ผู้เขียน หัวข้อ: การเต้นB-BOY,การเต้น Poppin,การเต้น C-walk,การเต้น BODYCOMBAT  (อ่าน 1121 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Step

  • Global Moderator
  • Newbie
  • *****
  • กระทู้: 33
  • พอยท์: 0
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
การเต้นB-BOY
คำว่า B-Boying นั้นมีรากศัพท์มาจากภาษาของชนชาติแอฟริกัน คือ คำว่า Boioing หมายความว่า กระโด,โลดเต้น และถูกใช้ในแถบ Bronx River ในการเรียก รูปแบบการเต้นเบรกกิ้งของกลุ่มชาวบีบอย ตัว B ในคำว่า Bgirl : Bboy นั้นย่อมาจาก Break-Girl : Break-Boy (บางทีก็หมายถึง Boogie หรือ Bronx) B-Boying นั้นยังเป็นที่รู้จักในชื่อ เบรกกิ้ง  หรือ เบรคแด๊นซ์


การเต้น  Poppin
 
ช่วงนี้ถ้าเดินไปไหนมาไหน เห็นใครเดินตัวกระตุกๆ ก็ไม่ต้องตกกะใจไป เพราะกระแสบอยแบนด์แดนกิมจิ กำลังมาแรงจนยากที่จะเอาอะไรมาฉุดไว้ได้อีกแล้วล่ะ โดยเฉพาะท่าเต้นเท่ห์ๆ ที่เรียกว่า Poppin ที่หนุ่มเกาหลี K-POP เค้าชอบเต้นกันซะเหลือเกิน ก็เลยทำให้ M MAX Zap Zone พากระโจนเข้ากระแส ชวนคนมันส์ซ่าไปทำความรู้จักกับการเต้น Poppin กันซะหน่อยดีกว่า !
 ไปยังไง มายังไงกันล่ะ Poppin เนี่ย !

Poppin หรือ Popping เป็นการสมานฉันท์กันระหว่าง funk dance & street dance แต่เป็นการเต้นที่ต้องอาศัยการกระตุกกล้ามเนื้อ หรือข้อต่อของอวัยวะส่วนต่างๆ มองเผินๆ จะดูแข็งๆ แต่ก็แฝงไว้ด้วยความพริ้วไหว เพราะอาศัยความรวดเร็วที่ผู้เต้นใช้ในการจัดท่าทางต่างๆ ให้ลงตัว โดยเริ่มมีการเต้นกันมาตั้งแต่ช่วงเกือบๆ ปี 1980 ที่ California นู้นเลย โดยกลุ่ม Poppin ที่ชื่อว่า Electric Boogaloos แต่ถ้าจะพูดถึงศิลปินเดี่ยวที่ปลุกกระแสการเต้น Poppin ให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เค้าคือ “Michael Jackson” The King Of Pop ของโลกนั่นเอง ที่คงพอจะจำกันได้กับท่าเต้นแปลกๆ ของเค้า(เมื่อเทียบกับในยุคนั้น) ซึ่งบางทีก็ดูคล้ายกับหุ่นยนต์ใส่ถ่านยังไงอย่างงั้นเลย แต่พอเมื่อเวลาผ่านไปก็ไม่น่าเชื่อว่าการเต้น Poppin ที่เคยดูขัดหูขัดตาเมื่อหลายสิบปีก่อน จะกลับมา Pop (สมชื่อ) กันอีกครั้งในยุคนี้ ด้วยฝีไม้ลายมือ(และหน้าใสๆ )ของหนุ่มเกาหลีเพื่อนบ้านของเรานี่เอง



ศิลปินเกาหลีวงไหนบ้างล่ะที่เต้น Poppin

ถ้าจะเอาระดับโปรจริงๆ ถึงขนาดว่าเป็นปรมาจารย์สอนนักร้องคนอื่นๆ มาแล้วเนี่ย ก็คงต้องยกให้กับหนุ่ม Hyun Joon ที่ถึงขนาดเค้าได้รับฉายาว่า Poppin Hyun Joon กันเลยทีเดียว ซึ่งเค้าได้เคยเป็นอาจารย์สอนการเต้น Poppin ให้กับศิลปินดังๆ มาแล้วมากมาย อย่างเช่น H.O.T, Super Junior, Lee Junki, Boa และ Paran (เก่งไม่เก่งก็คิดดูเอาแล้วกันนะ)



Poppin ท่าไหนถึงจะเท่ห์บาดใจ
ขอให้เป็น Poppin เถอะ ! จะท่าไหนก็เท่ห์บาดใจได้ทั้งนั้นล่ะ ก่อนจะเริ่มเต้นขอแนะนำว่าอย่าเพิ่งไปทานอะไรมาอิ่มๆ ล่ะ เดี๋ยวจะจุกเอาได้ง่ายๆ นะ เอาล่ะพร้อมจะ Poppin กันรึยัง พร้อมแล้วก็ไปเข้าท่ากันเลยดีกว่านะ(เพราะถ้าไม่เข้าท่า มันก็ไม่ดีไง)

เริ่มจากท่าแรกที่จะแนะนำคือ…  Boogaloo/Electric boogaloo หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นท่าออริจินอลของ Poppin เลยก็ว่าได้ เพราะเป็นท่าที่กลุ่ม Electric Boogaloos คิดค้นขึ้นมา ลักษณะของท่าก็คือการทำตัวเป็นมนุษย์ไร้กระดูกเคลื่อนไหวสะโพก หัวเข่าไปจนถึงหัว ให้พริ้วเหมือนกับร่างกายกำลังถูกม้วนเป็นวงกลมเลย

Animation หรือแปลตามตรงได้ว่า ภาพเคลื่อนไหว
ที่เรารู้ๆ กันนั่นแหละ เป็นการเต้นที่ผู้เต้นจะพยายามทำท่าเลียนแบบภาพบนแผ่นฟิล์มภาพยนตร์ ทีละเฟรม ทีละเฟรม เป็นภาพต่อเนื่องกัน ใครที่ทำได้เนียนๆ อ่ะนะ ก็จะมองดูคล้ายๆ กับการ์ตูน Animation เลยล่ะ

Robot/botting
ท่านี้ไม่มีอะไรยากเย็น แค่ให้นึกถึงอิริยาบถต่างๆ ของการ์ตูน หุ่นยนต์ ที่เราเคยดูกันตอนเด็กๆ นั่นแหละใช่เลย ! แข็งๆ ทื่อๆ แต่ทำแล้วดูเท่ห์ชะมัด !

low motion
ท่านี้เหมาะกับคนที่ชอบทำอะไรเชื่องช้า เพราะต้องพยายามเยื้องย่างกายให้ช้ามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดูเหมือนจะง่ายนะ แต่จริงๆ แล้วต้องอาศัยการเกร็งตัวอย่างมาก ซึ่งก็จะทำให้รู้สึกเมื่อยน่าดูเลยล่ะ

Waving
คือการเต้นโดยทำตัวให้มีการเคลื่อนไหวขึ้นลงเหมือนอย่างคลื่นทะเล ท่านี้จะคล้ายๆ กับท่า Liquid dancing แต่จะดูเป็นลำดับกัน มีความต่อเนื่องมากกว่า


 การเต้น  C-walk 
2 มือน่ะให้ล้วงกระเป๋า ส่วน 2 เท้าก็ให้ก้าวเข้ามา ที่บอกว่าให้เอามือล้วงกระเป๋าไว้ ก็เพราะว่าเดือนนี้ Zap Zone มีสไตล์การเต้นที่เน้นแต่การใช้เท้าแบบขยับเขยือนแค่เบาๆ  นั่นคือการเต้น C-Walk(Crip Walk) หรือที่ชาวเท้าไฟทั้งหลายคุ้นหูกันในอีกชื่อหนึ่งว่า Clown Walk นั่นเอง



อะไรกัน Clown Walk ตัวตลกเดินเหรอ ?
จะว่าอย่างนั้นก็ใช่ เพราะท่าทางการเต้น Clown Walk จะว่าไปแล้วก็ดูคล้ายกับท่าทางการเดินของตัวตลกในหนัง ซึ่งก็พอจะสืบความได้ว่า Clown Walk เดิมถูกเรียกว่า The Crip Walk หรือ C-Walk ถือกำเนิดขึ้นในแถบ ชานเมืองของ Los Angeles โดย Raymond Washington 1 ในสมาชิกแก๊งค์ที่ชื่อว่า crip ในปีค.ศ.1969 ซึ่งแรกเริ่มนั้น การ crip walk เป็นการเดินเพื่อ represent แก๊งค์เท่านั้น แต่ต่อมากลับได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และมีการพัฒนาจนกลายเป็นส่วนหนึ่งในสไตล์การเต้นของเพลงแนวฮิพฮอพตั้งแต่ปี 1980 เป็นต้นมา

เอาล่ะ ! พร้อมจะเต้น C-Walk กันรึยัง ?  (Crip Walk=C-Walk=Clown Walk) ถ้าพร้อมแล้ว ก่อนอื่นก็ต้องไปหาอุปกรณ์ที่สำคัญมาสวมใส่กันซะก่อน ซึ่งจะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจาก “รองเท้า” หาที่ใส่พอดี กระชับ พื้นหนาพอประมาณ เพราะถ้าพื้นรองเท้าหนาเกินไปอาจจะทำให้สะดุดได้

เมื่อเท้าพร้อม ใจพร้อม ก็ลุยกันเลยดีกว่า… !!
เริ่มต้นกันด้วยท่าเบสิคระดับชั้นอนุบาลของการเต้น C-Walk กันก่อน นั่นคือ…  The “V” เป็นการฝึกให้ข้อเท้า ของเราเคยชินกับการขยับเขยือน เหมือนเป็นการวอร์มอัพไปในตัวด้วย วิธีการก็ง่ายๆ วางเท้าทั้ง 2 ข้างของเราลงบนพื้น งอหัวเข่าเล็กน้อยควบคุมให้เท้าทำงานประสานกันออกมาเป็นรูปตัว V คือหันปลายด้านนิ้วเท้าทั้ง 2 ข้างมาชิดกัน สลับด้วยการเอาด้านส้นเท้ามาชิดกัน เหมือนตัว V กลับหัวและตัว V ตั้งนั่นเอง

โดยท่า The “V” ก็ยังแบ่งย่อยออกได้อีก 3 แบบด้วยกัน คือ…
– V Back Step : คือการผสานกันของเท้ารูปตัว V ไปทางด้านหลัง โดยใช้ขาช่วยในการเคลื่อนที่
– Foward V : คือการผสานกันของเท้ารูปตัว V ไปทางด้านหน้า โดยใช้ขาช่วยในการเคลื่อนที่
– V Step : ท่านี้ค่อนข้างจะยาก อาจเป็นเรื่องลำบากสำหรับคนที่มีน้ำหนักตัวมากๆ(หรืออวบระยะสุดท้าย) เพราะเป็นการทำเท้าให้เป็นรูปตัว V แล้วขยับไปด้านข้าง ด้านหน้าหรือด้านหลัง ด้วยขาเพียงข้างเดียว

The Shuffle : คือการเคลื่อนเท้าไปข้างหน้าและข้างหลังสลับไป-มา โดยระหว่างที่สลับเคลื่อนย้ายเท้าให้วางน้ำหนักไว้ที่บริเวณปลายเท้า ซึ่งถือได้ว่าเป็นท่าที่ค่อนข้างจะง่ายท่านึงเลยนะ ไม่เชื่อก็ลองทำดูสิและก็ยังแบ่งออกได้อีกเป็น 2 ท่าย่อย

The Shuffle Kick : การเคลื่อนเท้าไปข้างหน้าและข้างหลังสลับไป-มา โดยทิ้งน้ำหนักไว้ที่ส้นเท้า

Shuffle Spin : การเคลื่อนเท้าไปข้างหน้าและข้างหลังสลับไป-มา โดยงอหัวเข่าเล็กน้อย แล้วสลับไปมา 180 หรือ 360 องศา รอบตัว

The Heel Toe : เป็นท่าที่ใช้การหมุนของร่างกายเข้ามาช่วยเสริมการใช้เท้าด้วย โดยการเคลื่อนเท้าซ้ายเท้าขวาสลับไป-มา ร่วมกับการบิดเอว แล้ววางน้ำหนักไว้ที่ส้นเท้า

ทั้งหมดนี้เป็นแค่ท่าพื้นฐานไม่กี่ท่าของการเต้น C-Walk เท่านั้นนะ แต่ถ้าฝึกฝนบ่อยๆ ก็อาจจะช่วยให้พัฒนาจนสามารถเต้นท่าที่ยากกว่านี้ได้ นี่ขนาดอ่านทฤษฎียังรู้สึกว่าการเต้น C-Walk เนี่ยมันดูเท่ห์ชะมัดเลยใช่ไม๊ล่ะ ลองคิดดูสิว่าถ้าเราเต้นเป็น จะเป็นที่ฮือฮาป๊อปปูล่าในกลุ่มเพื่อนฝูงซักแค่ไหน รู้อย่างงี้แล้วก็ลองไปหัดเต้น C-Walk กันเลยดีกว่า !! หรือจะเข้าไปดูอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเต้น C-Walk แบบอินเตอร์ๆ ที่นี่ก็ได้


 การเต้น BODYCOMBAT
 เดือนนี้ชาวมันส์ซ่าส์รีบมาขยับแขนขากับท่าเต้นที่ร้อนแรง และเร้าใจไม่แพ้กันที่เรียกกันว่า BODYCOMBAT การเต้นที่ผสมผสานการต่อสู้ทั่วทั้งเอเชีย ทั้งเทควันโด มวยไทย คาราเต้ และไทชิ



เตรียมประจัญบาน!!

ก่อนเริ่มท่าเต้นต้องมีการวอร์มอัพกันก่อน จากนั้นก็ต้องมีท่าเริ่มต้น ท่ายืนเตรียมพร้อม โดยยืนเท้าให้ห่างกัน 1 ช่วงไหล่  ก้าวเท้าใดเท้าหนึ่งไปด้านหลัง 1 ก้าว ให้ตำแหน่งของเท้าทั้งสองข้างเป็นเส้นทแยงมุม ตั้งการ์ด โดยยกมือกำหมัดทั้งสองข้าง ปิดกรามไว้ แล้วหนีบศอกไว้ข้างลำตัว 6 ท่าสัประยุทธ์

Yap & Cross
Yap ให้ผลักไหล่พร้อมกับชกหมัดด้านหน้าออกมาตรง ๆ
Cross ให้ผลักไหล่พร้อมกับ ชกหมัด ด้านหลังออกมาตรง ๆ โดยบิดข้อมือกับหมัดคว่ำลงประมาณจมูกของคู่ต่อสู้ ขณะปล่อยหมัดให้บิดสะโพกและยกส้นเท้าขึ้นด้วย
Hook หลังจากปล่อยหมัดแย๊บออกไปแล้วก็ฮุคกันเลย เปิดศอกและแขนให้ขนานกับพื้น แขนท่อนบนกับท่อนล่างทำมุมเป็นมุมฉาก คว่ำหมัดลง หลังจากนั้นให้เหวี่ยงลำตัวทั้งหมด เปิดส้นเท้าพร้อมออกหมัดชก
Upper Cut ย่อเข่าเล็กน้อย พร้อมกับม้วนแขนจากด้านล่าง โดยศอกไม่กางออกจากลำตัว เอียงไหล่ลงไปเล็กน้อย พร้อมกับเหวี่ยงลำตัวทั้งหมด เปิดส้นเท้า พร้อมออกหมัดชกเสยขึ้น หยุดอยู่บริเวณคางคู่ต่อสู้ ท่านี้ฝึกให้ดี..อาจทำให้ใครบางคนลงไปจูบพื้นก็เป็นได้
Roundhouse Kick ออกแรงช่วงบนไปแล้ว เดี๋ยวช่วงล่างจะน้อยใจ ยกขึ้นมาสะบัดกันหน่อย ยืนให้ส้นเท้าหลังหันออกไปด้านหน้า เอียงตัวไปด้านหลัง ยกขาหน้าขึ้น กำหมัดชี้แขนด้านหน้าออกไป หลังจากนั้นให้เตะขาออกไปจนสุด ท่าเดียวยังไม่หนำใจลองท่าเตะขาอีกสัก 2 สเต็บเป็นไง !!!
Side Kick เอียงตัวไปทางด้านข้าง ยกขาขึ้นจากพื้น โดยงอเข่าเข้าหาหน้าอก กำหมัดด้านเดียวกับขาที่ยกขึ้น ถีบขาออกไปด้านข้าง เพื่อให้ส้นเท้ากระทบ
 เป้าหมายที่ต้องการ
Knee ยกเข่าขึ้นไปด้านหน้า เข้าบริเวณกลางลำตัวคู่ต่อสู้ ส่งแรงจากสะโพกช่วยให้เข่ามีความรุนแรงขึ้น แล้วอัดให้เต็มเหนี่ยว นั่นแหละ…โดนจัง ๆ

จากนั้นก็ลองฝึกอีก 2-3 รอบ จะทำให้กล้ามเนื้อกระชับขึ้น และทั้งหมดนี้เป็นเพียงท่าพื้นฐานของ BODYCOMBAT จริง ๆ แล้วมีมากกว่านี้เยอะ ลองไปศึกษาเพิ่มเติมหรือจะหาวีซีดีมาฝึกดูด้วยตัวเองก็ไม่มีใครว่า จะได้ทั้งเหงื่อและ กล้ามเนื้อ งานนี้มีแต่ได้ ไม่มีเสีย



ที่มา https://nayfarro.wordpress.com/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 6 มกราคม 2017, 00:59:06 โดย สเต็ปเทพ »