ผู้เขียน หัวข้อ: เบต้ากลูแคน ดีที่สุดในโลก ที่มนุษย์เคยค้นพบ( BETA GLUCAN: THE WORLD'S MOST POWER  (อ่าน 618 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ prom

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,415
  • พอยท์: 1567
    • ดูรายละเอียด
 เบต้ากลูแคน (BETA GLUCAN) คือสารอาหารประเภทแป้ง ซึ่งมีคุณสมบัติมหัศจรรย์ที่สามารถกระตุ้นระบบภูมิต้านทานร่างกายใช้ป้องกันโรคติดเชื้อจากจุลชีพต่างๆ ทั้งยังมีคุณสมบัติอื่นๆ ที่สำคัญคือ ลดระดับไขมันคอเลสเตอรอลในโลหิต เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ สำหรับประโยชน์ที่เหนือกว่าสารอาหารอื่นๆ คือ สรรพคุณในการป้องกันและรักษามะเร็ง เพราะถ้าร่างกายได้รับเบต้ากลูแคน เม็ดโลหิตขาวขนาดใหญ่ จะถูกกระตุ้นให้มีความสามารถสังเกตเห็นเชื้อมะเร็งรู้ว่าเป็นผู้บุกรุกและจะเข้าไปทำลายได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป





ขาย 420 บาท
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 3 ตุลาคม 2019, 11:51:59 โดย prom »

ออฟไลน์ prom

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,415
  • พอยท์: 1567
    • ดูรายละเอียด
เบต้า-กลูแคน (Beta Glucan)

เบต้า-กลูแคน คือ สารประกอบประเภทน้ำตาลหลายโมเลกุล หรือที่เรียกว่า โพลิแซ็กคาไรด์ (Polysaccharide)ชนิดหนึ่ง มีคุณสมบัติเป็นใยอาหาร (Fiber) ที่ช่วยในระบบการย่อยอาหาร และระบบขับถ่าย เบต้ากลูแคน ประกอบขึ้นจากน้ำตาลกลูโคส ซึ่งเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว กลูแคนหรือน้ำตาลกลูโคสนั้น แบ่งออกเป็น อัลฟา-กลูแคน และเบต้า-กลูแคน

เบต้า-กลูแคน (BETA GLUCAN) มีคุณสมบัติมหัศจรรย์ที่สามารถกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ของร่างกายใช้ป้องกันโรคติดเชื้อจากจุลชีพต่างๆ ทั้งยังมีคุณสมบัติอื่นๆ ที่สำคัญ คือ ลดระดับไขมันคอเลสเตอรอลในเลือด เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ สำหรับประโยชน์ที่เหนือกว่าสารอาหารอื่นๆ คือ สรรพคุณในการป้องกันและต้านเซลล์มะเร็ง เมื่อร่างกายได้รับเบต้า-กลูแคน เม็ดเลือดขาวจะถูกกระตุ้นให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เบต้า-กลูแคน จะถูกย่อยที่บริเวณผนังลำไส้เล็กส่วน lleum ที่เรียกว่า Peyer's Patches โดย เซลล์มาโครฟาส หรือ เซลล์ต่อสู้โรค ให้กลายเป็นแท่ง (fragment) เล็กๆ ของ เบต้า-1, 3/1, 6-D-glucan Polysaccharide จะไปจับกับ Receptor ของ Neutrophils (เซลล์เม็ดเลือด ขาวที่คอยกำจัดเชื้อโรค) ซึ่งจะทำให้ Neutrophils มีความจำเพาะเจาะจงกับเชื้อโรคมากขึ้น เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการค้นหา และจับกับสิ่งแปลกปลอมเพื่อทำลายสิ่งแปลกปลอมในร่างกายได้เร็วขึ้น

ปัจจุบัน เบต้า-กลูแคน มีการศึกษากันอย่างแพร่หลาย แต่การศึกษาครั้งแรกเริ่มขึ้นใน ทศวรรษที่ 40 เมื่อ Louis Pillemer ศึกษา Zymosan ซึ่งเตรียมได้จากผนังเซลล์ของยีสต์ ที่รู้จักกันทั่วไปว่าเป็นยาที่ออกฤทธิ์ กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน แต่ในขณะนั้นยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่า โปรตีน ไขมัน น้ำตาลเชิงซ้อน หรือองค์ประกอบใดของ Zymosan ที่สามารถออกฤทธิ์ต่อ ระบบภูมิคุ้มกันได้

หลังจากนั้น ราวทศวรรษที่ 50 Nicholas DiLuzio จากมหาวิทยาลัย Tulane ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ทำการวิจัยเพิ่มเติมจนพบว่า สารที่มีผลต่อการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันใน Zymosan ที่จริงแล้ว คือ เบต้า-กลูแคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Beta-1,3-D-glucan ซึ่งเป็น โพลิ แซ็กคาไรด์สายยาวของน้ำตาลกลูโคส ที่เชื่อมต่อกันด้วย glycoside lingkage ตรงโมเลกุลของออกซิเจนที่ตำแหน่ง C1 กับ hydroxyl ที่ตำแหน่ง C3 ของอีกกลุ่มหนึ่ง

ผลงานดังกล่าว จุดประกายให้นักวิทยาศาสตร์เริ่มศึกษาถึงความสามารถในการกระตุ้น ระบบภูมิคุ้มกัน ของ เบต้า-กลูแคน เรื่อยมาจนก้าวเข้าสู่ยุคปี 80 Joyce K. Czop จากมหาวิทยาลัย Harvard ได้ค้นพบตัวรับที่จำเพาะต่อเบต้า-กลูแคนบนผิวเซลล์ของ Macrophage โดยตัวรับดังกล่าว เป็นกลุ่มของโปรตีนที่มีขนาดประมาณ 1 ไมครอน ซึ่งจะพบอยู่บนผิวเซลล์ Macrophage ตั้งแต่เริ่มสร้างจากไขกระดูกจนตาย

Joyce K. Czop อธิบายว่า เมื่อสาย α-Helix ซึ่งเป็นโครงสร้างสามมิติของ เบต้า-กลูแคน ที่ประกอบไปด้วยน้ำตาลประมาณ 7 หน่วยเข้าไปจับที่ตัวรับบนผิวเซลล์ ก็จะไปกระตุ้นเซลล์ Macrophage ให้อยู่ในสภาวะตื่นตัว เพื่อทำหน้าที่กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันต่อไปแต่ในภาวะปกติ แล้วเซลล์ Macrophage ส่วนใหญ่มักจะอยู่ในสภาวะสงบ ซึ่งหมายความว่า ระบบภูมิคุ้มกัน ต่างๆ ของร่างกายจะไม่ทำงานจนกว่าจะตรวจพบสิ่งแปลกปลอมจากภายนอก ที่เข้าสู่ร่างกาย เช่น แบคทีเรีย, ไวรัส, เชื้อรา หรือสารเคมี ต่างๆ แต่หากร่างกายของเราได้รับเบต้า-กลูแคนอยู่เป็น ประจำแล้ว เบต้า-กลูแคน เหล่านี้ก็จะคอยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ มาโครฟาสจ์ (Macrophage) ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพอยู่ตลอดเวลา ซึ่งกระบวนการในการกระตุ้นเซลล์ มาโครฟาสจ์ (Macrophage) ของเบต้ากลูแคน นั้นมีอยู่หลายทาง เช่น

    กระตุ้นให้เม็ดเลือดขาว มาโครฟาสจ์ (Macrophage) ให้อยู่ในสภาวะที่เตรียมพร้อม และตื่นตัวอยู่เสมอ
    ควบคุมการหลั่ง cytokines เช่น interleukins เพื่อกระตุ้นการสื่อสารระหว่างเซลล์ต่างๆ ในระบบภูมิคุ้มกัน
    กระตุ้นการหลั่ง colony-stimulating factors เพื่อเพิ่มปริมาณการสร้างและการเจริญเติบโตของเม็ดเลือดขาว เช่น Neutrophils และ Eosinophils จากไขกระดูก


กระบวนการเหล่านี้ เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ เซลล์ Macrophage ในการกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่จะเข้ามาสู่ร่างกายนั่นเอง และจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ร่างกายในด้านต่างๆ ดังนี้

    ต้านเซลล์มะเร็ง ลดความเสี่ยงของการเป็นโรคมะเร็งต่างๆ
    บรรเทาอาหาร และฟื้นตัวได้เร็วหลังจากทำเคมีบำบัด
    ลดอาการภูมิแพ้และไข้หวัด
    บรรเทาการติดเชื้อ และการอักเสบจากเชื้อชนิดต่างๆ
    ช่วยให้บาดแผลหายเร็วขึ้น


เบต้า-กลูแคน สามารถนำมาใช้ในการรักษาโรคมะเร็งได้ จากการศึกษาของ Peter W. Mansell ในคนไข้ที่เป็นมะเร็งผิวหนัง 9 ราย พบว่าขนาดของเซลล์มะเร็งที่ผิวหนังของคนไข้ ลดลง เมื่อได้รับการฉีด เบต้ากลูแคน เข้าไปรวมกับผลการทดลองจากการฉายรังสีในระดับที่ เป็นอันตรายให้แก่หนูที่ได้รับ เบต้า-กลูแคน เป็นประจำ พบว่า 70% ของหนูทั้งหมดที่ทำการ ทดลองไม่ได้รับอันตรายจากผลของรังสี ซึ่งข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ของ เบต้า-กลูแคน ได้เป็นอย่างดี

ปัจจุบันเป็นที่ทราบกันดีถึงผลของ เบต้า-กลูแคน ที่มีต่อการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ผ่านทาง เซลล์ Macrophage อย่างไรก็ตาม กลไกการลำเลียง เบต้ากลูแคน เข้าสู่ร่างกายยังไม่เป็นที่ทราบชัดเจน โดยสันนิษฐานว่า การลำเลียงดังกล่าวนั้น น่าจะเกิดขึ้นที่ Microfold ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเซลล์เนื้อเยื่อบุผิว ที่ดัดแปลงไปทำหน้าที่พิเศษที่เรียกว่า M-cell โดยเซลล์เหล่านี้จะ พบอยู่ภายใน Peyer’s patches ของต่อมน้ำเหลืองตามทางเดินอาหาร หลังจากที่ เบต้ากลูแคน ถูกนำเข้าสู่ M-cell แล้ว M-cell ก็จะส่งต่อเบต้ากลูแคนให้กับเซลล์ Macrophage อีกที

เบต้า-กลูแคน นอกจากจะใช้ทำเป็นอาหารเสริมสุขภาพแล้ว ยังมีการนำไปใช้ในเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางจำพวกครีมกันแดดได้อีกด้วย เบต้ากลูแคน สามารถกระตุ้นให้แผลหายเร็ว ขึ้น โดยจะไปเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้าง collagen ของเซลล์ผิวหนัง ลดการเกิดอนุมูลอิสระ และกระตุ้นการทำงานของเซลล์ Langerhans ซึ่งเป็นเซลล์ที่มีหน้าที่ นำเสนอสิ่งแปลกปลอม ให้แก่เซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน คล้ายๆกับเซลล์ Macrophage โดยกระบวนการเหล่านี้ จะมีผลทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สดใส ลดริ้วรอย และชะลอความแก่ของเซลล์ผิวหนังให้ช้าลง

แหล่งที่พบ เบต้า-กลูแคน ในธรรมชาติ พบได้ในพืชบางชนิด เช่น เห็ด ผักสมุนไพรต่างๆ เช่น ว่านหางจระเข้ม, โสม, ข้าวโอ๊ต, ชะเอมเทศ, ยีสต์ (ยีสต์ดำ ยีสต์ ขนมปัง), ข้าวบาร์เลย์ , สาหร่าย และราเส้นใย เป็นต้น สำหรับ เบต้า-กลูแคน จากยีสต์ดำ เกิด จากการเพาะเลี้ยงยีสต์ดำโดยเฉพาะ ซึ่งตัวยีสต์ดำ จะสร้างใยอาหารเบต้า-กลูแคน บริสุทธิ์ที่มี โครงสร้างเป็น เบต้า-1, 3/1, 6-D-glucan (แปลว่า มีตำแหน่งเชื่อมต่อหลักที่ตำแหน่ง 1 และ 3 ของโมเลกุล และมีตำแหน่งเชื่อมต่อรองที่ตำแหน่ง 1 และ 6 ของโมเลกุล)

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

    เบต้า-กลูแคน ดีที่สุดในโลก ที่มนุษย์เคยค้นพบ, ศ.ดร.นพ.สมศักดิ์ วรคามิน
    ศูนย์จุลินทรีย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, พรพจน์ ศรีสุขชยะกุล
    วิชาการ.คอม, www.vcharkarn.com
https://www.greenclinic.in.th/beta-glucan.html

ออฟไลน์ prom

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,415
  • พอยท์: 1567
    • ดูรายละเอียด
 บอกลาโรคภูมิแพ้ ด้วยคุณประโยชน์ จากเบต้า กูลแคน (Beta Glucan)

          โรคภูมิแพ้ทางจมูก  (Allergic Rhinitis) เป็นโรคที่พบ มากที่สุดในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ เพราะด้วย วิถีชีวิตของคนไทยในปัจจุบันที่ต้องเผชิญ กับ ฝุ่นควัน หรือ มลพิษบนท้องถนนเป็นประจำ จนส่งผลระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอยู่ในสภาวะเสียสมดุล  ซึ่งอาการแพ้ทางจมูกที่เราพบมากกันนั้น มักเกิดจากกลไกของร่างกายซึ่งใช้ภูมิคุ้มกันต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอม จนไปกระตุ้นการหลั่งสาร ที่ทำให้เนื้อเยื่อต่างๆเกิด การอักเสบ ซึ่งระดับอาการ ก็จะฟ้องให้เห็นแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น  คัดจมูก คันตา เจ็บคอ หรือเป็นลมพิษ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม วิธีการรักษาโรคภูมิแพ้เบื้องต้นอย่างง่ายๆ ก็คือ ควรหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ หรือ รับประทานอาหารที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน อย่าง เบต้า กูลแคน (Beta Glucan) ก็จะช่วยป้องกัน ภาวะภูมิเพี้ยน อันเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคภูมิแพ้ได้เช่นกัน

          เบต้า กูลแคน  เป็นสารประกอบของน้ำตาลกลูโคส  หรือ น้ำตาลเชิงซ้อน (Polysaccharide) ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นและยกระดับภูมิคุ้มกันที่มีประสิทธิภาพสูงสุด  โดยจะเร่งให้เม็ดเลือดขาวซึ่งทำหน้าที่เป็นเซลล์ภูมิคุ้มกันปกป้องร่างกาย ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งส่งผลให้ ภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติได้รับการฟื้นฟู และลดอาการของโรคภูมิแพ้ได้  และด้วยความที่ เบต้า กูลแคน  มักพบในพืช อย่างในยีสต์ สาหร่าย เห็ดและพืชบางชนิด อย่าง สาหร่าย โสม  ชะเอมเทศ ข้าวบาร์เลย์ แต่ไม่พบในสัตว์และมนุษย์  ดังนั้น อาหารเสริมที่มีสารสกัด จาก เบต้า กูลแคน  จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่ช่วยให้เราได้รับสารเพิ่มภูมิต้านทานอย่างเต็มที่

          จากงานวิจัยทางวิชาการของสหรัฐอเมริกาพบว่า เบต้า กลูแคน เป็นสารหนุนระบบภูมิคุ้มกันธรรมชาติ ที่ช่วยให้เม็ดเลือดขาวแข็งแรงและ สมบูรณ์  ลดการเกิดโรคที่เซลล์เม็ดเลือดขาวทำงานผิดปกติ เช่น โรคภูมิแพ้ เบาหวาน และผู้ป่วยมะเร็งที่รักษาด้วยการฉายแสงและเคมีบำบัด เป็นต้น  นอกจากนี้  ข้อมูลจาก กระทรวงสาธารณสุขของสหรัฐอเมริกา ยังยืนยันอีกว่า การได้รับ เบต้ากลูแคนขนาดสูง อย่างทันท่วงที  จะทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสหายจาก หวัดและอาการเจ็บคอ ได้ปลอดภัยกว่าการรับประทานยาพาราเซตามอล ได้อีกด้วย

อ้างอิง : https://www.hibalanz.com
http://baiyadrugstore.blogspot.com/2018/02/beta-glucan-allergic-rhinitis-beta.html

ออฟไลน์ prom

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,415
  • พอยท์: 1567
    • ดูรายละเอียด
24 ปี งานวิจัย'เบต้ากลูแคน'ช่วยคนไทยห่างไกลโรคร้าย

หากเอ่ยถึง "เม็ดเลือดขาว" น้อยคนนักจะรู้จักถึงบทบาทและหน้าที่ของเซลล์ตัวนี้ว่ามีความสำคัญกับร่างกายและชีวิตของคนเราเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะทำหน้าที่เป็นภูมิคุ้มกันของร่างกายที่คอยทำลายเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมให้แก่ร่างกายแล้ว เม็ดเลือดขาวยังเปรียบเสมือนทหารหรือองครักษ์ที่คอยปกป้อง และป้องกันสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ไม่ให้เข้ามาในร่างกายนั่นเอง ข้อมูลสถิติทางการแพทย์พบว่า ปัจจุบันคนไทยป่วยเป็นโรคร้าย อาทิ โรคมะเร็ง, โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ซึ่งโรคเหล่านี้คร่าชีวิตคนไทยเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้นถึงปีละ 10% และมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และคงปฏิเสธไม่ได้ว่าสาเหตุของการเกิดโรคร้ายต่างๆ เหล่านี้มาจากเม็ดเลือดขาวที่ไม่สมบูรณ์นั่นเอง...!!!

ดร.ปิยะ เสียงสุคนธ์ กรรมการบริหารบริษัท รอยส์ แล็บ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หนึ่งในทีมนักวิจัยอิมมูน แล็บ เบต้ากลูแคน (Immune Lab Beta Glucan) กล่าวว่า "เบต้ากลูแคน" เป็นสารอาหารประเภทแป้งและน้ำตาล สามารถพบได้ในเซลลูโลสของพืช อาทิ ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ เห็ดหลินจือ เห็ดชิตาเกะ เห็ดไมตาเกะ สาหร่ายทะเล และผนังเซลล์ของยีสต์ โดยมีคุณสมบัติเป็นเอนไซม์ให้แก่เม็ดเลือดขาว หรือเปรียบเสมือนเป็นอาหารชั้นเลิศของเม็ดเลือดขาว โดยในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ได้มีการศึกษาทดลองในสถาบันวิจัยต่างๆ กว่า 5 ทศวรรษ พบว่า "เบต้ากลูแคน" เป็นสารสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดที่มนุษย์เคยค้นพบมา โดยมีคุณประโยชน์มากมาย ช่วยให้เม็ดเลือดขาวแข็งแรงสมบูรณ์และส่งผลทำให้ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถช่วยฟื้นฟูร่างกายจากโรคที่เกิดจากการเสื่อมและการทำงานผิดปกติของเม็ดเลือดขาว

"จากงานวิจัยมหาวิทยาลัยทางการแพทย์ชั้นนำของโลกหลายแห่งพบว่า เบต้ากลูแคนที่มีคุณภาพควรมีคุณสมบัติดังนี้ คือ 1.ต้องเป็นเบต้ากลูแคนที่ผลิตจาก ยีสต์ขนมปังเท่านั้นจึงจะมีประสิทธิภาพต่อร่างกายมนุษย์สูงสุด 2.ต้องสกัดบริสุทธิ์และไม่มีสารตกค้าง เนื่องจากโปรตีนที่หลงเหลือในผลิตภัณฑ์อาจทำให้ผู้ใช้เกิดอาการแพ้ได้ 3.ต้องมีขนาดอนุภาคของเบต้ากลูแคนเล็กกว่า 2 ไมครอน (0.002 มิลลิเมตร) เพื่อการดูดซึมที่มีประสิทธิภาพและเพื่อมิให้อนุภาคของเบต้ากลูแคนกลับมารวมตัวกัน (Reaggregate) เป็นอนุภาคที่ใหญ่ขึ้นซึ่งร่างกายไม่สามารถนำไปใช้ได้ กล่าวโดยง่ายคือ ยิ่งเล็กยิ่งดีมีประสิทธิภาพสูง"

จึงเกิดเป็นที่มาของการร่วมมือในการต่อยอดงานวิจัยของ รศ.ดร.องอาจ ผ่องลักษณ์ ที่ปรึกษาอาวุโสทีมวิจัยอิมมูน แล็บ เบต้ากลูแคน (Immune Lab Beta Glucan) และอดีตที่ปรึกษาโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยสามารถค้นคว้าวิจัยจนผลิตสารเบต้ากลูแคนจากผนังเซลล์ยีสต์ขนมปังให้มีขนาดอนุภาค 1.5 ไมครอน (0.0015 มิลลิเมตร) ซึ่งถือเป็นอนุภาคที่เล็กที่สุดในโลกที่สามารถทำได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมของร่างกายได้สูงสุดนั่นเองงานวิจัยชิ้นนี้จึงถือเป็นผลงานชิ้นโบแดงของคนไทยที่เราสามารถทำได้เป็นรายแรกในโลก

ทางด้าน ศ.นพ.อิศรางค์ นุชประยูร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็ง และประธานที่ปรึกษาชมรมเพื่อนมะเร็งไทย หนึ่งในโรคร้ายที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเม็ดเลือดขาวถูกทำลาย กล่าวว่า ปัจจัยหลักที่ทำให้คนทั่วไปป่วยเป็นโรคร้ายแรงก็คงหนีไม่พ้น "ภาวะเม็ดเลือดขาวถูกทำลาย ดังนั้นผู้ป่วยมะเร็งจะมีความเสี่ยงการเกิดภาวะแทรกซ้อน อาทิ การติดเชื้อในกระแสเลือด น้ำท่วมปอด โดยในปัจจุบันคนไทยป่วยเป็นโรคมะเร็งเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก มีผู้เสียชีวิต 80,000 คนต่อปี เฉลี่ยอายุตั้งแต่ 30 ปี โดยสถิติพบว่าผู้ชายไทยจะป่วยเป็นโรคมะเร็งตับเพิ่มสูงขึ้นปีละ 10% ส่วนผู้หญิงร้อยละ 70 ป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก เฉลี่ยอายุประมาณ 45 ปีขึ้นไป บางรายอาจจะตรวจพบเร็วมากกว่านั้น และที่สำคัญพบว่าเด็กป่วยเป็นโรคมะเร็งสูงถึง 1,000 รายต่อปี เฉลี่ยอายุ 4 ขวบ ซึ่งเด็กส่วนใหญ่ป่วยเป็นลูคีเมียหรือมะเร็งเม็ดเลือดขาว

อ่านต่อได้ที่ : https://www.ryt9.com/s/tpd/2650032