ผู้เขียน หัวข้อ: ผู้ชายมาจากดาวอังคาร ผู้หญิงมาจากดาวศุกร์Men are from mars, women are from venus  (อ่าน 1238 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ prom

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,415
  • พอยท์: 1567
    • ดูรายละเอียด




จำนวนพอยท์ที่ใช้แลก 160P หรือซื้อได้ในราคา 160บาท
(หลังซื้อของชิ้นนี้ จะได้รับ 160P สะสมไว้แลกของชิ้นอื่นได้)

[xquote]
เป็นเรื่องที่ยากที่จะพบหนังสือที่ไม่ใช่หนังสือนิยายแต่อ่านแล้ววางไม่ลง แต่ จอห์น เกรย์ ก็ทำได้แล้ว ผู้ชายมาจากดาวอังคาร ผู้หญิงมาจากดาวศุกร์ เป็นหนังสือที่เข้ามาแทนที่ทฤษฏีเก่า ๆ ด้านความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายและผู้หญิงไปจนหมด ด้วยสิ่งที่เหมาะกับยุคสมัยของเรา[/xquote]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28 เมษายน 2019, 17:52:17 โดย prom »

ออฟไลน์ prom

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,415
  • พอยท์: 1567
    • ดูรายละเอียด

คนละเรื่องเดียวกัน

เมื่อหลายปีก่อน มีหนังสือเล่มหนึ่งที่ค่อนข้างจะดังและเป็นที่รู้จักของนักอ่านที่สนใจ เรื่องทางจิตวิทยาชื่อ MEN ARE FROM MARS AND WOMEN ARE FROM VENUS แปลเป็นไทยง่ายๆ ก็คือ ผู้ชายมาจากดาวอังคารและผู้หญิงมาจากดาวพระศุกร์ สิ่งที่เป็นหัวใจหลักของหนังสือเล่มนี้ อยู่ตรงที่ว่า ผู้ชายผู้หญิงมีความแตกต่างกันไม่เพียงแต่โครงสร้างของร่างกาย แต่ยังรวมถึงทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เป็นด้านของความนึกคิด จิตวิญญาณที่แตกต่างกัน คล้ายๆ กับจะบอกเราว่า ผู้ชายมาจากดาวอังคารที่เป็นเทพเจ้าแห่งสงคราม ส่วนผู้หญิงมาจากดาวพระศุกร์ หรือเทพแห่งความงาม เมื่อผู้ชายผู้หญิงกำเนิดมาจากโลกที่ต่างกัน ดังนั้นย่อมจะมีความต่างกัน ดาวอังคารจะไปกะเกณฑ์ให้ดาวพระศุกร์คิดนึกเหมือนดาวอังคารได้อย่างไร ส่วนดาวพระศุกร์ก็เช่นกัน ไม่สามารถคาดหมายให้ดาวอังคารมาเขาใจความรู้สึกที่เป็นความละเอียดอ่อนของดาวพระศุกร์ได้

ผู้แต่งเรื่องนี้คือ จอห์น เกรย์ (John Gray) กล่าวว่า ผู้ชายและผู้หญิงมักจะไม่เข้าใจกัน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าเราคาดหมายให้อีกเพศหนึ่งมาคิดนึกรู้สึกเหมือนเพศเรา ซึ่งเขาบอกว่าเป็นไปไม่ได้

เรา (คือผู้หญิง) มักเข้าใจผิดคิดว่า ถ้าเรารักผู้ชายสักคน เขาคงจะรักเราตอบในระดับเดียวกับที่เรารักเขา แต่จากการศึกษาทางจิตวิทยาพบว่า ผู้หญิงโดยเฉลี่ยมักคิดว่า ผู้ชายรักเธอมากกว่าในความเป็นจริง ความจริงคืออะไร ? ความเป็นจริงก็คือ ผู้ชายก็รักเหมือนกัน แต่ไม่ได้รักมากมายเหมือนกับที่ผู้หญิงรักพวกเขา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ คือธรรมชาติแท้ๆ ของผู้ชาย แต่ผู้หญิงมักไม่รู้ และก็มักจะอยู่ในโลกแห่งการเพ้อฝัน อยากให้ผู้ชายปฏิบัติต่อพวกเธอในลักษณะที่เธอคาดว่าถ้าเขารักฉัน เขาต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่พอเอาเข้าจริงๆ ผู้ชายไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเธอต้องการ เธอก็จะรู้สึกผิดหวังในตัวเขามาก

ในส่วนของผู้ชายก็เช่นกัน ผู้ชายมักจะคาดหวังให้ผู้หญิงคิดนึกแสดงออกในลักษณะที่ผู้ชายจะทำ แต่เขาก็ต้องพบกับความงุนงงไม่เข้าใจวิธีคิดและการแสดงออกของฝ่ายหญิง

จริงๆ แล้ว ทั้ง 2 เพศลืมไปเสียสนิทว่า มีความแตกต่างกันของการเกิดเป็นชายและเป็นหญิง เมื่อต่างฝ่ายต่างมองข้ามข้อนี้ ปัญหาต่างๆ ของการมีความสัมพันธ์จึงเกิดขึ้นเป็นลูกโซ่ แต่ถ้าเราจะเข้าใจ ในความแตกต่างระหว่าง 2 เพศ เมื่อเราเกี่ยวข้องกับคนที่ต่างเพศกับเรา เรื่องหงุดหงิดใจต่างๆ ก็จะลดลงไปได้มากมาย

ตัวอย่างเช่น ผู้ชายมักจะมุ่งเน้นในข้อมูล ข้อเท็จจริง และมองข้ามความรู้สึก โดยปราศจากการเข้าใจว่า ผู้หญิงชอบคนที่มีความละเอียดอ่อน และเข้าใจความรู้สึก ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่สนใจว่าข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร ตราบใดที่ผู้ชายรับรู้ความรู้สึกของพวกเธอ เธอก็จะมีความสุขมาก

สมมุติว่า ผู้หญิงจะบอกผู้ชายของเธอว่า วันนี้รถเธอถูกเฉี่ยวชนมา เธอคาดหมายให้สามี (ซึ่งมาจากดาวอังคาร) ตอบทำนองว่า "เธอเป็นอะไรหรือเปล่า ตกใจมากมั้ย"…แต่ปรากฏว่า สามีกลับตอบทำนองว่า "รถเสียหายมากไหม และประกันว่าอย่างไรบ้าง" คำตอบของสามีทำนองนี้ มักจะทำให้สาวดาวพระศุกร์น้อยใจว่า สามีสนใจรถมากกว่าตัวเธอ พูดง่ายๆ ก็คือ ผู้หญิงต้องการความละเอียดอ่อนทางอารมณ์ (SENSITIVITY) จากผู้ชายที่มาจากดาวอังคาร ซึ่งผู้ชายส่วนใหญ่จะขาดความอ่อนโยนในส่วนนี้ไป ในขณะที่ผู้ชายกลับมองไปว่าเรื่องทางด้านอารมณ์ หรือจิตใจเป็นสิ่งที่มองยาก ไม่จำเป็นต้องพูดมาก สู้มุ่งในเรื่องของเหตุและผลจะดีกว่า และนี่เองเป็นเหตุให้บ่อยครั้ง ผู้หญิงจะรู้สึกว่าผู้ชายไม่ใส่ใจเธอเท่าที่ควร ในขณะที่ผู้ชายมองว่า ทำไมผู้หญิงชอบคิดเล็กคิดน้อย ไม่เป็นเรื่อง

นอกจากนี้ ในเรื่องของการมีความสัมพันธ์ก็เช่นกัน คำว่า "ความสัมพันธ์" เป็นเรื่องที่ทั้งผู้ชาย และผู้หญิงให้ความหมายต่างกัน

ผู้หญิงส่วนใหญ่มองว่า เมื่อไปเดท (DATE) กับผู้ชายคนไหนสักระยะหนึ่งแล้ว ผู้ชายจะจริงจังกับตัว และเขากับเธอก็จะมีความรักที่ยั่งยืนนานต่อไปชั่วกัลปาวสาน แต่จริงๆ แล้วผิดทั้งเพ ผู้ชายส่วนใหญ่อาจจะไม่ได้คิดเพ้อฝันหรือโรแมนติกอะไรกับผู้หญิง แม้ว่าเขาจะคบเธอมา 6-7 เดือน เลยก็ได้ ในขณะที่ผู้หญิงกำลังวาดวิมานในอากาศถึงวันที่ระฆังวิวาห์จะดัง เลยเถิดไปถึงการตั้งครอบครัว มีลูกเล็กๆ น่ารักยั้วเยี้ยะอีก 10 ปีข้างหน้า ผู้ชายอาจจะคิดเพียงแค่เย็นนี้เขาจะไปหาใครดี ระหว่างมารศรีและดุษฎี!

ผู้เขียนเคยอ่านเรื่องทำนองนี้ และอยากจะขอนำมาเล่าต่อให้แก่คุณผู้อ่านได้เข้าใจมากขึ้น เมื่อเราพูดถึงความสัมพันธ์ของผู้ชายผู้หญิง

สมมุติว่า นริศชวนอมราไปดูหนัง หลังจากดูภาพยนต์เสร็จเขาทั้งสองก็ไปทานอาหารค่ำต่อ และก็ดูเหมือนทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี ทั้งคู่ดูสดชื่น มีความสุข และหลังจากนั้น นริศก็ติดต่อไปมาหาสู่กับอมรา ทุกอาทิตย์มิได้ขาด เป็นเวลาประมาณ 5 เดือน

คืนหนึ่งหลังจากการทานอาหารค่ำเสร็จ นริศก็ขับรถพาอมรากลับบ้าน อมราซึ่งตั้งใจจะพูดมานานแล้ว เมื่อได้โอกาสดีทุกอย่างเป็นใจ เธอก็พูดขึ้นว่า "คุณนริศทราบไหมคะว่า เราเที่ยวกันมาได้ 5 เดือนแล้ว ?"

เมื่อเธอพูดจบลง ความเงียบก็ได้ปกคลุมรถคันนี้ อมราพอพูดออกไป เธอก็แทบจะกัดลิ้นตัวเอง กลัวไปสารพัด เธอรู้สึกโกรธตัวเอง
"ตาย เรานี่บ้าจริงๆ หาเรื่องแท้ๆ ถ้าเขาเกิดบอกว่าเขาไม่ได้ชอบเรา เราจะทำอย่างไรดี เราเร่งเร้าเข้าไปแน่เลย อยากตายลงไปเดี๋ยวนี้จริงๆ แล้วถ้าเผื่อเขาเกิดคิดว่า เราจะผูกมัดให้เขาตอบเรา และเขายังไม่พร้อม เราจะทำอย่างไรดี"
นริศ คิดว่า "โอ้โฮ 5 เดือนแล้วหรือเนี่ย"

อมรา คิดต่อว่า "แล้วถ้าเผื่อเขาพูดว่าเขาอยากจะจริงจังกับเรา แล้วเราแน่ใจเขาแล้วหรือ ? เราเองก็ยังไม่แน่ใจเลย เรากำลังจะก้าวไปสู่การผูกมัดตัวเองกับการแต่งงานแล้วหรือ ? ทั้งชีวิตเลยนะเนี่ย เราพร้อมจริงหรือเปล่า เราดูเขาเพียงพอแล้วหรือ เพียงแค่ 5 เดือนเท่านี้ ?"

นริศคิดว่า "เอ หมายความว่า ตอนนี้เดือนอะไรน้า อ้อ กุมภา แสดงว่า 5 เดือนที่แล้วก็คือ เดือนตุลาคมของปีที่แล้ว ตุลาเราเพิ่งรู้จักกัน อ๋อเป็นช่วงที่เราซื้อรถคันนี้พอดี จำได้แล้วคนขายเคยเตือนให้เรา เอารถไปเช็ก และเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง นี่มันเลยมาตั้งหลายเดือนแล้ว เขาบอกว่าช่วง 5,000 กม. นี่ยังไงก็ต้องเช็กเครื่อง แล้วดูเข็มซิ โอ้โฮตั้ง 8,000 แล้ว แย่จริงทำไมเราจึงเลินเล่ออย่างนี้ได้ไงนะ"

อมราคิด "เขาเงียบไปจริงๆ เขาคงรำคาญและโกรธเรา ดูสีหน้าเขาค่อนข้างกังวล ทำไมเราชอบทำอะไรโง่ๆ ออกไปทุกครั้งที่เจอคนที่เราถูกใจ เขาอาจจะยังไม่อยากผูกมัดตัวเอง เคยรู้มาว่า เขาควงผู้หญิงมาเยอะ ก่อนมาเจอเรา เขาคงเลือกผู้หญิง แล้วทำไมเรามาถามคำถามคาดคั้นเอากับเขาอีกนะเนี่ย"

นริศ คิด "เราคงต้องเอารถไปเข้าอู่พรุ่งนี้ อ้อ พรุ่งนี้มีประชุมคงต้องเป็นวันเสาร์ ไอ้เจ้าคนที่อู่ คงนึกว่าเรานี่ห่วยจริง ไม่รู้จักรักษารถปล่อยให้แล่นเกินไปไม่รู้จักเท่าไร แต่ช่างหัวมัน ใครจะว่าไง แล้วนอกจากเปลี่ยนน้ำมัน คงต้องให้เขาเช็กท่อนล่างสักนิด ทำไมเวลาแล่นมีเสียงแปลกๆ ทั้งๆ ที่เป็นรถใหม่ ไม่น่าจะมีปัญหาได้เลย ซื้อมาก็แสนจะแพง ไอ้พวกรถยุโรปนี่ เป็นอะไรนิดหน่อยก็หลายสตางค์ รู้งี้ซื้อรถญี่ปุ่นดีกว่า ค่าซ่อมก็ถูก หาอู่ก็ง่าย"

อมรา คิดว่า "เขาคงต้องโกรธเราแน่ๆ เลย เราเป็นเขาเราก็คงโกรธ อะไรคบกันไม่กี่เดือน เร่งเร้าเขา…เรารู้สึกเขาต้องดูถูกเรา อายเขาจริงๆ แต่เราก็อยากรู้ว่าเขาคิดอย่างไรกับเรา เราก็มีสิทธิ์รู้ โอ้ย รู้สึกแย่จัง"

นริศ คิด "เอ๊ แต่ถ้ามีอะไรกับเครื่องยนต์จริงๆ และต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนเราต้องเสียเงินไหมเนี่ย หรือมันยังอยู่ในช่วงประกันอยู่ เอ ไม่รู้ว่าเขาจะยอมไหม เราคงต้องรีบเช็กพรุ่งนี้เช้าแน่ๆ แล้ว"

อมราคิด "เราอาจจะเป็นคนเพ้อฝัน สร้างวิมานในอากาศมากไป เห็นเขาเป็นอัศวินขี่ม้าขาว ก็รีบกระโดดเกาะเสียแล้ว คิดมากไปเองคล้ายๆ เด็กสาวไร้เดียงสา มาเจอผู้ชายในฝัน ก็อยากจะไปอยู่กับเขาเสียแล้ว"
นริศ คิด "ถ้าทางอู่ไม่ยอม จะให้เราเสียเงิน เราต้องหาทางต่อรองกับเขาให้ได้

อมราพูดขึ้นอย่างอดรนทนไม่ได้ "นริศคะ"
นริศ "ว่าไงฮะ"
อมราพูดด้วยเสียงสั่นเครือจากความรู้สึกภายใน "นริศคะ ฉันขอโทษ ฉันทำตัวไร้เดียงสาจริงๆ อยู่แต่ในโลกในวิมานของตนเอง…"
นริศ "คุณว่าอะไรนะ วิมานงั้นหรือ?"
อมรา "ใช่ค่ะ ฉันผิดเอง คุณคงนึกตำหนิ"
นริศ "ผมตำหนิคุณอะไร? ผมเปล่า" นริศตอบด้วยความงุนงง
อมรา "คือฉันว้าวุ่นไปเอวง คุณอย่าถือในสิ่งที่ฉันถามคุณเลย ลืมมันเสียเถอะนะคะ" เธอเริ่มสะอึกสะอื้น

นริศยังงุนงงไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้น แต่ก็พูดว่า "ครับ" เพราะไม่รู้ว่าจะปะติดปะต่อเรื่องได้อย่างไร
อมรา "ขอบคุณค่ะ นริศ ฉันรู้ว่าคุณต้องเข้าใจ และรู้ว่าฉันก็ยังต้องการเวลา"
นริศ "เวลาอะไร?"
อมรา "เวลาที่ฉันต้องคิดทบทวน"
นริศยังนั่งงง ไม่รู้จะต่อคำพูดของอมราได้อย่างไร หลังจากเวลาผ่านไป 15 วินาที อมราก็หันไปมองนริศ ด้วยความรู้สึกอบอุ่นพร้อมกับพูดว่า "ขอบคุณที่สุด ฉันรู้ว่าคุณต้องเข้าใจ"

หลังจากเธอกลับถึงบ้าน อมราก็จะหมุนโทรศัพท์ไปหาเพื่อนสนิทเพื่อเล่าทุกสิ่งทุกอย่างให้เพื่อนฟัง เกี่ยวกับเธอและนริศเป็นชั่วโมงๆ เธอรู้สึกเป็นปลื้มที่นริศเข้าใจ ให้เวลาเธอศึกษาเขาต่อไป ในเรื่องความสัมพันธ์ซึ่งเธอก็จะไม่เร่งเร้าเอากับเขาอีกต่อไป

ในขณะที่เมื่อนริศกลับถึงบาน เขาก็ตรงรี่ไปเปิดโทรทัศน์ดูฟุตบอลคู่เอกจากประเทศอังกฤษ ที่เขาตั้งใจจะดูมาหลายวันแล้ว เสียดายที่เวลาครึ่งแรกผ่านไป แต่ทั้ง 2 ฝ่ายยังทำอะไรกันไม่ได้ นริศเปิดเบียร์กระป๋องดื่ม หากับแกล้มและนั่งลงดูรายการอย่างจดจ่อ มีบางสิ่งบางอย่างที่เขารู้สึกว่าแปลกๆ เกิดขึ้นกับอมราเมื่อสักครู่ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเธอพูดถึงอะไร เขาปัดมันออกไปจากความคิด แต่ก่อนจะนอนคืนนั้น เขาคิดว่า พรุ่งนี้เช้าหากเขาเจอเพื่อนที่ออฟฟิศ คนที่แนะนำเขาให้รู้จักกับอมรา เขาจะถามว่า อมราพูดถึงวิมงวิมานอะไรสักอย่าง เธอเคยไปดูพระที่นั่งวิมานเมฆหรือไม่? เธออาจจะอยากไป ถ้าเธอยังไม่เคยไปเขาอาจจะพาเธอไปดูก็ได้ นริศคิดเช่นนั้นแล้วก็หลับไป

หลังจากอ่านเรื่องนี้จบลง คุณก็คงพอจะมองเห็นได้ว่า ทั้งนริศและอมรา ต่างคนต่างพูด ต่างคนต่างเข้าใจไปคนละเรื่อง คนละคลื่น ดังนั้นถ้าเราจะบอกว่าเขามาจาดาวคนละดวงก็คงไม่ผิด แต่สำหรับพวกเราๆ ทั้งหลายที่เริ่มเข้าใจในความแตกต่างของเพศหญิงและชาย เราก็คงพยายามเข้าใจว่า ในขณะที่เรากำลังสื่ออยู่กับคนต่างเพศ ให้เราพยายามเข้าใจวิธีคิดของเขามากกว่าที่จะคาดหวัง ให้เขามาคิดเหมือนเรา เพราะถ้าเราทำเช่นนั้น เราก็อาจจะเจอแต่การผิดคาดครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วเราจะไปโทษใครดี และถ้าเราถามนริศว่าไม่รู้เรื่องที่อมราพยายาม "สื่อ" จริงๆ หรือแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง เขาก็คงจะบอกคุณด้วยความสัตย์จริงว่า "ไม่รู้จริงๆ" ซึ่งผู้เขียนก็คิดว่า เขาไม่ได้หลอกคุณหรอก เขาไม่รู้จริงๆ !
โดยนวลศิริ เปาโรหิตย์

ที่มา: http://www.mettadham.ca/different%20matter.htm

ออฟไลน์ prom

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,415
  • พอยท์: 1567
    • ดูรายละเอียด
สารบัญ

ผู้ชายมาจากดาวอังคาร ผู้หญิงมาจากดาวศุกร์

บทที่ 1 ผู้ชายมาจากดาวอังคาร ผู้หญิงมาจากดาวศุกร์

บทที่ 2 เรื่องของนายช่างและหญิงนักปรับปรุง

บทที่ 3 ผู้ชายหลบเข้าถ้ำ ผู้หญิงพร่ำพรรณนา

บทที่ 4 ทำอย่างไรให้อีกฝ่ายสนใจ

บทที่ 5 พูดกันคนละภาษา

บทที่ 6 นิสัยผู้ชายเหมือนกับหนังสติ๊ก

บทที่ 7 นิสัยผู้หญิงเปรียบเหมือนกับคลื่น

บทที่ 8 ความต้องการทางอารมณ์ที่ไม่เหมือนกัน

บทที่ 9 จะไม่ให้มีปากเสียงกันได้อย่างไร

บทที่ 10 วิธีทำคะแนนเพื่อพิชิตใจเพศตรงข้าม

บทที่ 11 จะสื่อความรู้สึกที่ยากจะบรรยายออกมาได้อย่างไร

บทที่ 12 จะพูดอย่างไรให้ได้ดั่งใจ

บทที่ 13 จะคงมนต์เสน่ห์แห่งรักให้ยั่งยืนตลอดไปได้อย่างไร

ออฟไลน์ prom

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,415
  • พอยท์: 1567
    • ดูรายละเอียด
 สรุปสาระ(ที่คิดว่า)สำคัญ : ผู้ชายมาจากดาวอังคาร ผู้หญิงมาจากดาวศุกร์

Men are from Mars, Women are from Venus
: ผู้ชายมาจากดาวอังคาร ผู้หญิงมาจากดาวศุกร์

ผู้หญิงส่วนใหญ่สนใจเรื่องความสัมพันธ์มากกว่าความสำเร็จ พวกเธอสนใจเรื่องความหวังดี ความรัก และการเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน

เมื่อผู้ชายรู้สึกว่าไม่สามารถทำให้ชีวิตของคนใดคนหนึ่งดีขึ้นได้ เป็นเรื่องลำบากที่จะคงความสัมพันธ์แบบเดิมอีกต่อไป
เขาจะตื่นเต้นได้อย่างไรถ้าไม่มีใครต้องการเขาแล้ว
ถ้าอยากตื่นเต้นอีกครั้ง ต้องมีใครสักคนที่แสดงความชื่นชม ไว้วางใจ และยอมรับในตัวเขา ถ้าไม่มีใครต้องการเขา ก็เท่ากับว่า เขากำลังตายไปอย่างช้าๆ นั่นเอง

ผู้ชายส่วนมากไม่เคยรู้มาก่อนว่า ความรู้สึกที่มีใครสักคนคอยห่วงใย สำคัญกับเธอมากขนาดไหน
ผู้หญิงจะมีความสุขเมื่อคิดว่าพวกเธอจะได้ในสิ่งที่ต้องการ เมื่อผู้หญิงไม่พอใจ อ่อนไหว สับสน เหน็ดเหนื่อย หรือสิ้นหวัง
สิ่งที่เธอต้องการมากที่สุดคือ เพื่อนสักคน เธอไม่ต้องการอยู่คนเดียว

สาเหตุที่ผู้ชายไม่ชอบฟังเวลาผู้หญิงพูดถึงปัญหาก็คือ มันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองทำผิดอะไรสักอย่าง

เด็กผู้ชายคนไหนที่โชคดี มีโอกาสเห็นพ่อของเขาดูแลแม่ของเขาได้เป็นอย่างดีแล้ว
เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ เขาจะมีความมั่นใจว่าสามารถดูแลผู้หญิงที่เขารักได้เช่นกัน
แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้ทำอะไรออกไป เขาก็รู้ตัวว่า ทำได้แน่     

คำบ่นที่เกิดขึ้นมากที่สุดในเรื่องของความสัมพันธ์ก็คือ
“ฉันรู้สึกว่าไม่มีใครฟังฉันเลย”
แม้กระทั่งประโยคนี้ ก็ทำให้ผู้ชายตีความหมายผิดได้

คุณจะเห็นว่า ผู้ชายและผู้หญิงมีวิธีคิดและทำไม่เหมือนกัน
ผู้หญิงคิดออกมาดังๆ เล่าความรู้สึกต่างๆให้กับคนอื่น แม้กระทั่งในปัจจุบัน
ผู้หญิงจะค้นพบสิ่งที่เธอต้องการผ่านกระบวนการพูด โดยการปล่อยความคิดต่างๆของเธอออกมาผ่านทางการการพูดอย่างอิสระ ซึ่งช่วยให้เธอพบคำตอบได้ด้วยตัวเอง
แต่ผู้ชายจัดการกับปัญหาแตกต่างโดยสิ้นเชิง ก่อนจะพูดหรือตอบอะไร
พวกเขาจะต้องนิ่งเงียบสักพักเพื่อ “คิดให้ตก” เสียก่อน ด้วยการอยู่เงียบๆคนเดียว ค่อยๆแก้ปมออกทีละเล็กทีละน้อย


การไม่ยอมพูดของผู้ชาย ทำให้ผู้หญิงคิดไปในแง่ร้ายเสมอ
เพราะผู้หญิงจะเงียบได้ก็ต่อเมื่อ เธอคิดว่าสิ่งที่เธอพูดนั้น จะไปทำร้ายความรู้สึกคนอื่น
อย่าแปลกใจเลยว่า อาการเงียบของฝ่ายชายจึงสร้างความหวั่นไหวให้ผู้หญิงได้มากขนาดนั้น

โปรดอย่าคิดเลยเกิดไปว่า ผู้ชายไม่อยากให้ใครมาเอาใจ ผู้ชายชอบคนมาเอาใจ แต่ต้องกระทำไปในลักษณะที่ไม่กระทบศักดิ์ศรีของเขา
ซึ่งไม่เหมือนกับสิ่งที่เธอคิด การให้คำแนะนำจะเกิดประโยชน์ก็ต่อเมื่อ เขาเอ่ยปากขอร้องก่อน

ขณะที่ผู้ชายกำลังหั่นไก่งวงในเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า ถ้าภรรยาของเขามาคอยบอกวิธีหั่นอยู่ข้างๆเขาแล้ว จะสร้างความหงุดหงิดและรำคาญให้เขามาก
ในทางตรงกันข้าม ถ้าผู้ชายเสนอตัวที่จะแนะนำหรือหั่นไก่งวงให้เธอ เธอกลับรู้สึกยินดี

ขณะที่ผู้ชายต้องการความเชื่อใจ ผู้หญิงต้องการความเอาใจใส่
เมื่อผู้ชายพูดกับผู้หญิงว่า “เกิดอะไรขึ้นกับคุณหรือเปล่า?” พร้อมแสดงความห่วงใยออกมาทางใบหน้า
จะทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นกับความเอาใจใส่ของเขา
แต่เมื่อผู้หญิงพูดด้วยข้อความที่เหมือนกับผู้ชายว่า “เกิดอะไรขึ้นกับคุณหรือเปล่า?”
กลับทำให้เขารู้สึกว่าเธอกำลังดูหมิ่นความสามารถของเขา และไม่เชื่อว่าเขามีความสามารถพอ

ผู้ชายทำตัวห่างเหินออกไปด้วยความรู้สึกอยากเป็นอิสระหรือเป็นตัวของตัวเอง
เมื่ออยู่คนเดียวจนพอใจแล้ว เขาก็จะเข้ามาใกล้ชิดเหมือนเดิม

ถ้าผู้หญิงห่างเหินจากคนใดคนหนึ่งไปนานๆ การที่จะกลับมาใกล้ชิดอีกครั้ง ต้องอาศัยเวลาพอสมควร
ขณะที่ผู้ชายไม่ต้องอาศัยเวลาเลย


นิสัยผู้ชาย เมื่ออยู่ใกล้ชิดกับคนที่รักได้สักพัก ความรู้สึกอยากเป็นอิสระและอยู่ห่างจากคนที่เขารักก็จะเกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ
แต่ทันทีที่เขาตีตัวห่างออกไป ผู้หญิงจะว้าวุ่นใจทันที สิ่งที่เธอคิดไม่ถึงคือ เมื่อเขาอยู่ห่างออกไปและได้รับความเป็นอิสระเต็มที่แล้ว
เขาก็อยากมีความใกล้ชิดอีกครั้ง ความต้องการของผู้ชายจะสลับไปมาระหว่าง การเป็นอิสระและความผูกพันใกล้ชิด

เมื่อผู้ชายถอยออกไป ไม่ใช่เวลาที่สมควรพูดหรือเข้าใกล้ จงปล่อยเขาไป
หลังจากนั้นสักช่วงเวลาหนึ่ง เขาจะกลับมาเองและทำตัวราวกับว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
ช่วงเวลาที่ควรจะพูดคือ ตอนที่เขากลับมาอีกครั้งหนึ่ง

ตามธรรมชาติแล้ว เมื่อผู้หญิงเปิดใจพูดถึงสิ่งต่างๆโดยไม่เรียกร้องอะไรจากฝ่ายชาย สิ่งนี้จะกระตุ้นให้ผู้ชายเริ่มพูด
แต่เมื่อใดที่เขารู้สึกว่ากำลังถูกบังคับให้พูดแล้ว สมองเขาจะว่างทันทีและไม่มีอะไรจะพูด
แม้ว่าเขามีบางอย่างจะพูด แต่เขาจะไม่พูดออกมา เพราะเขารู้สึกว่ากำลังถูกบังคับให้พูด

ผู้ชายส่วนมากไม่รู้ว่าการที่อยู่ดีๆห่างออกไป แล้วอยู่ดีๆก็กลับไปหาผู้หญิงนั้น มีผลกับผู้หญิงอย่างไร
เธอต้องการความมั่นใจว่าเขายังรักและเอาใจใส่เธออยู่

เมื่อเริ่มพูดกันอีกครั้ง ผู้หญิงที่ฉลาดจะไม่เรียกร้องให้เขาพูดก่อน แต่จะขอให้เขาฟังแทน การทำแบบนี้จะไม่สร้างความกดดันให้ฝ่ายชาย
เธอรู้ว่าจะเปิดเผยความรู้สึกออกมาได้อย่างไร โดยไม่เรียกร้องเขามากเกินไป
เธอเข้าใจแล้วว่า การอยู่ใกล้ชิดมากเกินไปก็อาจทำให้เขาเกิดความรู้สึกที่จะถอยห่างออกมาได้เหมือนกัน
เนื่องจากผู้ชายทุกคน ต้องการความเป็นส่วนตัวบ้าง

นิสัยผู้หญิงเหมือนกับคลื่นทะเล เมื่อใดที่เธอมีความรัก ความรักในตัวเองจะขึ้นสูงและลดต่ำลงมาในลักษณะคล้ายกับการก่อตัวของลูกคลื่น
เมื่อเธอรู้สึกดี คลื่นในตัวเธอจะก่อตัวขึ้นถึงจุดสูงสุด แต่หลังจากนั้นอารมณ์จะเปลี่ยนไป และลูกคลื่นตกลงสู่เบื้องล่าง
เมื่อคลื่นในตัวผู้หญิงขึ้นสูง เธอมีความรักแบ่งปันให้คนอื่นอย่างเหลือเฟือ
แต่เมื่อมันตกลงมา เธอรู้สึกว่าตัวเองว่างเปล่าและโหยหาความรัก
ในช่วงเวลานี้ เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการเก็บกวาดและทำความสะอาดอารมณ์ของเธอ


ความสามารถที่จะให้และรับความรัก เป็นภาพสะท้อนที่เธอมีต่อตัวเอง เมื่อเธอรู้สึกว่าตัวเองไม่ดี เธอไม่สามารถจะยอมรับและชื่นชมคู่ของเธอได้
ในช่วงตกต่ำเธอมีแนวโน้มที่จะอ่อนกำลังหรือมีอาการแสดงตอบทางอารมณ์มาก
เมื่อคลื่นของเธอลงมาจนถึงจุดต่ำสุด เธอจะกลายเป็นคนอ่อนแอและต้องการความรักมาก

สิ่งสุดท้ายที่ผู้หญิงต้องการเมื่อเธออยู่ในช่วงขาลงก็คือ คนที่บอกเธอว่าทำไมเธอจึงไม่ควรรู้สึกอย่างนั้น
สิ่งที่เธอต้องการมากที่สุดก็คือ ใครสักคนที่อยู่กับเธอในช่วงเวลานั้น คอยรับฟังความรู้สึกเธอและเห็นอกเห็นใจเธอ

*** จมลงในบ่อน้ำ – การเข้าสู่ภวังค์แห่งการคิดวนเวียนในทางลบ ประมาณว่า พายเรือในอ่าง : ความเห็น - ผู้สรุป ***
เมื่อเธอได้รับกำลังใจในช่วงวิกฤตินี้บ่อยขึ้น ความสัมพันธ์จะมั่นคงมากขึ้นเรื่อยๆ และเธอสามารถขึ้ยและลงบ่อน้ำของเธอได้โดยไม่เกิดความรู้สึกขัดแย้งในจิตใจ
นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดจากความสัมพันธ์ที่ดี

การอยู่เป็นกำลังใจให้กับฝ่ายหญิงในช่วงที่เธอต้องการคือ สิ่งที่เธออยากได้มากที่สุด เธอจะค่อยๆเป็นอิสระจากอิทธิพลที่ได้รับในอดีต
อารมณ์ของเธออาจขึ้นและลงเหมือนเดิม แต่จะไม่สุดขั้วจนกระทบกับความรักที่มีตามธรรมชาติของเธอ

ความรักและกำลังใจจากผู้ชายแก้ปัญหาฝ่ายหญิงไม่ได้ในทันที อย่างไรก็ตาม ความรักที่เขามีต่อเธอได้ช่วยให้เธอจมลงไปในบ่อน้ำได้ลึกมากขึ้น
เป็นเรื่องโง่มากที่คิดว่าผู้หญิงจะทำตัวดีเสมอต้นเสมอปลาย
เขาต้องเตือนตัวเองว่า ปัญหาพวกนี้ อาจกลับมาอีกครั้งเมื่อไรก็ได้ แต่ไม่ว่าจะกี่ครั้ง เขาสามารถทำให้ทุกอย่างดีขึ้นได้

การที่ผู้หญิงจมลงไปในบ่อน้ำไม่ใช่ความผิดของฝ่ายชาย หรือเกิดจากความล้มเหลวของฝ่ายชาย
แม้ว่าเขาจะเป็นกำลังใจมากขนาดไหนก็ตาม เขาไม่มีวันป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ได้ แต่เขาสามารถช่วยเธอให้ผ่านช่วงเวลาวิกฤตินี้ไปได้

ผู้หญิงสามารถลอยตัวขึ้นมาได้เองหลังจากจมลงถึงจุดต่ำสุดแล้ว โดยที่ผู้ชายไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย
เธอไม่เป็นอะไร ขอเพียงแค่ความรัก ความอดทน และกำลังใจจากเขาเท่านั้น

ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับคนใดคนหนึ่งของผู้หญิง มีแนวโน้มที่จะทำให้ลูกคลื่นมีขนาดใหญ่ขึ้น
หัวใจสำคัญก็คือ เธอต้องมั่นใจว่าจะผ่านวงจรนี้ไปได้อย่างปลอดภัย เพราะมิฉะนั้นแล้วเธอต้องใช้ความพยายามอย่างมาก เพื่อแสร้งทำว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นปกติ และข่มความรู้สึกต่างๆไว้ภายใน


คุณเคยอาจได้ยินเรื่องของสามี๓รรยาคู่หนึ่งที่ไม่เคยทะเลาะหรือมีปากเสียงกันเลย แต่แล้วอยู่มาวันหนึ่ง ทุกคนก็แปลกใจที่รู้ว่า คู่นี้แยกทางกัน
มีหลายเรื่องที่ฝ่ายหญิงเก็บความรู้สึกในแง่ลบไว้ เพื่อไม่อยากมีปากเสียง
ผลก็คือ เธอกลายเป็นคนที่เย็นชาและรักใครไม่ได้อีกต่อไป

เมื่อความรู้สึกในแง่ลบที่ปิดบังความรู้สึกในแง่บวกกลับกลายมาเป็นสิ่งที่ต้องถูกปิดบังอีกด้วย ความรักก็ตายจากไป
การหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการโต้เถียงและทะเลาะกันเป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่ใช่ทำด้วยการเก็บกดความรู้สึกไว้ภายใน

ขณะที่ลูกคลื่นของผู้หญิงตกลงมา มันเหมาะสำหรับการทำความสะอาดอารมณ์ต่างๆที่ไม่ดีให้หมดไป
ถ้าไม่มีการทำความสะอาดหรือถ่ายเทออกไปแล้ว เธอจะรักใครไม่ได้อีก
ถ้าเธอควบคุมอารมณ์ของเธอไว้ไม่ให้มันเกิดขึ้นมาอีก จะเป็นการขัดขวางกลไกตามธรรมชาติที่ควรจะเป็น
เธอจะกลายเป็นคนที่ไม่มีความรู้สึกและสิ้นไร้ไฟเสน่หา

แม้แต่ผู้หญิงที่เข้มแข็งก็ต้องมีวันจมลงในบ่อน้ำของเธอเป็นบางครั้ง
ผู้ชายส่วนใหญ่คิดผิดว่า ภรรยาที่ประสบความสำเร็จด้านการงาน จะไม่ต้องพบกับเหตุการณ์แบบนี้ แต่ในความจริงนั้น ตรงกันข้าม

เมื่อผู้หญิงอยู่ในโลกของการทำงาน เธอค่อยๆสะสมความเครียดและมลพิษต่างๆไว้ภายใน ทำให้ยิ่งต้องการเวลาทำความสะอาดจิตใจมากขึ้นไปอีก
ในทำนองเดียวกัน ถ้าผู้ชายได้รับความกดดันและทำงานหนักเกินไป ยิ่งทำให้เขาอยากหนีไปห่างๆเร็วยิ่งขึ้น

ขณะที่ผู้หญิงใส่สูททำงาน เธอสามารถแยกเหตุผลออกจาอารมณ์ได้
แต่ทันทีที่เธอกลับถึงบ้าน เธอต้องการให้สามีแสดงความรัก ความเอาใจใส่เธอ นี่เป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนต้องการ

เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องจำไว้ว่า ความรู้สึกอยากจมในบ่อน้ำของเธอ ไม่จำเป็นต้องส่งผลกระทบถึงความสามารถในการทำงานของฝ่ายหญิง
แต่มันมีผลกับการติดต่อของเธอกับคนที่เธอรักและอยากอยู่ใกล้ชิด


เมื่อผู้หญิงเจ็บปวด เธออาจทำดูเหมือนกับพยายามกล่าวโทษว่าเป็นความผิดของเขา
แต่ถ้าเธอได้รับการดูแลและเข้าใจเพียงพอ การตำหนิก็จะอันตรธานหายไป
การพยายามอธิบายว่า ทำไมจึงไม่ควรเจ็บปวดจากเรื่องอย่างนี้ ทำให้ทุกอย่างอาจแย่ลงไปอีก

บางครั้งเมื่อผู้หญิงกำลังเจ็บปวด ทางด้านเหตุผลแล้วเธออาจยอมรับได้ว่า เธอไม่ควรจะมาเจ็บกับเรื่องแบบนี้
แต่ด้านอารมณ์แล้วเธอยังเจ็บอยู่และไม่อยากได้ยินจากปากผู้ชายว่าเธอไม่ควรเจ็บปวด
สิ่งที่เธอต้องการก็คือ ความเข้าใจ ว่าทำไมเธอถึงได้รับบาดเจ็บ

คนส่วนมากไม่เคยรู้มาก่อนว่าผู้หญิงและผู้ชายมีความต้องการทางอารมณ์ที่ไม่เหมือนกัน จึงไม่รู้ว่าจะดูแลกันอย่างไร
ปกติแล้วผู้ชายจะเป็นฝ่ายเลือกว่าจะคบผู้หญิงแบบไหน ขณะที่ผู้หญิงจะเป็นฝ่ายให้ในสิ่งที่เธอต้องการ
ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อฝ่ายหนึ่งคิดว่า อีกฝ่ายมีความต้องการเหมือนกับตัวเอง
ผลที่ออกมาคือความสัมพันธ์ของทั้งสอง เก็มไปด้วยความไม่สมหวังและขุ่นเคือง

ทั้งชายและหญิงต่างคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายให้เพียงข้างเดียวโดยไม่ได้อะไรกลับมาเลย แต่ละฝ่ายรู้สึกว่าทำอะไรให้มากมาย แต่ไม่เคยมีใครเห็นความดีเลย
ความเป็นจริงก็คือ ทั้งสองฝ่ายเป็นฝ่ายให้ก็จริง แต่ไม่ได้ให้อย่างที่ควรจะเป็น

ผู้หญิงคิดว่า การถามคำถามด้วยความห่วงใยหรือแสดงความเป็นห่วงอีกฝ่ายหนึ่ง คือการแสดงความรักอย่างหนึ่ง
แต่กลับทำให้ผู้ชายรู้สึกรำคาญ รู้สึกเหมือนถูกควบคุม และอยากมีเวลาเป็นของตัวเอง จึงทำให้ผู้หญิงไม่เข้าใจ
เพราะถ้าใครทำแบบเดียวกันนี้กับธอ เธอจะดีใจมาก

วิธีที่ผู้ชายแสดงความรักความห่วงใย กลับทำให้ผู้หญิงรู้สึกไม่มั่นคงและคิดว่าเขาไม่สนใจใยดีเธอ
เช่น วิธีการแสดงความห่วงใยของผู้ชายเมื่อเห็นผู้หญิงมีอารมณืโกรธก็คือ พยายามทำให้ปัญหาของเธอดูเล็กลงด้วยการพูดว่า “อย่าห่วงเลยน่า ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”
ด้วยหวังว่าจะปล่อยให้เธอมีเวลาสำหรับไตร่ตรองเรื่องนี้เงียบๆคนเดียว
แต่การทำแบบนี้กลับทำให้ผู้หญิงรู้สึกว่าเขาไม่สนใจและทอดทิ้ง


ทุกคนต้องการความรัก ผู้ชายและผู้หญิงต่างมีความต้องการความรักฝ่ายละ 6 แบบ เท่ากัน
ผู้ชายต้องการ ความเชื่อใจ การยอมรับ คำชื่นชม การยกย่อง ความพอใจ และกำลังใจ
ผู้หญิงต้องการ ความเอาใจใส่ ความเข้าใจ ความนับถือ ความจงรักภักดี ความมีเหตุผล และความอบอุ่นใจ

ผู้หญิงและผู้ชายทุกคน ล้วนต้องการความรักทั้ง 12 แบบกันทั้งนั้น
การแยกแยะว่ามี 6 แบบที่ผู้หญิงต้องการนั้น ไม่ได้หมายความว่าผู้ชายไม่ต้องการความรักแบบนี้
แต่ “ความต้องการพื้นฐาน” หมายความว่าพวกผู้ชายต้องได้รับความรักทั้ง 6 แบบที่พวกเขาเองต้องการจนพอใจก่อน
จากนั้นจึงจะมองหาความรักแบบที่เหลือต่อไป
ผู้หญิงก็เช่นเดียวกัน

เธอต้องการ คนเอาใจใส่ และ เขาต้องการ ความเชื่อใจ
เธอต้องการ ความเข้าใจ และ เขาต้องการ การยอมรับ
เธอต้องการ ความนับถือ และ เขาต้องการ การชื่นชม
เธอต้องการ การอุทิศตัว และ เขาต้องการ การยกย่อง
เธอต้องการ เหตุผล และ เขาต้องการ ความเห็นชอบ
เธอต้องการ ความมั่นใจ และ เขาต้องการ กำลังใจ

ผู้ชายมักคิดว่า เมื่อใดก็ตามที่เขาตอบสนองความต้องการของฝ่ายหญิงได้หมดทุกข้อจนเธอมั่นใจและมีความสุขแล้ว เธอน่าจะรู้ได้เองว่าเขารักเธอมากแค่ไหน
แต่ที่สำคัญก็คือ เขาต้องทำอย่างนี้สม่ำเสมอตลอดไป

ในลักษณะเดียวกัน ผู้ชายต้องการกำลังใจจากฝ่ายหญิง ผู้หญิงให้กำลังใจผู้ชายได้ด้วยการแสดงความไว้วางใจและเชื่อมั่นในความสามารถของเขา
เมื่อผู้หญิงแสดงความเชื่อใจ ยอมรับ ชื่นชม ยกย่องและพอใจออกมา จะทำให้ผู้ชายทำได้ทุกอย่างที่สามารถทำได้เพื่อเธอ
กำลังใจที่ได้รับนั้น กระตุ้นให้เขาทำให้เธอเกิดความอบอุ่นใจได้


บ่อยครั้งที่ชีวิตรักต้องล้มเหลว เนื่องจากคนส่วนใหญ่ให้สิ่งที่ตัวเองต้องการกับอีกฝ่ายหนึ่ง
ความรักในสายตาของผู้หญิงคือความเอาใจใส่ ความเข้าใจ และอื่นๆ เธอมอบสิ่งเหล่านี้ให้ผู้ชายโดยอัตโนมัติ
แต่สำหรับผู้ชายแล้ว การเอาใจใส่แบบนี้กลับทำให้เขารู้สึกว่าเธอไม่เชื่อใจเขา ผู้ชายต้องการความเชื่อใจ ไม่ใช่การเอาใจใส่

มีหลายคู่ที่ต้องเลิกร้างกันไปเมื่อความสัมพันธ์ลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ ความสัมพันธ์จะกลายเป็นเรื่องง่าย ถ้าเราเข้าใจความต้องการพื้นฐานของอีกฝ่ายหนึ่ง
เราไม่ต้องให้มากกว่าเดิม เพียงแค่ให้ในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการเท่านั้น ซึ่งไม่ทำให้เหนื่อยเพิ่มขึ้นเลย
ความเข้าใจในเรื่องความแตกต่าง 12 ประการนี้ ทำให้รู้ว่าทำไมวิธีการให้แบบเดิมจึงใช้ไม่ได้ผล
ถ้าต้องการตอบสนองความต้องการของอีกฝ่ายหนึ่ง คุณต้องเรียนรู้ว่า “จะให้ความรักแบบที่เขาหรือเธอต้องการ ได้อย่างไร”


วิธีฟังโดยไม่รู้สึกโกรธ 
          ข้อควรจำ                                     สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ
1. ความโกรธเกิดขึ้น เนื่องจากไม่เข้าใจความคิดของเธอ และนี่ไม่ใช่ความผิดเธอ 1. เป็นหน้าที่ของคุณที่จะต้องเข้าใจผู้หญิง อย่าตำหนิเธอที่ทำให้คุณไม่พอใจ ขอให้เริ่มต้นฟังเธอใหม่อีกครั้ง
2. ความรู้สึก ไม่จำเป็นต้องสมเหตุสมผลตลอดไป แต่มันมีอยู่จริงและต้องการความเห็นอกเห็นใจ 2. ให้หายใจลึกๆ อย่าพูดอะไรออกมา ปล่อยตัวให้สบายและปล่อยให้สิ่งต่างๆผ่านไป โดยไม่เข้าไปควบคุม พยายามมองสิ่งต่างๆจากมุมมองของเธอ
3. ความโกรธอาจเกิดจาก ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้ดีขึ้น แม้ว่าเธอจะไม่รู้สึกดีขึ้นทันที ความเข้าใจและความอดทนของคุณช่วยเธอได้มาทีเดียว 3. อย่าไปตำหนิเธอ ถ้าเธอไม่ดีขึ้นจากการแก้ปัญหาของคุณ เธอจะรู้สึกดีขึ้นได้อย่างไร เมื่อทางแก้ปัญหาไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ จงอดทนและอย่าเสนอทางแก้อะไรอีก
4. คุณไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือเข้าใจกับสิ่งที่เธอทำเสมอไป หรืออยากได้รับคำชมที่อดทนฟังเธอพูด 4. ถ้าคุณอยากแสดงความเห็นที่แตกต่างออกไป ต้องแน่ใจว่าเธอพูดจบแล้ว และถ้าต้องการแสดงความเห็น ขอให้พูดถึงความเห็นของเธอเสียก่อนและอย่าขึ้นเสียงเด็ดขาด
5. คุณสามารถเป็นผู้ฟังที่ดีได้ โดยไม่จำเป็นต้องเข้าใจเรื่องที่เธอพูดมาทั้งหมด 5. บอกเธอให้รู้ว่าคุณไม่เข้าใจ แต่ต้องการเข้าใจให้มากขึ้น ถ้าคุณไม่เข้าใจ ก็เป็นความรับผิดชอบของคุณไม่ใช่เธอ อย่าคิดไปก่อนว่าเธอไม่มีวันเข้าใจ
6. ไม่ว่าเธอจะรู้สึกอย่างไร เรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับคุณ เธออาจแสดงให้เห็นราวกับว่ากำลังตำหนิคุณ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เธอต้องการความเห็นใจ 6. ยับยั้งความรู้สึกป้องกันตัวเองเอาไว้จนกว่าเธอจะรู้สึกว่า คุณเห็นใจและเอาใจใส่เธอ หลังจากนั้นจึงคอยอธิบายหรือพูดคำขอโทษ
7. ถ้าเธอทำให้คุณโกรธจัด บางทีอาจเกิดจากการที่เธอไม่เชื่อใจคุณจริงๆก็ได้ ลึกลงไปในใจของผู้หญิงแล้ว เหมือนกับเด็กเล็กๆที่ไม่กล้าเปิดเผยตัวเอง เนื่องจากกลัวจะถูกทำร้าย ซึ่งเด็กคนนี้ต้องการความเมตตา 7. อย่าโต้เถียงกับความรู้สึกและความเห็นของเธอ เก็บเรื่องนี้ไว้พูดภายหลังตอนที่อารมณ์เย็นลงจะดีกว่า


เคล็ดลับของการทำให้มีผู้ชายมีอำนาจก็คือ อย่าพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงเขา แน่นอนที่สุด คุณต้องการให้เขาเปลี่ยนแปลง
แต่อย่าทำตามความต้องการของตัวเองจนกว่าเขาจะเอ่ยปากขอคำแนะนำ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้คุณได้เปลี่ยนแปลงตัวเขา

เธอมองเห็นวิธีที่จะเปลี่ยนแปลงตัวผู้ชายได้นับหมื่นนับแสนวิธี ที่เธอคิดว่าการทำอย่างนี้เป็นการแสดงความรักอย่างหนึ่ง
แต่กลับทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกเธอควบคุม เขาจึงไม่ยอมทำตาม
เมื่อผู้หญิงพยายามเปลี่ยนแปลงผู้ชาย ทำให้ผู้ชายรู้สึกว่า ไม่ได้รับการยอมรับว่าเขาสามารถพัฒนาได้ด้วยตัวเอง

ในโลกนี้มีผู้ชายอยู่สองแบบ แบบหนึ่งคือพวกที่ปิดกั้นตัวเองและดื้อรั้นไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตามคำขอร้องของผู้หญิง
อีกแบบหนึ่งคือพวกที่ยอม แต่หลังจากนั้นอีกสักพักก็กลับไปเป็นแบบเดิม
ผู้ชายนั้นถ้าไม่ต่อต้านในทันทีทันใด ก็ต่อต้านทางอ้อม

เมื่อผู้ชายไม่ได้ความรักอย่างที่ต้องการแล้ว เขาจะประพฤติในสิ่งที่ผู้หญิงไม่ชอบซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยที่เขาอาจรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ได้
เขาจะทำตัวแบบนี้จนกว่าเขาจะได้รับความรักและการยอมรับก่อน
วิธีทำให้เลิกคิดเปลี่ยนแปลงผู้ชาย
     สิ่งที่ผู้หญิงต้องรู้                             สิ่งที่ผู้หญิงควรทำ
1. ขณะที่เขากำลังหัวเสีย อย่าถามเขามากเกินไป เพราะเขาจะรู้สึกว่าคุณพยายามเปลี่ยนแปลงเขา 1. ทำเป็นไม่สนใจ จนกว่าเขาต้องการคุยเรื่องนี้กับคุณ ถ้าต้องการชวนเขาคุยเรื่องนี้ ให้แสดงออกแต่อย่ามากนัก
2. อย่าได้คิดเปลี่ยนแปลงผู้ชายเด็ดขาดไม่ว่าวิธีไหนก็ตาม เขาอยากให้คุณรักเขาไม่ใช่ปฏิเสธเขา 2. ปล่อยให้เขาเปลี่ยนแปลงด้วยตัวเอง บอกให้เขารู้ว่าคุณคิดอย่างไร แต่อย่าแสดงความต้องการให้เขาเปลี่ยนแปลงออกมา
3. การให้คำแนะนำของคุณอาจทำให้เขารู้สึกว่าคุณกำลังควบคุม ไม่เชื่อใจและไม่ไว้วางใจเขา 3. ขอให้อดทนและมั่นใจว่าเขาจะเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง อดทนจนกว่าเขาจะเอ่ยคำขอร้องออกมา
4. เมื่อผู้ชายดื้อรั้นและไม่ยอมเปลี่ยนแปลง แสดงว่าเขารู้สึกว่าคุณไม่รักเขา เขาไม่กล้ายอมรับผิดเพราะเกรงว่าคุณจะทิ้งเขาไป 4. แสดงให้เห็นว่า แม้เขาจะไม่สมบูรณ์ 100% คุณก็ยังรักเขา ฝึกการให้อภัยให้มากเข้าไว้
5. ถ้าคุณยอมเสียสละโดยหวังว่าเขาจะทำแบบเดียวกันแล้ว จะทำให้เขารู้สึกว่าคุณกดดันหเขาต้องเปลี่ยนแปลง 5. ฝึกช่วยตัวเอง อย่าเอาความสุขของตัวเองไปขึ้นกับเขามากเกินไป
6. คุณสามารถแสดงความรู้สึกในแง่ลบให้เขารับรู้ได้ โดยไม่พยายามไปเปลี่ยนแปลงตัวเขา เมื่อเขารู้สึกว่าได้รับการยอมรับ เขาก็พร้อมที่จะฟังง่ายขึ้น 6. ขณะที่คุณแสดงความรู้สึกออกมา จงแสดงให้เขาได้รู้ว่าคุณไม่ได้บังคับให้เขาต้องเปลี่ยนแปลงอะไร แต่อยากให้เขาเก็บไปคิด
7. ถ้าคุณกำหนดทิศทางและตัดสินใจแทนเขาแล้ว เขาจะรู้สึกว่าถูกลงโทษและบังคับ 7. ขอให้หัดเป็นฝ่ายยอมบ้าง ยอมรับอย่างที่เขาเป็นอยู่ให้ได้ หมั่นสนใจความรู้สึกของเขาให้มากกว่าความดีพร้อมของเขา และอย่าพยายามสอนเขา
    
 


ถ้าการพูดจากัน คือหัวใจของการมีความสัมพันธ์ที่ดีแล้ว
การมีปากเสียงกัน ก็คือหัวใจของการทำลายความสัมพันธ์นั่นเอง

แม้ว่าความแตกต่างละความเห็นที่ไม่ตรงกันจะทำให้แต่ละฝ่ายเจ็บปวด แต่วิธีที่แสดงออกของแต่ละฝ่ายกลับสร้างความเจ็บปวดได้มากกว่าเสียอีก
ถ้าพูดกันในทางทฤษฎีแล้ว การมีปากเสียงไม่จำเป็นต้องให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดแพ้เสมอไป แต่น่าจะเป็นการพูดจาเพื่อบอกความจริงให้อีกฝ่ายหนึ่งได้รับรู้เท่านั้น
แต่ในทางปฏิบัติ คนส่วนใหญ่เริ่มต้นมีปากเสียงกันด้วยเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แต่ 5 นาทีหลังจากนั้น จะมาโต้เถียงกันเรื่องวิธีแสดงออกของอีกฝ่ายหนึ่งแทน
วิธีแก้ปัญหาคือ ต้องเปิดใจให้กว้าง เคารพและยอมรับความคิดเห็นของคนอื่น

เพื่อเลี่ยงการมีปากเสียง เราต้องระลึกอยู่เสมอว่า สิ่งที่อีกฝ่ายสนใจไม่ใช่สิ่งที่พูดออกไป แต่อยู่ที่วิธีการพูดต่างหาก
วิธีที่ดีที่สุดที่จะหยุดการมีปากเสียงได้คือหุบปากไว้
เมื่อเวลาผ่านไปสักครู่ ค่อยกลับมาพูดคุยกันอีกครั้งหนึ่งด้วยความรักและเคารพซึ่งกันและกัน

ถ้าไม่อยากเสียเวลามีปากเสียงกันต่อไป ผู้ชายและผู้หญิงต้องร่วมมือกัน
ขอเพียงแค่นึกถึงความต้องการของอีกฝ่ายให้ได้ก่อนว่า มีอะไรบ้าง แบะหาทางตอบสนองความต้องการนั้น เพียงเท่านี้ การมีปากเสียงก็จะไม่เกิด

เพื่อเลี่ยงไม่ให้เกิดการมีปากเสียงกัน เราต้องตระหนักอยู่เสมอว่า
ผู้ชายแสดงอาการไม่ยอมรับออกไปโดยไม่รู้ตัว
ส่วนผู้หญิงก็แสดงอาการไม่เชื่อใจผู้ชายออกไปโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน

ต้นเหตุที่ทำให้ผู้หญิงมีปากเสียงก็คือ เธอไม่แสดงความรู้สึกออกมาตรงๆ แทนที่จะบอกว่าชอบหรือไม่ชอบตรงไหน
ผู้หญิงกลับเลือกใช้คำถามที่ซับซ้อนและสื่อถึงความไม่เชื่อใจไปยังฝ่ายชายโดยไม่รู้ตัว
แม้ว่าจะไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงต้องการจะสื่อออกไป แต่ผู้ชายกลับได้ยินและรู้สึกอย่างนั้น

ผู้ชายทนความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันของผู้หญิงได้ แต่ทนความรู้สึกว่าเธอไม่ยอมรับเขาไม่ได้


จงจำไว้ให้ดีว่า ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้คำได้เหมาะสมมากขนาดไหนก็ตาม แต่สำเนียงที่คุณพูดออกไปมีความสำคัญมากที่สุด
แม้ว่าคุณจะเลือกใช้ประโยคที่ถูกต้องทุกคำ แต่ถ้าคู่ของคุณไม่รู้สึกว่าคุณรัก มีเหตุผล และยอมรับแล้ว ความตึงเครียดจะยิ่งทวีมากขึ้น

ผู้ชายไม่เคยตระหนักว่า สำหรับผู้หญิงแล้ว ของเล็กๆน้อยๆ มีความสำคัญเท่ากับของชิ้นใหญ่ๆ หรือ พูดอีกอย่างก็คือ ดอกกุหลาบเพียงช่อเดียวมีค่าเท่ากับการจ่ายค่าเช่าบ้านให้เธอทั้งเดือน ( จริงหรือ ? : ความเห็น - ผู้สรุป )

การทำสิ่งเล็กๆน้อยๆให้ผู้หญิง ช่วยเยียวยาความรู้สึกของฝ่ายชายอีกด้วย เพราะความจริงแล้วสิ่งเล็กน้อยเหล่านี้แหละ ที่จะรักาความไม่พอใจของเขาและเธอได้
เขารู้สึกมีอำนาจมากขึ้นเมื่อรู้ว่าสามารถทำให้เธอได้ในสิ่งที่ต้องการ ทั้งสองฝ่ายได้รับการตอบสนองเต็มที่

ผู้หญิงต้องยอมรับความจริงว่า เป็นธรรมชาติของผู้ชายที่ชอบสนใจแต่เรื่องใหญ่ๆ มากเสียจนมองข้ามเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไป
ถ้ายอมรับความจริงข้อนี้ได้ จะไม่ทำให้เธอต้องเจ็บปวดจากพฤติกรรมของเขามากนัก แทนที่จะโกรธเมื่อเขาไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเธอ
เธออาจช่วยแก้ปัญหาไปพร้อมกับเขาแทน เธอสามารถบอกให้เขารู้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้ว่า เธอชื่นชมกับสิ่งเล็กๆน้อยๆ และสิ่งใหญ่ๆที่เขาทำเพื่อเธอ

ผู้หญิงมีความสามารถพิเศษในการแสดงอาการชื่นชมสิ่งเล็กๆน้อยได้มากพอกับสิ่งใหญ่ๆ ซึ่งเปรียบเสมือนกับหยดน้ำทิพย์สำหรับผู้ชาย
ผู้ชายชอบแสวงหาความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะเชื่อว่ามันทำให้เขามีคุณค่ามากพอที่จะให้คนอื่นรักได้

ผู้หญิงสามารถรักษาอาการเสพติดความสำเร็จของผู้ชายได้ โดยชื่นชมกับสิ่งเล็กๆน้อยๆที่เขาทำให้

ผู้หญิงไม่ชอบพูดว่าต้องการอะไร แต่หวังว่าถ้าคุณรักเธอจริง คุณจะเข้าใจเธอว่าเธอต้องการอะไร

เมื่อคุณรู้ว่า สิ่งไหนที่ทำให้เขารู้สึกเจ็บแล้ว บอกให้เขารู้ว่าคุณเสียใจ ที่สำคัญที่สุด ให้ความรักอย่างที่เขาต้องการ
ถ้าเขารู้สึกว่า ไม่ได้รับการชื่นชม จงชื่นชมกับสิ่งนั้น
ถ้าเขารู้สึกว่า ถูกปฏิเสธ หรือถูกควบคุม จงให้ความเชื่อถือและไว้วางใจกับเขา
ถ้าเขารู้สึกว่า ไม่ได้รับการไว้วางใจ จงให้ความเชื่อใจกับเขา
ถ้าเขารู้สึกว่า กำลังได้รับการดูถูก จงให้คำยกย่องที่เขาต้องการ

ยิ่งผู้หญิงสามารถเปิดใจและแสดงความรู้สึกได้มากเท่าไร ยิ่งทำผู้ชายสามารถเปิดเผยความรู้สึกที่ทำให้เขารู้สึกเจ็บได้มากเท่านั้น


ที่มา: http://nattprom.blogspot.com/2012/01/blog-post_26.html
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28 เมษายน 2019, 15:33:16 โดย prom »

ออฟไลน์ prom

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,415
  • พอยท์: 1567
    • ดูรายละเอียด
เรามักคิดผิดไปว่า ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งรักเราแล้ว พวกเขาจะแสดงออกและประพฤติในแบบเดียวกันกับเรา ความคิดแบบนี้ทำให้ต้องผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า และทำให้ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องความแตกต่างของทั้งสองฝ่าย

 เรามักคิดผิดไปว่า ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งรักเราแล้ว พวกเขาจะแสดงออกและประพฤติในแบบเดียวกันกับที่เราแสดงออกเมื่อรักใครสักคน

 ผู้ชายหวังว่าผู้หญิงจะคิด พูดจา และแสดงออกเหมือนกับที่ผู้ชายต้องการ ผู้หญิงคิดว่าผู้ชายจะรู้สึก พูดคุย และแสดงออกเหมือนกับ ที่ผู้หญิงต้องการ  เราลืมความจริงที่ว่าผู้หญิงและผู้ชายไม่มีวันเหมือนกันได้เลย  ผลของการคิดแบบนี้ ทำให้ความสัมพันธ์ ระหว่างผู้หญิงและผู้ชายเต็มไปด้วยความขัดแย้งโดยไม่จำเป็น

เมื่อเราต้องอยู่ร่วมกับเพศตรงข้าม ความเข้าใจและยอมรับความแตกต่างของอีกฝ่ายหนึ่ง จะช่วยลดความสับสนลงได้มาก เมื่อคุณจำได้ว่า “ผู้ชายมาจากดาวอังคารและผู้หญิงมาจากดาวศุกร์” แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็อธิบายได้ 

ผู้ชายและผู้หญิงไม่เหมือนกันตรงไหน
ตลอดเล่มนี้ ผมจะพูดถึงความแตกต่างระหว่างสองฝ่ายอย่างละเอียด แต่ละบทจะทำให้คุณเกิดความเข้าใจใหม่ๆ ได้เป็นอย่างดี  สิ่งที่ผู้ชายและผู้หญิงแตกต่างกันมีอะไรบ้าง

ในบทที่ 2 เราจะหาคำตอบว่า ทำไมผู้หญิงและผู้ชายจึงไม่เหมือนกัน และทำความเข้าใจกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เนื่องจากความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายมากที่สุดสองประการ นั่นคือ ผู้ชายชอบให้คำตอบที่ผู้หญิงไม่ต้องการ ขณะที่ผู้หญิง ชอบสั่งสอนหรือแนะนำผู้ชายโดยที่เขาไม่ได้เอ่ยปากขอความช่วยเหลือเลย  ถ้าเราเข้าใจพื้นฐานของคน ที่มาจากดาวอังคาร และดาวศุกร์แล้ว เราจะรู้ได้ชัดเจนว่า ทำไมทั้งผู้ชายและผู้หญิงจึงมักทำผิดโดยไม่รู้ตัว และสามารถแก้ไข ความผิดพลาด ได้ทันท่วงทีและแสดงออกในทางที่ดีได้ 

ในบทที่ 3 เราจะหาคำตอบว่า เวลาเกิดปัญหาขึ้น  ผู้ชายและผู้หญิงจัดการกันอย่างไร  ขณะที่ผู้ชายจะขอปลีกตัวออกมา และคิดหาทางออกเงียบๆ คนเดียว ผู้หญิงกับรู้สึกว่าต้องระบายสิ่งที่กวนใจเธอให้ใครสักคนที่เธอเชื่อใจได้รับรู้  คุณจะรู้กลยุทธ์ใหม่ๆ เพื่อหาทางออกที่ดีเวลาเกิดปัญหาพวกนี้ขึ้น

เราจะพบวิธีการกระตุ้นความสนใจฝ่ายตรงข้ามในบทที่ 4  ผู้ชายรู้สึกดีเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นที่ต้องการของคนอื่น ขณะที่ผู้หญิงรู้สึกดี เมื่อพวกเธอรู้สึกว่าตัวเองน่าทะนุถนอม เราจะเรียนรู้ถึงสามขั้นตอนในการทำให้ความดีขึ้น และทำอย่างไรจึงจะเอาชนะอุปสรรค์ ที่ยากที่สุดภายในใจเรา นั้นคือ ผู้ชายต้องเอาชนะตัวเองด้วยการเป็นฝ่ายให้ความรัก และผู้หญิงต้องเอาชนะใจตัวเอง ที่จะเป็นฝ่ายรับความรักให้ได้

ในบทที่ 5 เราจะมาทำความเข้าใจกันเสียทีว่า ทำไมผู้ชายและผู้หญิงจึงเข้าใจผิดกันเป็นประจำเนื่องจากพูดคนละภาษา พจนานุกรมคำศัพท์ของชาวอังคารและชาวศุกร์ในบทนี้ จะช่วยอธิบายสิ่งต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น  คุณจะรู้ว่า ผู้ชายและผู้หญิงพูดและหยุดพูด ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงอย่างไรบ้าง  ผู้หญิงจะรู้ว่าเมื่อผู้ชายไม่ยอมพูดด้วย จะต้องทำอย่าไร และผู้ชายจะเรียนรู้ วิธีการฟังผู้หญิงพูดอย่างเข้าใจ

ในบทที่ 6 คุณจะค้นพบว่าทำไมผู้ชายและผู้หญิงต้องการความใกล้ชิดไม่เหมือนกัน ผู้ชายอยากอยู่ใกล้ชิด ในขณะเดียวกันก็อยาก อยู่ห่างออกไปเช่นกัน ผู้หญิงจะรู้วิธีจัดการกับเรื่องอย่างนี้ เพื่อทำให้เขาหันกลับมาหาเธออีกครั้ง  ผู้หญิงจะเรียนรู้ถึงช่วงเวลา ที่ดีที่สุดที่จะเริ่มต้นพูดคุยกับผู้ชาย

ในบทที่ 7 เราจะรู้ว่าความรู้สึกเกี่ยวกับความรักของผู้หญิงขึ้นและลงเหมือนกับคลื่นได้อย่างไร  ผู้ชายจะรู้วิธีตีความหมาย ของการอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปมาอย่างทันทีทันใดของผู้หญิงได้อย่างไร  พวกเขาจะรู้ว่าผู้หญิงต้องการใกล้ชิดผู้ชาย มากที่สุดตอนไหน และจะอยู่เป็นกำลังใจในช่วงเวลานั้นอย่างเหมาะเจาะได้อย่างไร 

ในบทที่ 8  คุณจะพบว่าผู้ชายและผู้หญิงมอบความรักให้กับอีกฝ่ายหนึ่งอย่างที่ตัวเองต้องการ ไม่ใช่อย่างที่อีกฝ่ายหนึ่งต้องการ โดยทั่วไป ผู้ชายต้องการความเชื่อใจ การยอมรับ และคำยกย่อง  ในขณะที่ผู้หญิงต้องการความรักแบบทนุถนอม ความเห็นอกเห็นใจ และยอมรับในสิ่งที่เธอเป็น  คุณจะเข้าใจสาเหตุหลักหกประการที่มักทำให้ต้องผิดใจกัน

ในบทที่ 9 คุณจะพบวิธีหลีกเลี่ยงการทะเลาะเบาะแว้ง  ผู้ชายจะรู้ว่า การคิดว่าเป็นฝ่ายถูกเสมอนั้น ทำให้ผู้หญิงไม่ชอบ ผู้หญิง จะเรียนรู้ว่า พวกเธอผิดพลาดที่มักแสดงความรู้สึกว่าไม่ยอมรับฝ่ายชายออกไปแทนที่จะแสดงความรู้สึกว่าไม่เห็นด้วย ซึ่งทำให้ผู้ชายต้องปกป้องตัวเอง การวิเคราะห์หัวข้อของการโต้เถียงต่างๆ ที่เกิดขึ้นในบทนี้ จะทำให้การติดต่อเป็นไปอย่าง ถูกต้องมากขึ้น

ในบทที่ 10 จะบอกให้รู้ว่าวิธีทำคะแนนของผู้ชายและผู้หญิง ผู้ชายจะรู้ว่า ของขวัญสำหรับความรักทุกชิ้นมีความสำคัญเท่ากัน โดยไม่ขึ้นอยู่กับราคาและขนาด ดังนั้น แทนที่จะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ๆ เพียงชิ้นเดียว พวกเขาจะเรียนรู้ว่าการแสดงออก ถึงความรักด้วยสิ่งเล็กๆน้อยๆ ก็มีความสำคัญเช่นกัน สำหรับผู้ชายแล้ว เราจะบอกให้รู้ถึงวิธีทำคะแนนจากผู้หญิงอย่างน้อย 101 วิธี สำหรับผู้หญิงแล้ว เราจะบอกให้ทราบถึงการหันเหจากสิ่งที่ทำอยู่ไปทำในสิ่งที่จะได้คะแนนมากๆ จากฝ่ายชาย ด้วยการให้ ในสิ่งที่ผู้ชายต้องการ

ในบทที่ 11 คุณจะรู้วิธีพูดในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน รู้ว่าผู้หญิงและผู้ชายซ่อนความรู้สึกไว้แตกต่างกัน และแนะนำวิธีเขียน จดหมายรักเพื่อระบายความรู้สึกในแง่ลบให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้ เป็นวิธีที่ทำให้แต่ละฝ่าย สามารถที่จะค้นพบ ความรักที่ยิ่งใหญ่ และการให้อภัย

คุณจะเข้าใจว่าทำไมชาวศุกร์จึงลำบากใจที่จะเอ่ยปากขอร้องในบทที่ 12 เหมือนกับที่ชาวอังคารไม่ชอบทำตามที่ฝ่ายหญิงต้องการ คุณจะรู้ว่า ทำไมประโยคอย่าง “คุณจะช่วยฉันได้ไหม” และ “คุณทำได้หรือเปล่า”  จึงทำให้พวกผู้ชายไม่พอใจ ขึ้นมาทันทีและรู้ว่าควรจะพูดประโยคไหนแทน คุณจะเรียนรู้ความลับของการกระตุ้นให้ฝ่ายชายให้มากขึ้น และค้นพบ ประโยชน์ของการใช้ประโยคที่สั้น กระชับ และตรงไปตรงมา

ในบทที่ 13 คุณจะรู้จักฤดูของความรักสี่แบบ การเข้าใจความจริงข้อนี้ จะทำให้คุณเข้าใจความเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการของสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี  ช่วยให้คุณเอาชนะอุปสรรค์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากความสัมพันธ์รูปแบบต่างๆ กันได้ คุณจะรู้ว่า ประสบการณ์ ในอดีตของทั้งสองฝ่ายส่งผลกระทบกับปัจจุบันได้อย่างไร และเรียนรู้เคล็ดลับต่างๆ ที่จะทำให้ความรักยั่งยืนและสดชื่นตลอดไป 

ในแต่ละบทของ “ผู้ชายมาจากดาวอังคารและผู้หญิงมาจากดาวศุกร์” จะทำให้คุณค้นพบเคล็ดลับในการสร้างความรักให้กลายเป็น ความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนตลอดไป การเรียนรู้แต่ละอย่างจะช่วยเพิ่มความสามารถในการแสดงอาการตอบความรักให้เต็มอิ่มได้

ความตั้งใจดีอย่างเดียวไม่พอ
ความรักเป็นสิ่งมหัศจรรย์ เมื่อไรที่คุณพบความรัก มันจะทำให้คุณรู้สึกอยากมีชีวิตที่เป็นอมตะ และคิดว่าความรักจะยืนยง ไปตลอดกาล เรามักคิดว่า บางทีเราจะไม่พบปัญหาเหมือนกับที่พ่อแม่ของเราเจอ เราไม่ยอมรับความจริงที่ว่า ความรักก็ตายจาก ไปได้เหมือนกัน  และหวังว่าจะมีชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุขตลอดไป

แต่เมื่อความมหัศจรรย์หายไปและโลกความเป็นจริงปรากฏขึ้น ผลก็คือ ผู้ชายยังคิดว่าผู้หญิงจะคิดและทำเหมือนผู้ชาย และผู้หญิง คิดว่าผู้ชายจะรู้สึกและแสดงออกเหมือนผู้หญิง  โดยไม่เคยคิดสักนิดถึงความแตกต่างของทั้งสองฝ่ายเลย ไม่เคยสละเวลา มาทำความเข้าใจและยอมรับความแตกต่างของแต่ละฝ่ายแม้แต่นิดเดียว  เรากลายเป็นพวกที่ชอบเรียกร้อง ไม่พอใจ ชอบตัดสิน คนอื่นและไม่มีความอดทน

เมื่อส่วนที่ดีที่สุดของความรักเริ่มจางหายไป ปัญหาก็เริ่มเข้ามาแทนที่  ความขัดแย้งเพิ่มมากขึ้น การพูดคุยลดน้อยลง  และมีความ หวาดระแวง ทำให้ต้องเก็บกดความรู้สึกต่างไว้ข้างใน ถึงตอนนี้ มหัศจรรย์แห่งรักก็หายไป  เหลือแต่คำถาม ที่ค้างอยู่ในใจว่า 

มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ?

ทำไมจึงเกิดขึ้น ?

ทำไมต้องเกิดกับเราสองคนด้วย ?

เพื่อให้ได้คำตอบ จิตใจเราจะพยายามพัฒนาหารูปแบบและปรัชญาที่ซับซ้อนต่างๆ มากมายมาใช้เป็นคำตอบ แต่มันช่วยอะไร ไม่ได้มากนัก เพราะความรักได้มลายหายไปเสียแล้ว ซึ่งเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นได้กับทุกคน

ในแต่ละวัน มีคนเป็นล้านๆ ที่ค้นหาความรักเพราะอยากพบกับความมหัศจรรย์นี้  ในแต่ละปี  มีคนที่รักกันนับเป็นล้านๆ คู่ที่เริ่มต้นด้วยการแต่งงานและลงเอยอย่างเจ็บปวดด้วยการแยกทางกัน เนื่องจากพวกเขาไม่เหลือความรักอีกต่อไป  สำหรับคู่ที่รักษาความรักมาจนถึงวันแต่งงาน มีเพียง 50 เปอร์เซ็นต์ที่ยังแต่งงานอยู่  และในจำนวนที่แต่งงานกันนี้ ยังมีอีก 50 เปอร์เซ็นต์ที่ยังไม่สมหวัง พวกเขาอยู่ด้วยกันด้วยความภักดีและข้อผูกพัน หรือไม่ก็เกิดจากความกลัวที่จะต้องอยู่คนเดียว

น้อยคนนักที่สามารถพัฒนาความรักให้เติบโตต่อไปได้ แต่นั้นไม่ได้หมายความว่า จะทำไม่ได้เลย  ขอเพียงแค่ผู้ชายและผู้หญิง สามารถเคารพและยอมรับความแตกต่างขอแต่ละฝ่ายเท่านั้น ความรักของเขาก็มีโอกาสที่จะบานสะพรั่งและงดงามได้

ขอเพียงแค่ผู้ชายและผู้หญิงสามารถเคารพ

และยอมรับความแตกต่างขอแต่ละฝ่ายเท่านั้น 

ความรักของเขาก็มีโอกาสที่จะบานสะพรั่งได้

 ถ้าเราเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างผู้ชายและผู้หญิงได้แล้ว  จะทำให้เราสามารถเป็นฝ่ายให้และรับความรักที่เกิดขึ้นได้ พบทางที่ทำให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ ที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือ  เราสามารถเรียนรู้ที่จะให้ความรัก และเป็นกำลังใจ ให้กับคนที่เรารักมากที่สุด

ความรักเป็นสิ่งมหัศจรรย์และอยู่ได้ชั่วนิรันดร์ ขอเพียงเข้าใจความแตกต่างเท่านั้น

ที่มา:http://2g.pantip.com/cafe/library/topic/K8932575/K8932575.html