รีวิวหนังสือพ่อแม่: แผนที่นำทางสร้างศักยภาพสมองลูก
รูปแบบการนำเสนอ
หนังสือเล่มเกือบสี่เหลี่ยมจัตุรัสเล็กๆ เนื้อหาในหนังสือแบ่งเป็น 6 บท ลำดับเนื้อหาความรู้เกี่ยวกับสมองตามลำดับมาเรื่อยๆ และปิดท้ายด้วยความรู้เรื่องของสมอง
Part 1 ว่าด้วยเรื่องของสมอง
Part 2 พัฒนาสมองลูกได้ง่ายๆ
Part 3 อาหารกับสมอง
Part 4 ถึงโตแล้วก็ต้องดูแลสมอง
Part 5 สมอง..ฉลาดได้ด้วย “ดนตรี”
Part 6 ศัพท์สมอง
หนังสือสี่สี กระดาษอ่านสบายตา มีรูปประกอบน่ารักๆสไตล์หนังสือของสำนักพิมพ์รักลูก
ความเห็นส่วนตัว
ขอเริ่มหนังสือเกี่ยวกับสมองด้วยเล่มนี้ก่อน เพราะซื้อมาอ่านนานแล้วตั้งแต่ตอนท้องฮั่น เป็นหนึ่งในหนังสือชุด ส่งเสริมพัฒนาการและการเลี้ยงดูเด็กของสำนักพิมพ์รักลูก เราหยิบกลับบ้านมาพร้อมกับคู่มือเลี้ยงลูกของหมอชนิกาตอนเป็นคุณแม่มือใหม่ พอมาตอนธันธัน ก็ไม่ลืมที่จะเอามาอ่านอีกรอบเพื่อย้ำเตือนความรู้ (ที่หายไปตามวัย ขี้ลืมมาก เป็น mommy brain ของจริง)
เมื่อเปรียบเทียบกับหนังสือสมองเล่มอื่นๆที่มีที่บ้าน เล่มนี้ก็เหมือนหนังสือเรียนที่รวบรวมความรู้พื้นฐานทั่วไปเกี่ยวกับสมอง เนื้อหาสามารถหาข้อมูลได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ท ไม่ได้ลงรายละเอียดลึกไปหรือไม่ได้ครอบคลุมทุกเรื่องที่ต้องอยู่ เน้นเรื่องการพัฒนาสมองของลูกตั้งแต่ยังอยู่ในท้อง จนถึงช่วงขวบแรก เป็นหลัก มีในเรื่องการดูแลและบำรุงสมองในตอนโต (ใน “Part 4 ถึงโตแล้วก็ต้องดูแลสมอง”) หนังสือยังแนะนำปัจจัยสำคัญต่างๆ ในการสร้างสมองลูก ชอบที่ปัจจัยแรก คือ พ่อแม่ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด รองมา คือ อาหาร การเล่น ดนตรี และการอ่านหนังสือ
หนังสือมีแบบทดสอบเบื้องต้นเกี่ยวกับแววความสามารถของลูกน้อย เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ได้ประเมินและจะได้วางแผนการพัฒนาได้ถูกต้อง
บทสุดท้าย “ศัพท์สมอง” รวบรวมความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับสมอง เช่น สมองส่วนไหนชื่ออะไร คืออะไร มีหน้าที่อย่างไร เซลล์สมองเป็นยังไง มีรูปประกอบ และเราจะได้รู้จักและเข้าใจชื่อเรียกสมองส่วนต่างๆ ที่เราอาจจะเคยได้ยินเคยได้เห็นในโฆษณาหรือหนังสือ และกลไกการทำงานของสมองในแต่ละส่วน อารมณ์แบบอ่าน Finance for non-finance ประมาณว่าสามารถเข้าใจสมองได้อย่างที่ไม่ต้องจบหมอภายใน 15 นาที ประมาณนั้น
ระดับความน่ามีครอบครอง
ปานกลางค่ะ มีไว้เป็นเหมือนเป็นคู่มือประจำบ้านได้ค่ะ เหมาะสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ใช้ปูพื้ความรู้เกี่ยวกับสมองของลูก หาซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไป และบูทของสำนักพิมพ์รักลูก
ที่มา:
http://monkeycorners.blogspot.com/2014/05/blog-post_30.html