หนังสือ “Content Marketing เล่าให้คลิก พลิกแบรนด์ให้ดัง”รายละเอียดผู้เขียน : ณัฐพัชญ์ วงษ์เหรียญทอง
สำนักพิมพ์ : Nation
ราคา : 175 บาทเล่าเรื่องเนี้อหาบทที่ 1 ท่ำความรู้จักกับ Content Marketing
บทที่ 2 รู้จักคอนเทนต์ รู้จักผู้บริโภค
บทที่ 3 การจัดการและการดำเนินงาน Content Marketing
บทที่ 4 Content Marketing Channel
ตัวอย่างแบรนด์ดังกับ Content Marketing
- Coca-Cola – สร้างสรรค์คอนเทนต์เพื่อสร้างความสุข -
- Red Bull – การเล่าเรื่องไม่จำเป็นต้องเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสมอไป
- LEGO : เรื่องราวจากตัวต่อที่ไม่สิ้นสุดiYom reviews
“Social Media”, “Social Media Marketing”, “Digital Marketing”, “Content Marketing” อื่นๆ อีก บลาๆๆๆ
เอ่อ … มันช่างน่าสับสนและงงเป็นบ้าสำหรับศัพท์แสงต่างๆ ที่มาพร้อมกับการตลาดยุคใหม่ และถ้าใครที่ไม่ได้ทำงานสายนี้โดยตรง หรือเป็นมือสมัตรเล่น (ที่รู้จักแค่เล่นอย่างเดียว) อย่าง iYom ซึ่งอยากจะทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงทางการตลาดยุคใหม่บ้าง หนังสือ “Content Marketing เล่าให้คลิก พลิกแบรนด์ให้ดัง” เล่มนี้ iYom ว่าตอบโจทย์ครับ เพราะผู้เขียนเล่าตั้งแต่ความเป็นมาของการตลาดในยุคต่างๆ และที่มาของการตลาดยุคใหม่ ที่ต้องให้ความสำคัญในเรื่อง Content (เนื้อหา) มาช่วยในการทำการตลาดนั่นเอง ทั้งเรื่องประเภทของ Content หลักในการสร้าง Content อย่างไรให้โดนใจผู้บริโภค ช่องทางในการเผยแพร่ Content, เทคนิคการทำ content marketing และมีไปถึงจะจัดทีมงานอย่างไรในการทำงานทางด้านนี้ แห่ม แล้วยังมีแบบฟอร์มต่างๆ ให้กรอกให้ทำ เพื่อวัดผลสำเร็จของ Content ที่เราทำอีกต่างหาก อ่านตรงนี้ iYom รู้สึกเหมือนหนังสือ How to ทางการตลาด ที่มักจะมีแบบฟอร์มให้เราต้องกรอกวัดผลเช่นเดียวกันเลยครับ เห็นไหมครับว่ามันครบครันทีเดียว เหลือบไปดูชื่อคนเขียน ณัฐพัชญ์ วงษ์เหรียญทอง บอกกันตรงๆ iYom ไม่เคยได้ยินและไม่รู้จัก แต่พอไปค้นหาดู อืมเขาก็ไม่ธรรมดาเลยครับ เป็นผู้เชียวชาญในแวดวงนี้เลยก็ว่าได้ ไอ้เราไม่ได้อยู่ในแวดวงนี้ไม่รู้จัก ผู้เขียนคงไม่ว่ากัน ว่าแต่แล้วจะรีวิวอย่างไรดีละ iYom ว่าเพื่อนๆ ไปซื้ออ่านกันเองเลย เย้ย… กะขี้เกียจไม่ทำรีวิวซะงั้น เอาเป็นว่าลองมาดูที่ iYom พอจะสรุปเป็นหัวข้อที่สำคัญมาได้บ้างทำความรู้จัก Content Marketing
Content Marketing คือ ?คือ เทคนิคการทำการตลาดในการสร้างและเผยแพร่คอนเทนต์ที่มีเนื้อหา มีประเด็น และมีคุณค่ากับผู้รับสาร เพื่อที่จะสามารถดึงดูด และสร้างปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายได้ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะนำไปสู่การทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ทางธุรกิจ แต่มันเป็นอะไรที่มากกว่าการขายของ มันคือ การขายของโดยไม่ขายของ คือ Content Marketing จะทำหน้าที่สำคัญในการให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับกลุ่มเป้าหมายทางธุรกิจ รักษาความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแบรนด์ ซึ่งเมื่อกลุ่มเป้าหมายตระหนักถึงคุณค่าที่ได้รับจาก Content ต่างๆ แล้วนั้น พวกเขาจะตอบแทนกลับมาในรูปแบบของ Brand Loyalty ในท้ายที่สุด
พัฒนาการ ของ Content Marketing ในยุค Digital Marketing1. Traditional Digital Marketing : Content จะอยู่ในเว็ปไซต์ หรือในกระทู้ใหญ่ๆ การตลาดในยุคนี้ ฺBrand ต่างๆ จะเน้นซื้อแบนเนอร์ (ฺBanner) หรือที่เรียกว่าป้ายโฆษณาที่แปะอยู่ในเว็ปไซต์ใหญ่ๆ นั่นเอง
2. Social Media Marketing : Brand ต่างๆ เริ่มหันมาสร้างสื่อของตัวเองอย่าง Facebook Page หรือ Twitter Account การตลาดในยุคนี้จะเน้นสร้างการบอกต่อและเชื่อมโยงกัน เพื่อทำให้เกิดโอกาสในการเข้าถึงผู้บริโภคบนโลกออนไลน์มากขึ้น
3. Content Marketing : ฺBrand จะหันมาเป็น ผู้ผลิต Content เองมากขึ้น แทนที่จะซื้อสื่อแบบเดิมๆ โดยจะเน้นผลิต Content ทั้งเพิ่มขายของและส่งเสริมภาพลักษณ์ของ Brand ผ่าน Social Media Marketing
Content Marketing (CM) VS Social Media Marketing (SMM)Platform : SMM ส่วนใหญ่จะใช้ Facebook Twitter, CM สามารถอยู่บน platform ใดก็ได้ที่สามารถเผยแพร่คอนเทนต์ได้ เพราะคอนเทนต์สามารถทำให้ Brand มี platform เป็นของตัวเอง ส่วนใหญ่จะเป็นเว็ปไซต์ของ brand นั่นเอง แต่ยังคงต้องอาศัย Social Media ในการเผยแพร่ Content ดังกล่าวให้คนกลับเข้ามายังเว็ปไซต์
Content : SMM จำเป็นต้องปรับให้ content ให้อยู่ในเงื่อนไขของ Social Media นั้น ข้อจำกัดของตัวอักษร ขนาดภาพ เป็นต้้น, CM สามารถผลิตสื่อได้เต็มรูปแบบทั้งสร้างบทความ บล็อก วีดีโอ ภาพขนาดต่างๆ
Targeting : SMM ใช้เพื่อสร้าง Brand Awareness และใช้เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมาย/ลูกค้า, CM ใช้เพื่อสร้างความต้องการใช้บริการให้เกิดขึ้นกับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อไปสู่ขั้นตอนของการซื้อสินค้า
Content Marketing (CM) VS Advertising Advertising : เกิดจากการซื้อพื้นที่สื่อ เป็นลักษณะ Push Marketing คือ การเข้าไปชิงพื้นที่เพื่อดึงความสนใจจากผู้บริโภคในที่ต่างๆ ซึ่งเป็นการขัดจังหวะผู้บริโภค
CM : .ให้ความสำคัญกับสื่อที่ตัวเองเป็นเจ้าของ หรือสื่อที่ได้จากการพูดต่อบอกต่อ ลักษณะ Pull Marketing เป็นการอาศัย Content ของตัวเองดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคแทนที่จะเข้าแทรกแซง
เรามักจะนำสองสิ่งมาเชื่อมโยง เช่น การสร้างคอนเทนต์ดีๆ ไว้ในสื่อของตัวเอง แล้วทำการซื้อสื่อเพื่อโฆษณา content นั้น
8 Step ของคอนเทนต์ที่ประสบความสำเร็จ1. ศึกษาว่ากลุ่มเป้าหมายนั้น มีปัญหาอะไร ต้องการอะไรเป็นพิเศษ
2. ทำการสร้างคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์และแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง
3. กลุ่มเป้าหมายสนใจและเข้ามาติดตาม Content ต่อเนื่อง
4. กลุ่มเป้าหมายเริ่มพูดถึงและนำคอนเทนต์ไปบอกต่อผ่านช่องทางส่วนตัว
5. คนอื่นๆ เริ่มพบเห็นคอนเทนต์ของคุณเพิ่มขึ้น
6. “แบรนด์” ของคุณเริ่มเป็นที่รู้จัก
7. “แบรนด์” ของคุณกลายเป็น Top of mind
8. กลุ่มเป้าหมายพูดถึงเป้าหมายของคุณให้คนอื่นต่อไป
3s กับการใช้ Content สร้าง Brand1 Stability : Brand ให้คอนเทนต์ที่มีความน่าเชื่อถือ
2 Sustainability : ฺBrand ให้คอนเทนต์ต่อเนื่องและยั่งยืน
3 Security : คอนเทนต์ของ Brand ทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกพึงพอใจและปลอดภัย
สรุปรู้จัก Content รู้จักผู้บริโภคขอแบ่งเป็น 3 หัวข้อ นะครับ
หัวข้อที่ 1 หลักในการสร้าง Contentsลักษณะ Content 1. Short form content : ข้อเขียนสั้น 1-2 บรรทัด หรือรูปภาพที่แตะตา จุดประสงค์เพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภค
2. Long form content : มักจะเป็นการเขียนบทความหรือบล็อก วีดีโอคลิป คลิปเสียง eBook Webinar Slideshare ใช้เพื่อเสนอข้อมูลในเชิงลึกสำหรับผู้บริโภคที่สนใจในรายละเอียดมากขึ้น เพื่อประกอบการตัดสินใจ
3. Conversation and Sharing Content : เป็นการพูดคุยหรือสนทนากันในกลุ่มคนที่สนใจ คอนเทนต์ประเภทนี้มักเกิดจาก 2 ประเภทแรกที่เป็นตัวจุดประเด็นนั่นเอง
คน 3 ประเภทที่เสพคอนเทนต์1. Seeker : ใช้ Search engine ในการหาข้อมูลต่างๆ แบรนด์ควรใช้คอนเทนต์ที่ตัวเองสร้างขึ้น เพื่อดึงคนเหล่านี้เข้ามา
2. Amplier :เป็นคนที่ทำหน้าที่กระจายข้อมูลออกไปในเครือข่ายของตน เช่น blogger หรือ นักรีวิวต่างๆ แบรนด์จึงต้องมีข้อมูลให้คนเหล่านี้ แบรนด์เลยจำเป็นต้องมีข้อมูลวัตถุดิบให้คนเหล่านี้เข้าถึง
3. Joiners : เป็นกลุ่มคนที่ยอมให้แบรนด์สื่อสารด้วยโดยตรง นั่นคือพวกเขามีโอกาสสูงที่จะเป็นลูกค้าสูงและยังผันตัวเองเป็น Amplier ได้ด้วย
3 หลักการสร้างคอนเทนต์1. Created Content : Brand สร้างเอง เช่น การทำหนังโฆษณา ทำกราฟิก แบนเนอร์หรือรูปภาพสินค้าต่างๆ
2. Curated Content : Brand จะไม่ได้สร้างแต่ทำหน้าที่รวบรวมคอนเทนต์ ภายใต้หัวข้อที่ตัวเองตั้งขึ้นเพื่อเชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมาย
3. Co-Created Content : Brand เปิดโอกาสหรือพื้นที่ให้ผู้ติดตามแบรนด์ได้ร่วมคิด ร่วมสร้าง Content
7 หลักในการสร้าง Content1. คิดถึงลูกค้าก่อน
2. เน้นช่วยเหลือ ไม่ใช่เน้นขายของ
3. กล้าที่ให้ข้อมูล/ ความรู้แบบฟรีๆ
4. ไม่ต้องคิดอะไรเพื่อตอบทุกๆ คน
5. เล่าเรื่องที่ดี มีคุณค่า และไม่เล่นกับความไม่ถูกต้อง
6. เล่าเรื่องให้เป็น
7. คุณภาพของคอนเทนต์ต้องดี
หัวข้อที่ 2 หลักในการทำ Content ให้โดนใจ5 องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ Content มีความหมาย1. Useful : เป็นประโยชน์
2. Specific / Niche : เฉพาะกลุ่ม
3. Clear : ชัดเจน สื่อสานเนื้อหาที่เข้าใจได้ง่าย
4. Quality :สร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ ทั้งรูปแบบ ภาพ
5. Intention : ตั้งใจในการสร้างคอนเทนต์
คอนเทนต์ 7 แบบ ที่ทำให้เราต้องกดแชร์1 GIVE : ให้ประโยชน์หรือส่วนลด
2 ADVISE : ให้ความช่วยเหลือและให้คำปรึกษา
3. WARN : เตือนภัยต่างๆ
4. ENTERTAIN : ตลก ฮา
5. INSPIRE : สร้งแรงบันดาลใจ
6. AMAZE : สร้างความประหลาดใจ
7. UNIT : สร้างความเป็นหนึ่งเดียวของสังคม
นอกจากนี้ การแชร์คอนเทนต์ก็อาจจะไม่ใช่เกี่ยวกับคอนเทนต์เพียงอย่างเดียว หากเป็นเรื่องตัวตนของคนที่แชร์ คนจะแชร์คอนเทนต์ก็เพื่อให้ตัวเองดู ดี, ฉลาด, เห็นด้วย, เห็นต่าง, เฮฮา, รู้ลึก รู้จริง, เป็นคนช่างหาข้อมูล, อินเทรนด์, มีมนุษย์สัมพันธ์ ซึ่งสิ่งที่คนแชร์และคนพูด ก็คือส่วนหนึ่งของกระบวนการสร้างภาพลักษณ์ของตัวเองทั้งสิ้น
หัวข้อที่ 3 หลักในการใช้ Content เชื่อมโยงกับผู้บริโภค3 หลักวางคอนเทนต์เพื่อเชื่อมโยงกับผู้บริโภค1. Target Focus Content : เน้นในสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการเป็นหลัก คอนเทนต์ตรงนี้จะใช้เป็นตัวสร้างความคุ้นเคยและสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมาย (ไม่เน้นขายของ)
2. Brand Focus Content : เน้นที่ขายของ ชูประโยชน์ คุณค่าของสินค้า (หรือก็คือการโฆษณานั่นเอง)
3. Target-Brand Partnered Content : เป็นคอนเทนต์สำคัญที่แต่ละแบรนด์ต้องหาให้เจอ อะไรคือหัวข้อและสิ่งที่แบรนด์พูดแล้วเป็นที่สนใจของกลุ่มเป้าหมายแต่ในขณะเดียวกันก็ย้อนกลับมาเชื่อมกับตัวแบรนด์ได้
6 คอนเทนต์กับ 6 step ในการตัดสินใจของผู้บริโภคStep 1 Awareness : เป็นช่วงที่จะทำให้ผู้บริโภครู้จักแบรนด์หรือสินค้า คอนเทนต์ที่ใช้ย่อมไม่ใช่เน้นขายของ (Brand Focus Content) แต่เป็นการหาทางเชื่อมระหว่างแบรนด์กับกลุ่มเป้าหมาย โดยช่วยเหลือหรือยิบยื่นในสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายต้องการ พยายามใช้ Target Focus Content
Step 2 Research : เป็นช่วงที่ผู้บริโภคเห็นสินค้าหรือแบรนด์เราละ และต้องการหาข้อมูลเพิ่ม คอนเทนต์ที่ใช้คือข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับสินค้า หรือรีวิวความเห็นจาก Influencer
Step 3 Engage : เป็นช่วงที่ผู้บริโภคหาข้อมูลเชิงลึกและเริ่มจะสอบถามรายละเอียดละ คอนเทนต์ช่วงนี้จะต้องทำให้ผู้บริโภคลดความกังวลต่างๆ และเชื่อมั่นในการใช้สินค้าหรือบริการ โดยความเน้นเรื่องประสบการณ์และการให้คำตอบกับปัญหาต่างๆ ที่มักถูกสอบถาม ตลอดจนให้มีการสอบถามโดยตรงจากผู้บริโภค
Step 4 Purchase : เป็นช่วงที่ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้าละ คอนเทนต์ช่วงนี้คือการให้ข้อมูลเพือปิดการขายให้เร็วที่สุด ไม่ว่าจะเป็น โปรโมชั่น ราคา ขั้นตอนการซื้อสินค้า ที่อยู่ เบอร์ติดต่อ เว็ปไซต์ ช่องทางจัดจำหน่าย เป็นต้น
Step 5 Support : เป็นช่วงที่ผู้บริโภคซื้อสินค้าไปแล้ว อาจต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ต้องการความช่วยเหลือและข้อสอบถาม คอนเทนต์ในช่วงนี้จึงเน้นไปที่การให้ความรู้และแนะนำวิธีการใช้งานให้ดียิ่งขึ้น การแก้ปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งาน
Step 6 Advocate : เป็นช่วงที่ผู้บริโภคจะเปลี่ยนจากผู้ใช้เป็นผู้แนะนำต่อ ผ่านการรีวิวและคำวิจารณ์ต่างๆ จากประสบการณ์ที่ใช้งานมา หน้าที่ของแบรนด์ คือ การรวบรวมหรือสร้างพื้นที่ให้คอนเทนต์เหล่านี้เป็นหมวดหมู่เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหาของผู้บริโภคที่สนใจ
ระวัง ! คอนเทนต์เดียวไม่ใช่ครอบจักรวาลนะ ต้องรู้ และเข้าใจ Step ของผู้บริโภคและปรับคอนเทนต์ให้เหมาะสม
สรุปการจัดการและการดำเนินงาน
ขั้นตอนการทำ Content Strategy1. Situation Analysis : วิเคราะห์สถานการณ์และปัญหา
2. Setting Objective : ตั้งเป้าหมายของกลยุทธ์
3. Identify Content Role : ระบุบทบาท Content ในการไปถึงเป้าหมาย
4. Targeting : ระบุกลุ่มเแ้าหมายและวิเคราะห์ถึงพฤติกรรม
5. Select Channel : เลือกช่องทางที่จะใช้
6. Promise : สร้างพันธะสัญญา
7. Persona : กำหนดภาพลักษณ์
8. Content Category Selection : เลือกคอนเทนต์ที่จะนำมาใช้
9. Editorial Calendar : กำหนดตารางเผยแพร่คอนเทนต์
10. Audit & Measurement : วิธีการวัดผล
Content Marketing Channel1. นิตยสาร/ เอกสารแจก
2. รายการโทรทัศน์
3. การสัมมนา/ อีเวนต์
4. SMS/MMS
5. Website/ Blog
7. Facebook/ Twitter/ Instagram/ Youtube
8. Line
9. Application
10. รูปแบบอื่นๆ เช่น Infographic/ White paper/ eBook/ eMagazine/ Case study/ Testimonial/ Review/ Customer Forum/ Multimedia
เป็นอย่างไรครับสำหรับการรีวิวหนังสือ “Content Marketing เล่าให้คลิก พลิกแบรนด์ให้ดัง” เล่มนี้ หลายคนอาจจะอ่านแล้วไม่ค่อยรู้เรื่องหรือไม่เห็นภาพเท่าไหร่ แนะนำว่าให้ไปหาหนังสือตัวเต็มมาอ่าน แล้วค่อยมาดูสรุปที่ iYom ทำไว้อีกที (เอ่..หรือจะไม่รู้่เรื่องเหมือนเดิม) เอาเป็นว่าขอสรุปสั้นๆ ไว้ว่า การตลาดยุคใหม่นี้ มันคือ วิธีการที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าไม่ใช่แค่ลูกค้าครับ ไม่ใช่แค่ซื้อของเอามาใช้แล้วก็จบ แต่มันจะแฝงไปด้วยมูลค่าในใจที่เราได้รับจากตัวสินค้า แล้วภูมิใจเต็มที่ที่จะบอกต่อให้เพื่อนๆ หรือคนที่รู้จักได้ใช้ต่อและบอกต่อๆ กันไปเรื่อยๆ ซึ่งมูลค่าในใจและความภูมิใจ เราจะสร้างได้ด้วยสิ่งที่เรียกว่า Content นั่นเอง
แล้ววันนี้คุณเล่าเรื่องอะไรให้ลูกค้าฟังบ้างละ …
ที่มา:
http://nstore.net/blog/%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%AD%20Content%20Marketing%20%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%81%20%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%8C%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%87