/detail.php?type=1&cid=215http://www.jobenter.com/content/job_tips/detail.php?type=1&cid=219http://www.jobenter.com/content/job_tips/detail.php?type=1&cid=197http://www.jobenter.com/content/job_tips/detail.php?type=1&cid=199http://www.jobenter.com/content/job_tips/detail.php?type=1&cid=198