ผู้เขียน หัวข้อ: นั่งนาน ๆ ระวังโรค DVT ถามหา  (อ่าน 1956 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Master

  • [color=Turquoise][i]"อาจจะเหนื่อยล้าและมีผิดหวัง แต่ยังมีพรุ่งนี้ให้เราได้เริ่มกันใหม่ ทุกชีวิตที่อยู่ในเมืองนี้ สักวันก็คงได้สมดังใจ ... "[/i][/color]
  • Global Moderator
  • Sr. Member
  • *****
  • กระทู้: 487
  • พอยท์: 0
    • ดูรายละเอียด
นั่งนาน ๆ ระวังโรค DVT ถามหา
« เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2016, 11:53:23 »
 ไลฟ์สไตส์ของหนุ่ม ๆ สาว ๆ สมัยนี้ ยากเสียจริง ๆ เลยที่จะผละออกไปหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้ แต่ระวังไว้ให้ดีนะจ๊ะ เพราะหากคุณไม่ยอมลุกไปไหน เอาแต่นั่งอยู่ที่เดิมนาน ๆ นอกจากจะเสี่ยงเป็นโรคยอดฮิตอย่าง ออฟฟิศซินโดรม แล้ว ก็เสี่ยงที่จะเกิด โรค DVT ตามมาอีก เอ้า...ชักสนใจแล้วใช่ไหมว่า โรค DVT คืออะไร มาอ่านกันเลย

          โรค DVT หรือ Deep Venous Thrombosis ก็คือ โรคหลอดเลือดดำส่วนลึกอุดตัน หรืออีกชื่อหนึ่งที่เราคุ้นเคยก็คือ "กลุ่มอาการเครื่องบินชั้นประหยัด" (Economy Class Syndrome) ซึ่งเกิดจากการนั่งเครื่องบินในระยะทางไกล ๆ โดยเฉพาะชั้นที่นั่งราคาประหยัด ที่มีพื้นที่คับแคบ แล้วไม่ได้ขยับร่างกาย หรือลุกเปลี่ยนอิริยาบถเลย ทำให้เลือดแข็งตัวเป็นก้อน จนกลายเป็นเลือดข้นอยู่ในหลอดเลือดดำ

          โดยโรค DVT นี้ถูกค้นพบโดยนักวิจัย ที่ได้ข้อมูลมาจากชายวัย 32 ปีผู้หนึ่ง ซึ่งต้องนั่งทำงานอยู่หน้าเทอร์มินัลคอมพิวเตอร์ประมาณ 18 ชั่วโมงต่อวันมานาน จนกระทั่งวันหนึ่งเขาต้องเข้าโรงพยาบาล เพราะอาการเลือดจับตัวเป็นก้อน โดยเริ่มจากบริเวณขาของเขาก่อนที่จะแตกกระจายไปยังปอดทั้งสอง จนเกิดอาการโคม่า ต้องรีบรักษาเป็นการด่วน จากเหตุการณ์นี้ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายเริ่มหันมาใส่ใจกับโรคนี้กันมากขึ้น

          และ แน่นอนว่า อาการหลอดเลือดดำอุดตัน ของ โรค DVT ไม่ได้เกิดกับพนักงานออฟฟิศ ที่ต้องนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานเป็นเวลานาน หรือผู้โดยสารบนเครื่องบินชั้นประหยัดเที่ยวบินไกล ๆ เท่านั้น แต่คนที่มีอิริยาบถนั่งตลอดเวลาเป็นเวลานาน ๆ  ไม่ว่าจะทำอะไร อาชีพไหนก็มีความเสี่ยงไม่แพ้กัน อย่างเช่น

          พนักงานขับรถแท็กซี่ รถโดยสารประจำทาง นักบิน

          ผู้เข้าชมภาพยนตร์เรื่องยาว ละครเวที คอนเสิร์ต

          ผู้ที่นั่งไขว่ห้างเป็นเวลานาน ๆ

          ผู้ป่วยอัมพาต ที่ไม่สามารถขยับตัวไปมาได้

          ผู้ป่วยที่ต้องพักฟื้นหลังผ่าตัด รวมทั้งมารดาที่้ต้องนอนพักฟื้นหลังคลอดบุตร

          ผู้ที่ต้องเข้าเฝือก

          ผู้ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง และโรคพันธุกรรมบางโรค

          ฯลฯ

          นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กจะเสี่ยงต่ออาการผิดปกตินี้ถึง 2 เท่า โดยเฉพาะผู้ที่ต้องนั่งทำงานกับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กบนเครื่องชั้นประหยัด


อาการของ โรค DVT
           ถ้าหากคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงข้างต้น ต้องรีบมาทำความรู้จักอาการของ โรค DVT โดยเร็ว เพื่อสำรวจดูว่า คุณเข้าข่ายเป็น โรค DVT หรือไม่ นั่นก็คือ
หาก นั่งนาน ๆ จะเกิดอาการปวดชาที่ขา เท้าจะบวมแดง ซึ่งมักจะบวมข้างเดียว บางรายอาจจะเห็นเส้นเลือดโปงพอง อาจจะมีอาการปวดกล้ามเนื้อหรือเป็นตะคริว
          ทั้งหมดนี้ สาเหตุเกิดจากการไม่ลุกไปไหนมาไหนเลย ทำให้เลือดที่เคยไหลเวียนได้สะดวก ๆ เกิดการจับตัวเป็นลิ่ม เป็นก้อน มาคั่งอยู่ที่บริเวณเส้นเลือดดำตรงส่วนขา แล้วไหลเข้าไปตามกระแสเลือด ซึ่งอาจไปอุดตันตามอวัยวะที่สำคัญ เช่น ปอด หัวใจ ฯลฯ ทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ดังนั้น ใครที่มีอาการชา บวมแดงที่ขาหรือเท้า ต้องรีบลุกยืดเส้นยืดสายโดยพลัน

          และ นอกจากโรค DVT หรือ Economy Class Syndrome แล้ว ผู้ที่นั่งนาน ๆ ยังควรระวังอาการ Travelers Stroke อีกด้วย ซึ่งเป็นอาการที่เกิดร่วมกับ โรค DVT โดยหลังจากที่เลือดที่จับตัวเป็นลิ่ม ไหลเข้าไปอุดตันหลอดเลือดที่ปอด แล้วหากเกิดหลุดไปถึงหลอดเลือดแดงในสมอง ผ่านทางช่องเปิดที่ผนังกั้นห้องหัวใจ ก็อาจทำให้มีอาการใบหน้าบิดเบี้ยว พูดลิ้นแข็ง แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก จนเป็นอัมพฤกษ์ได้เลยทีเดียว


การรักษาโรค DVT

          หากแพทย์ตรวจพบว่า ผู้ป่วยเป็น โรค DVT แพทย์จะรับตัวไว้ในโรงพยาบาล และให้ยารักษาอาการ รวมทั้งให้ยาป้องกันลิ่มเลือดแข็งตัว

นั่งเครื่องบิน height=253


วิธีป้องกัน โรค DVT
          เห็นความน่ากลัวของ โรค DVT กันไปแล้ว มาดูวิธีป้องกันกันดีกว่า ง่ายที่สุดก็คือ หากนั่งนาน ๆ ไม่ว่าจะนั่งทำงาน หรือเล่นเกม ควรยืดเส้นยืดสายบ้าง ทุก ๆ ชั่วโมง และควรลุกขึ้นเดินทุก ๆ 2 ชั่วโมง ไม่ควรนั่งไขว้ขา

          หากหลีกเลี่ยงการนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์นาน ๆ ไม่ได้ อย่างน้อยให้พยายามกระดิกนิ้วเท้าและข้อเท้าไว้ เพื่อให้เลือดไหลเวียนบ้าง

          ควรดื่มน้ำมาก ๆ ขณะนั่งทำงาน เพื่อจะได้เป็นการบังคับให้ตัวเองลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ จะได้ยืดเส้นยืดสายไปในตัว

          ควบคุมน้ำหนักตัวเอง อย่าให้อ้วน เพราะความอ้วนเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงต่ออาการเส้นเลือดอุดตันได้

          ไม่ควรสวมเสื้อผ้า หรือเครื่องประดับที่รัด จะทำให้การไหลเวียนภายในเส้นเลือดดำไม่สะดวก เพิ่มโอกาสเกิดลิ่มเลือดได้

          ส่วนผู้ที่ต้องใช้เวลาเดินทางบนเครื่องบินเป็นเวลาหลายชั่วโมง ก็มีข้อแนะนำว่า

          ก่อนออกเดินทางให้เลือกใส่เสื้อผ้าหลวม ๆ สบาย ๆ ผู้หญิงไม่ควรสวมถุงน่อง

          ควรเลือกที่นั่งใกล้ ๆ ทางเดินไว้ เพราะจะมีพื้นที่ว่างให้เหยียดแข้งเหยียดขา พอแก้อาการเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวได้

          ให้รับประทานยาแอสไพริน วันละครึ่งเม็ด ก่อนเดินทาง 2 วัน และทานอีกครึ่งเม็ด เมื่ออยู่บนเครื่อง เพราะจะช่วยทำให้เกล็ดเลือดไม่จับตัวเป็นลิ่ม เป็นก้อนได้

          ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ หรืออาหารรสเค็มจัด ให้ดื่มน้ำสะอาดให้มาก ๆ

          หมั่นบริหารขาโดยยื่นเท้าทั้ง 2 ข้างออกไป ยกขึ้นสูง เท่าที่จะยกได้ เหยียดนิ้วเท้ากางออกสัก 3 วินาที แล้วยกเท้าลง เหยียดนิ้วเท้าชี้ลงพื้นดินอีก 3 วินาที ก็จะช่วยบรรเทาอาการเมื่อยขบได้

          หมั่นเปลี่ยนอิริยาบถบ่อย ๆ และที่สำคัญไม่ควรนั่งไขว่ห้าง ที่จะทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก

          ลองใช้ถุงเท้าพันรอบขา เพื่อให้ถุงเท้าออกแรงบีบกล้ามเนื้อขา จะช่วยไล่เลือดจากขากลับไปยังหัวใจ ป้องการอาการลิ่มเลือดอุดตันได้

          ผู้ที่เคยมีประวัติเป็นลิ่มเลือดอุดตันมาก่อน แพทย์อาจให้ยาป้องกันการเกิดลิ่มเลือดอุดตันไว้ก่อนเดินทาง

          รู้จัก โรค DVT กันแล้ว หากใครต้องนั่งเครื่องบิน หรือมีพฤติกรรมที่ต้องนั่งนาน ๆ โดยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็หาเวลาลุกไปยืดเส้นยืดสายกันหน่อยดีกว่า โรค DVT จะได้ไม่มาถามหาให้กวนใจ


ที่มา: http://health.kapook.com/view14346.html
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 พฤศจิกายน 2016, 11:54:54 โดย Master »